ปช.อยากได้รมต.อีก1เก้าอี้ นปช.ขวาง‘บิ๊กเล็ก’รมช.กห.

"รทสช." ย้ำกลางที่ประชุมใหญ่ดีเอ็นเอ "ลุงตู่" อาสาสู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง ปลุกลูกพรรคเลือกตั้งครั้งหน้ากวาด 250 เสียง ดัน "พีระพันธุ์"  นั่งนายกฯ "สุชาติ" ยันไร้สัญญาณติดโผ ครม.เศรษฐา 2  "ทวี" แย้มอยากได้ รมต. เพิ่ม 1 เก้าอี้ "วันนอร์" ลั่นจบแล้วปัดโดนทวงตำแหน่ง ปธ.สภาฯ "อีโต้อีสาน"  ขวางดึง "บิ๊กเล็ก" รมช.กลาโหม ขู่แดงรับไม่ได้ระวังคลื่นใต้น้ำ

ที่สโมสรราชพฤกษ์ เมื่อวันที่ 21  เมษายน พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2567 โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค สส. ตัวแทนสาขาพรรคจากทั่วประเทศ และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3  ส.ค.2565 พรรคได้ประชุมใหญ่ครั้งแรกที่นี่ จึงใช้สถานที่แห่งนี้จัดประชุมใหญ่ เพราะในวันนั้นได้ประกาศจะพา สส.เข้าในสภา วันนี้เราทำสำเร็จแล้ว ถือว่าสำเร็จเกินความคาดหมาย ต้องขอบคุณคนสำคัญที่สร้างดีเอ็นเอให้กับ รทสช.  คือลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของพวกเรา ในปี 2567 พรรคจะทำงานเพิ่มมากขึ้น โดยพรรคได้รับเงินสนับสนุนจากประชาชนผ่านระบบภาษีในปี 2566 กว่า 4 ล้านบาท เชื่อว่าในปี 2567 จะได้รับบริจาคจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น

หัวหน้า รทสช.กล่าวว่า พรรคสู้ให้ทุกปัญหาพึ่งพาได้ทุกเรื่องทั้งในและนอกสภา ในปี 2566 ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นพรรคเล็ก เป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ อยู่นอกสายตา แต่ผลการเลือกตั้งในปี 2566 พรรคมี สส.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ 36 ที่นั่ง กำลังที่สำคัญที่สุดคือลุงตู่ แม้วันนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ถือเป็นส่วนหนึ่งของ รสทช. ทำให้ได้ สส.ถึง 36 ที่นั่ง คณะกรรมการบริหารพรรคไม่เคยลืมบุญคุณ ด้วยเหตุผลความจำเป็น พล.อ.ประยุทธ์ต้องไปทำหน้าที่ใหญ่กว่า รทสช.ทุกคนต้องเดินหน้าต่อด้วยความมั่นคงและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

 “เราต้องเก็บดีเอ็นเอของลุงตู่ไว้ให้กับ รทสช. เพื่อให้เป็นพรรคที่เดินหน้าได้อย่างมั่นคง เข้าไปนั่งในใจของประชาชน ที่สำคัญที่สุดทำอย่างไรให้ประชาชนรู้สึกว่า สู้ให้ทุกปัญหาพึ่งพาได้ทุกเรื่องจริงๆ ไม่ใช่แค่วาทกรรม ผมพยายามทำงานอย่างที่ตั้งใจ เหมือนสมัยที่อยู่กับลุงตู่ ทำพรรคจากที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยได้รับการสนับสนุนอะไร แต่พรรครวมไทยสร้างชาติก็มาถึงวันนี้ได้ ขอให้เชื่อว่า รทสช.จะแข็งแกร่งกว่านี้” นายพีระพันธุ์ระบุ

นายพีระพันธุ์กล่าวย้ำว่า ไม่มีพรรคการเมืองไหนไม่อยากประสบความสำเร็จ ไม่อยากทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง แต่ถ้าชนะเลือกตั้งเพื่อพรรคขออยู่บ้านดีกว่า ไม่อยากชนะเลือกตั้ง เพื่อให้ตัวเองเป็นอะไร แต่อยากชนะการเลือกตั้ง เพื่อให้พรรคเข้ามารื้อสิ่งที่แย่ที่สุดของประเทศ ปลดพันธนาการให้กับชีวิตของคนไทยทั้งชาติ นี่คือพันธกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติในปีหน้า และปีต่อๆ ไป สิ่งสำคัญต้องเป็นพรรคที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเมื่อมาหาแล้วจะมีคนช่วย ไม่ได้คาดหวังว่ามาขอให้ช่วยแล้วประสบความสำเร็จทุกเรื่อง

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์  เลขาธิการพรรค กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติถูกปรามาสมาโดยตลอดว่า จะได้ สส.หรือไม่ แต่วันนี้ได้คะแนนเสียงสนับสนุนจากประชาชนเกือบ 5 ล้านเสียง มี สส.ในสภาถึง 36 ที่นั่ง ที่ทำได้เพราะอุดมการณ์ของลุงตู่ พวกเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

รทสช.ฝันกวาด 250 เสียง

 “ผมไม่ได้หวังให้พี่ตุ๋ยเป็นนายกฯ ส้มหล่น แต่หวังว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป พวกเราจะสู้ ช่วยกัน 36 ที่นั่ง ไม่พอที่จะเสนอตั้งนายกฯ ได้ เป้าหมายคือ 250 เสียง อย่าให้เลขาฯ ขิงทำหน้าที่อยู่คนเดียว พวกท่านต้องช่วยผมด้วย” นายเอกนัฏระบุ

เลขาธิการ รทสช.กล่าวว่า มีสื่อมวลชนมาถามว่า รทสช.จะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ วันนี้ไม่ต้องไปฟังข่าวลือต่างๆ ทั้งรัฐมนตรีและว่าที่รัฐมนตรีทั้งหมดมาอยู่ในห้องนี้แล้ว แต่ขอยืนยันกับทุกคนว่าเรามาด้วยความรักความสามัคคี ด้วยความเสียสละ รัฐมนตรีทุกคน สส.ทุกคนไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง ทุกคนทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มความสามารถ วันนี้จิตวิญญาณของลุงตู่ยังอยู่กับพวกเราทุกคน ตนขอยืนยันจะต่อสู้ร่วมกับนายพีระพันธุ์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อให้หัวหน้าพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างสง่าผ่าเผย

จากนั้นนายพีระพันธุ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเอกนัฏประกาศจะดันนายพีระพันธุ์ให้เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า เป็นเรื่องธรรมดาในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีต้องพูดแบบนี้ ทุกพรรคต้องประกาศในความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อจะชนะการเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องของประชาชน เราไม่มีวันรู้อนาคตได้ ซึ่งยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปและการขับเคลื่อนพรรคไม่ง่าย ไม่มีอะไรง่าย แต่ต้องทำ

เมื่อถามว่า ในการปรับ ครม. เก้าอี้ รมว.พลังงานยังเป็นของ รทสช.ใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า จะมีการปรับ ครม.หรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะนายกฯยังไม่เคยมาพูด คนที่มีอำนาจคือนายกฯ  เมื่อยังไม่มีการพูดอย่างเป็นทางการก็ถือว่าไม่มี ฉะนั้น 4 คนนี้ก็ยังอยู่

ส่วนกรณีนางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ผู้อำนวยการพรรคคนเดิมได้ถูกแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคจึงมีมติแต่งตั้งให้นางพิชชารัตน์ รองเลขาธิการพรรค ไปเป็นรักษาการผู้อำนวยการพรรค แต่ปัจจุบันมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการพรรคคนใหม่ นางพิชชารัตน์จึงหมดหน้าที่ ยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไร

นายเอกนัฏให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมวันนี้ ไม่มีเรื่องการปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรค ข้อเท็จจริงจนถึงวันนี้ยังไม่มีการประสานมาเพื่อปรับ  ครม. ในส่วนของ รทสช. ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาอะไรทั้งสิ้น ยืนยันว่า ตำแหน่งรัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง พรรคมีกลไกเงื่อนไขการพิจารณาอยู่แล้ว ไม่ยึดเอาโควตา ไม่เอาเรื่องภาคมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเราดูความเหมาะสม ดูความสามารถและประสบการณ์

เมื่อถามว่า จะมีการแลกกระทรวง มีการคุยกันหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า ต้องมีการคุยกัน แต่ถ้าไม่มีการสื่อสารมาต้องยึดตามเงื่อนไขเดิม ดังนั้นถ้าไม่มีการสื่อสารมาจะพิจารณาล่วงหน้าไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าข้อเสนอที่เขายื่นมาจะเป็นอย่างไร

นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นรัฐมนตรีว่า  สื่อมวลชนให้กำลังใจตน ขอขอบคุณสื่อมวลชนและทุกคนที่ให้กำลังใจ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรทั้งสิ้น อันดับแรกต้องอยู่ที่นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลมากกว่า เราเป็น สส. วันนี้เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อยู่ตรงไหนก็ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองได้ ไม่ได้ยึดติดอยู่แล้ว 1 ปีที่ผ่านมาเป็น สส.ก็ลงพื้นที่ตลอด

ที่โรงแรมอัล มีรอซ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ครั้งที่ 1 ว่า ตั้งพรรคมาแล้ว 6 ปี แต่ 4 ปีแรก เป็นฝ่ายค้าน 7 เดือนนี้ได้เป็นรัฐบาล สิ่งสำคัญคือประชาชนหรือสมาชิกพรรคไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล แต่รัฐบาลต่างหากที่อยู่รับใช้ประชาชน เราตั้งเป้าว่าพรรคจะใหญ่ขึ้น เป็นพรรคที่มีอัตลักษณ์ของตัวเอง เป็นสถาบันของประชาชนให้ได้ ซึ่งต้องรักษาฐานสามจังหวัดชายแดนให้ดีขึ้น ครั้งนี้มี สส.เขต 7 คน ครั้งต่อไปควรจะได้ 13 คน เพราะครั้งนี้เราเป็นรัฐบาลมีอะไรก็ช่วยกันผลักดันเรื่องพื้นที่ภาคใต้ สิ่งสำคัญที่ต้องแก้มี 3 เรื่องคือ 1.ปัญหายาเสพติด 2.ขจัดผู้มีอิทธิพล และ 3.การต่อสู้กับความยากจน ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนในส่วนของทั้งรัฐมนตรีและสภา

เมื่อถามว่า ได้มีการตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ว่าครั้งหน้าจะได้ สส.กี่เก้าอี้  พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เป้าหมายจะเป็นแค่ภาคใต้ก่อน เมื่อถามย้ำว่าภาคใต้คือทั้งหมดกี่คน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ภาคใต้คือ 14 จังหวัด

ปช.อยากได้ รมต.อีกเก้าอี้

ส่วนกระแสการปรับ ครม. ในสัดส่วนของพรรค ปช.นั้น พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าเป็นอำนาจนายกฯ ซึ่งยังไม่เคยมาพูดคุยกับพรรค แต่ ปช.ได้พูดคุยกัน เพราะพรรคได้โควตารัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่อยากได้ 2 คน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้

เมื่อถามว่า กระแสที่ออกมาเรื่องการเปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น  จบไปแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า  เป็นที่สื่อออก แต่ยังไม่ได้ยินจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเข้าใจดีว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็น สส. 500 คนเป็นคนเลือก และประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ต้องเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้น ใครก็ตามที่เป็นประธานจะต้องเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนี้ ไม่เคยได้ยินเรื่องการจะเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีข้อเสนอใหม่เพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 1 ที่นั่ง เพื่อแลกกับตำแหน่งประธานสภาฯ นั้น พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของตนเท่านั้น เพราะจะต้องให้เกียรติและเป็นไปตามโควตา ซึ่ง ปช. ต้องรักษามารยาท เพราะมี สส.เพียง 9  คน

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร  กล่าวถึงเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยืนยันไปแล้วว่าไม่มีการเปลี่ยน แต่หากมีการเสนอสูตรใหม่เพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรีใน ครม.ให้พรรคประชาชาติจะทบทวนหรือไม่ ว่าจบแล้ว เพราะการปรับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกฯ เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่ประธานและรองประธานสภาฯ เป็นเรื่องของสภา ไม่เกี่ยวโยงกัน

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการเสนอเก้าอี้รองนายกฯ เพื่อให้ไปดูแลพื้นที่ภาคใต้ แลกกับเก้าอี้ประธานสภาฯ  จะพิจารณาทบทวนหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ไม่ตอบคำถามและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที

นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวว่า เวลานี้มีการพูดถึงกันมาก พาดพิงตำแหน่งประธานสภาฯ  พยายามลากเข้ามาให้มีความเกี่ยวโยงกับการปรับ ครม. มีการระบุอยู่ในเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนเก้าอี้ ทั้งที่ในความเป็นจริง การปรับ ครม. กับตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นคนละบทบาทหน้าที่ คนละอำนาจ นายกฯ พิจารณาเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมมาร่วมทำงานใน ครม. ส่วนประธานสภาฯ เป็นผู้นำสูงสุดฝ่ายนิติบัญญัติ ถูกเลือกมาจาก สส.ที่มาจากตัวแทนประชาชน ด้วยจำนวนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมสภาฯ ดังนั้นหากมีความพยายามล่วงล้ำเขตแดนอำนาจอีกฝ่าย จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และอาจทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างได้

นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสต่อต้านของคนเสื้อแดงที่ไม่ต้องการให้นำ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ มาดำรงตำแหน่ง รมช.กลาโหมว่า การปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกฯ ส่วนตัวไม่ขัดข้องหาก พล.อ.ณัฐพลจะเป็น รมช.กลาโหม  แต่ทราบว่าคนเสื้อแดงและกลุ่มคนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมีความไม่สบายใจชื่อ  พล.อ.ณัฐพล ตั้งแต่ตอนที่มีชื่อเป็น รมว.กลาโหม ช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ เวลาผ่านมาถึงตอนนี้ก็ยังมีความไม่สบายใจอยู่ อย่างน้อยอยากให้เปลี่ยนเป็นทหารคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปราบคนเสื้อแดง ส่วนตัวเป็นห่วงความรู้สึกคนเสื้อแดงไม่อยากให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นในรัฐบาล จนอาจกระทบต่อการบริหารรัฐบาล หากเป็นทหารคนอื่นเชื่อว่าความรู้สึกคนเสื้อแดงน่าจะพอรับได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง