เคาะเลือกซ่อมหลักสี่30ม.ค.

“ธนกร” ยินดีฝ่ายค้านกลับเข้าที่เข้าทางในปีเสือใช้เวทีสภาถ่วงดุลรัฐบาล อัดปี 2564 เอาแต่ผสมโรงม็อบท้องถนน “เพื่อไทย” กางไทม์ไลน์จัดหนัก เล็งยื่นอภิปรายไม่ลงมติเดือนนี้ ส่วนสมัยประชุมหน้าจัดเต็มกฐินไม่ไว้วางใจ พ่วงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความวาระ “บิ๊กตู่” กกต.เคาะแล้วเลือกตั้งหลักสี่ 30 ม.ค. ศึกชุมพรยังเดือด! ปชป.เชื่อมั่นรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้ ส่วน “กล้า” แฉซ้ำอดีตแม่ทัพภาค 2 เข้ามาจุ้น

เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุว่าการเมืองปี 2565 ฝ่ายค้านจะทำงานในสภาเข้มข้นขึ้นว่า รู้สึกยินดีที่ฝ่ายค้านจะกลับมาทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลในสภาให้มากขึ้น เพราะปีที่ผ่านมาฝ่ายค้านออกแนวผสมโรงกับม็อบบนท้องถนนเสียส่วนใหญ่ ซึ่งรัฐบาลพร้อมชี้แจง ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หรือแม้กระทั่งการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ก็ตาม

เมื่อถามถึงกรณีนายสุทินระบุว่าขณะนี้มีสัญญาณบ่งบอกว่ารัฐบาลกำลังบริหารจัดการงบประมาณไปในทิศทางเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งดูได้จากการออกโปรโมชั่นเยอะมาก นายธนกรระบุว่า ยืนยันว่าการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นการตัดสินใจใช้งบประมาณโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่การใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นความนิยมของรัฐบาลเหมือนรัฐบาลในอดีต โดยนายกฯ ประกาศชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่มีการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเด็ดขาด ดังนั้น ไม่อยากให้ฝ่ายค้านรีบตีโพยตีพายเพียงเพราะเห็นนโยบายของรัฐบาลโดนใจประชาชน จึงกลัวว่าคะแนนนิยมของตัวเองจะตกไป

ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท. ยืนยันว่า สถานการณ์การเมืองในปี 2565 คงร้อนแรงกว่าปี 2564 ปัจจัยหลักคือปัญหาของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยังคงควบคุมเสียง ส.ส.ไม่ได้ โดยการเมืองในสภา ปี 2565 ต้องจับตาดูว่ามีกฎหมายไหนสำคัญเข้า โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับการเงินต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นธรรมดาเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายของรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมย่อมมีปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มไม่เกรงใจกัน ต่างฝ่ายหาโอกาสในการฉกฉวยคะแนน ซึ่งหากไม่อยากให้เกิดปัญหาพรรคร่วมรัฐบาลควรไปเคลียร์กันเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรับทั้งศึกในและศึกนอกรัฐบาล

นายสมคิดกล่าวว่า ส่วนการนับอายุวาระของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ทุกฝ่ายไม่ต้องมานั่งเถียงกัน พรรคเพื่อไทยยืนยันเตรียมส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด นอกจากนี้ในส่วนของการอภิปรายตามทั่วไป โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 และ 152 พรรคฝ่ายค้านเตรียมเสนอต่อประธานรัฐสภาในเดือน ม.ค. และในสมัยประชุมหน้า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน ซึ่งการอภิปรายในสมัยประชุมนี้เตรียมจัดเต็มทั้งข้อมูล ข้อเท็จจริง และหลักฐานการทุจริตของรัฐบาล

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ว่าสภาได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ฉบับของพรรค พท.อยู่ระหว่างขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 และเนื่องจากเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน จึงต้องส่งไปยังนายกฯ เพื่อพิจารณาว่าจะให้คำรับรองหรือไม่ จึงจะบรรจุในระเบียบวาระได้ ส่วนร่าง พ.ร.ป.อีก 3 ฉบับ ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล พรรคร่วมรัฐบาล และฉบับของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ได้เสนอเข้ามาภายหลังก็จะดำเนินการเช่นเดียวกัน

 “โดยหลักการ หากกฎหมายลูกฉบับใดฉบับหนึ่งผ่านกระบวนการสอบถามความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญแล้ว หากมีฉบับอื่นที่เป็นเรื่องเดียวกัน ประเด็นเดียวกัน ฉบับนั้นก็บรรจุเป็นวาระการพิจารณาได้โดยไม่ต้องไปทำซ้ำอีก ดังนั้น หากร่าง พ.ร.ป.ฉบับพรรคเพื่อไทยผ่านการรับฟังความคิดเห็นเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อส่งนายกฯ ให้คำรับรองมา ก็จะบรรจุวาระได้ทันที คาดว่าจะพิจารณาได้ทันในช่วงเดือน ม.ค.2565 ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเป็นกฎหมายไม่เกี่ยวด้วยการเงิน เมื่อผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแล้วก็จะบรรจุวาระได้เลย” นายชวนกล่าว

เคาะ 30 ..เลือกตั้งหลักสี่

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ต่างๆ โดยล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมนัดพิเศษทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณากำหนดวันเลือกตั้ง และวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 9 กรุงเทพมหานคร แทนนายสิระ เจนจาคะ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจาก ส.ศ.แล้ว โดยที่ประชุมมีมติกำหนดวันออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง คือวันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค.นี้ เวลา 08.00-17.00 น. และเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 6-10 ม.ค. เวลา 08.30-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยสถานที่รับสมัครคือสำนักงานเขตหลักสี่

ส่วนนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชุมพร ว่า การหาเสียงเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีระยะเวลาค่อนข้างสั้น แต่นายชุมพล จุลใส หรือลูกหมี อดีต ส.ส.ชุมพร ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้ว จึงมีการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งซ่อมเอาไว้ดีพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำความเข้าใจกับประชาชนในเขตเลือกตั้งนี้ ว่านายชุมพลต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.จากการออกไปช่วยชาติบ้านเมือง แต่การกระทำบางอย่างถูกฟ้องร้องว่าผิดกฎหมาย

 “แม้คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด แต่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้นายชุมพลต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ซึ่งหลังจากได้มีการชี้แจงเรื่องดังกล่าวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ประชาชนในพื้นที่ก็มีความเข้าใจ และพร้อมสนับสนุนนายอิสรพงษ์ มากอำไพ ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับนายชุมพลด้วย” นายสาทิตย์กล่าว

นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า สำหรับการหาเสียงในพื้นที่นี้ เราจะเน้น 2 แผนคือ 1.การลงพื้นที่ไปพบประชาชนถึงทุกบ้านเป็นหลัก เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับนายชุมพล พร้อมกับขอโอกาสให้ผู้สมัครของพรรคที่ถือเป็นตัวแทนนายชุมพล โดยเราได้จัดคณะ ส.ส.ที่มาช่วยหาเสียงเป็นกลุ่มในการไปพบปะประชาชนถึงทุกบ้าน และ 2.การจัดเวทีปราศรัย เราจะเน้นการปราศรัยเป็นรายตำบลรวมกัน 2-3 ตำบล เพราะประชาชนในยุคนี้มีเวลาค่อนข้างน้อย และต้องการฟังปราศรัยในจุดที่ใกล้บ้าน ดังนั้น แต่ละเวทีย่อยของเราจะใช้ผู้ปราศรัยไม่มาก และจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง สำหรับการจัดปราศรัยใหญ่ที่หัวหน้าพรรค ปชป.จะมาร่วมเวทีด้วยนั้น น่าจะอยู่ในช่วง 2-3 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้เรากำลังพิจารณาเรื่องวันที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน นายอิสรพงษ์ที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่ของพรรค มีเครือข่ายคนรุ่นใหม่มาร่วมทำสื่อโซเชียลในการช่วยหาเสียงด้วย

"การเลือกตั้งที่ชุมพร เรามั่นใจมาก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้เลือกเพื่อไปตั้งรัฐบาล ไม่มีปัจจัยตัวนายกรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นการเลือกตั้งซ่อมที่มีความพิเศษ เนื่องจากนายชุมพลไม่ได้พ้นจากความเป็น ส.ส.เพราะโกง หรือทำร้ายใครมา จึงเชื่อว่าคนชุมพรจะคืนความเป็นธรรมให้กับนายชุมพล ถ้าไม่มีการสกัดจากอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ก็มั่นใจว่าจะคืนความเป็นธรรมได้" นายสาทิตย์กล่าว

เมื่อถามว่ากังวลคู่แข่งของพรรค พปชร.หรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า เราเห็นถึงความผิดปกติของผู้สมัครจาก พปชร. โดยมีการกลับมติจากเดิมที่ไม่ส่งมาเป็นส่งผู้สมัคร เพราะมีอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่เราทราบกันดีว่าคือใครอยู่เบื้องหลัง ซึ่งในส่วนนี้คนชุมพรเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐไม่จริงใจที่จะส่งผู้สมัครตั้งแต่ต้น

แฉอดีต มทภ.2 จุ้นชุมพร

ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า พรรคกล้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ทั้ง 3 เขตคือ กทม., ชุมพร และสงขลา ยอมรับว่าต่างจังหวัดมีอิทธิพลเรื่องเงินอย่างมหาศาล ทำให้อดกังวลไม่ได้ว่าการใช้เงินจำนวนมาก โดยไม่มีใครสามารถเอาผิดกับใครได้ โดยสมัยก่อนใช้แค่ 50-100 บาท แต่ปัจจุบันใช้ 2,000-3,000 บาท และมีการใช้เงินอย่างโจ่งแจ้งมากขึ้น

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า ได้ติดต่อ กกต.ไปแล้วว่าต้องมีการปลูกฝังค่านิยม โดย กกต. น่าจะสร้างแคมเปญสร้างค่านิยมว่าถ้ามีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่าไปเลือก เพราะหลังจากกรณีที่พรรค ปชป.ออกมาระบุว่ามีนายทหารชื่อย่อว่า เสธ.ต. พร้อมกำลังพลส่วนหนึ่ง เข้าไปในพื้นที่จังหวัดชุมพร หวังใช้อิทธิพลกดดันในการเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นจนกองทัพบกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ออกมายืนยันว่าไม่มีทหารในกองทัพภาคที่ 4 เข้าไปเกี่ยวข้อง ล่าสุดมีรายงานว่าคณะกรรมการสอบสวนฯ จะสรุปข้อเท็จจริงในสัปดาห์นี้ โดยพบข้อมูลว่านายทหารถูกพาดพิงคนดังกล่าวเป็นถึงระดับผู้บังคับหน่วยทหารม้าในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิด และได้รับความไว้วางใจจากอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คนหนึ่ง ซึ่งอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คนนั้น ในปัจจุบันมาช่วยงานรัฐบาลและพรรคการเมือง โดยกองทัพบกกำลังให้ต้นสังกัดสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาพาดพิงหรือไม่

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า เมื่อวันที่ 2 ม.ค. พรรคได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2565 เพื่อแก้ไขข้อบังคับการประชุม เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ที่ประชุมใหญ่ได้มีมติเลือก พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) นายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ และหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของการบินไทย มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค

 “ถือว่าพรรคไทยภักดีได้เปิดตัวเลขาธิการพรรคไทยภักดีอย่างเป็นทางการ ส่วนตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพรรค จะประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการอย่างยิ่งใหญ่เร็วๆ นี้”

นพ.วรงค์โพสต์อีกว่า ยังได้แนะนำให้ที่ประชุมรู้จักว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร คือนายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ และผู้ที่จะทำหน้าที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้คือ นายทินกร ปลอดภัย ซึ่งเป็นอดีตทีมงานนายถาวร เสนเนียม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง