‘ช่อ’เมิน‘กกต.’ สกัด‘ออนไลน์’ เลือกตั้งสภาสูง

ดักทางก้าวหน้า-ก้าวไกลยึดสภาสูง กกต.ออกโรงเตือนหยุดชวนคนสมัคร สว.และกรอกคุณสมบัติ-จุดยืน เพื่อนำไปเผยแพร่ออนไลน์ เสี่ยงผิดกฎหมาย หากพบผิดดำเนินการตามกฎหมายทันที “น้องช่อ” ไม่สะท้าน ขอทำงานเดินหน้าชวนคนลง สว.ต่อ ยันดูข้อกฎหมายแล้วไม่ผิด เชื่อพุ่งเป้าเว็บ  “Senate 67”

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 สำนักงานคณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.)​ ออกเอกสารแจ้งเตือนระบุว่า ไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น สว.ได้ หลังปรากฏตามสื่อออนไลน์ต่างๆ มีกลุ่มและตัวแทนองค์กรจัดแคมเปญให้มีการจูงใจ  ชี้ชวน รวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพ รวม 20 กลุ่ม ให้เสนอตัวเป็นผู้สมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา ในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด  ระดับประเทศ  

โดยมีผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้ารับการเลือกเป็น สว.จำนวนมาก ไปกรอกข้อมูลส่วนตัว วิสัยทัศน์ และข้อมูลอื่นๆ ลงในเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ผู้จัดแคมเปญได้รวบรวมรายชื่อผู้สมัครไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ของตนเอง อันเป็นการจัดตั้งบุคคลให้มาเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. โดย กกต.เห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย  จึงขอแจ้งให้ผู้ประสงค์จะลงสมัครเข้ารับการเลือกเป็น สว. ไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งจุดยืนให้เผยแพร่และปรากฏอยู่ในเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ใดๆ

ทั้งนี้ สำนักงาน กกต.ได้รวบรวมข้อเท็จจริงข้อมูลและพยานหลักฐานตามที่ปรากฏเรียบร้อย หากพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย หรือมีผู้ร้องเรียนว่าฝ่าฝืนกฎหมาย ก็จะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายทันที จึงขอให้ยกเลิกและยุติการกระทำดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะก้าวหน้านำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้าเปิดแคมเปญ “สว.ประชาชน” เชิญชวนคนธรรมดาร่วมลงสมัครเพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือก สว. เพื่อปลดล็อกการเมืองไทย ได้ สว.ที่รับใช้ประชาชน มาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสรรหาองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม โดยตั้งเป้าให้มี สว.ที่มีอุดมการณ์เดียวกันมากพอต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ยังพบว่านายธนาธรเชิญชวนกลุ่มมวลชนในเครือข่ายพรรคก้าวไกลลงสมัคร สว.  โดยมีการเดินสายรณรงค์มาแล้วหลายจังหวัด และวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน จะไปหนองบัวลำภู วันจันทร์ที่ 29 เมษายน ไปสกลนครและมุกดาหาร

ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวในเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ต้องแยกให้ชัดว่า กกต.กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ วันนี้มีความเคลื่อนไหวจาก กกต.  2 ชุด ชุดแรกเป็นการออกระเบียบของ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวผู้สมัคร สว.  ซึ่งอ่านแล้วก็สบายใจว่าสอดคล้องกับที่ประธาน กกต.เคยพูดไว้ แต่ขณะเดียวกัน กกต.ก็ออกประกาศโพสต์ในเฟซบุ๊กระบุชัดเจนว่าการรวมกลุ่มการแสดงตัวในหน้าเว็บไซต์ไม่ถูกต้อง กกต.เก็บข้อมูลไว้แล้ว มีการกล่าวในลักษณะว่าให้หยุดการกระทำ หากไม่หยุดจะถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งหากเอาให้ชัดคือ ไม่ใช่แคมเปญของคณะก้าวหน้า

 “เมื่อ กกต.โพสต์เฟซบุ๊กแบบนี้ คำถามแรกก็คือแม้จะไม่ได้กระทบอะไรกับคณะก้าวหน้า แต่ กกต.ใช้อำนาจอะไร  เพราะในระเบียบของ กกต.ที่ออกมาในวันเดียวกัน ไม่มีข้อไหนเลยนะคะที่บอกว่าห้าม Senate 67 ไม่สามารถตีความได้เลยว่าเว็บไซต์ Senate 67 ผิดระเบียบข้อไหน แล้วทำให้ตั้งคำถามได้ต่อไปว่า กกต.เอาอำนาจใหม่มาบังคับใช้” น.ส.พรรณิการ์กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นการตัดตอนคนที่ประสงค์จะลงสมัครหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ได้ยินข่าวลือมาว่ามีความกังวลมากเรื่อง สว.สีส้ม ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าสีส้มคืออะไรกันแน่ แต่มีความกังวลกันว่าเดี๋ยวจะได้มาเยอะ และพยายามหาช่องทางที่จะสกัดกั้น โดยการให้ใบแดงกับบุคคลเหล่านี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้น มันจึงเกิดความพยายามอะไรประหลาดๆ ขึ้นมา เพื่อจะให้สิ่งถูกกฎหมายเป็นสิ่งผิดกฎหมายให้ได้  พร้อมย้ำว่าการรณรงค์ของคณะก้าวหน้าก็ยังดำเนินต่อไป เพราะไม่มีอะไรผิดกฎหมายอยู่แล้ว เป็นเพียงการเชิญชวนให้ประชาชนไปสมัคร และหาก Senate 67 ผิด กกต.สามารถมีระบบรองรับให้ประชาชนเข้าไปดูข้อมูลผู้สมัครได้หรือไม่ เพราะเห็นว่ามีการคาดการณ์ว่ามีผู้สมัคร 300,000 คน

 “ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไร แต่ชัดเจนว่ากลัว ถึงแม้จะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่ก็ต้องมีปฏิบัติการทางจิตวิทยาอะไรบางอย่างที่ทำให้ประชาชนกลัวและถอนชื่อออกไป และไม่ลงชื่อเพิ่ม โดยในนามของคณะก้าวหน้าคงเดินหน้าต่อไป และคงต้องถามไปที่ผู้จัดทำเว็บไซต์ Senate  67 ว่าควรต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด ซึ่งมีหลายช่องทาง ทั้งการถามตรงไปที่ กกต. หรือการฟ้องศาลปกครอง มองว่าเราควรต้องทำ เพราะไม่ควรให้องค์กรอิสระลุแก่อำนาจ ในการทำอะไรที่เกินตัวบทกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน​ กกต.​ ได้ลงนามในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับ โดยสาระสำคัญของระเบียบดังกล่าว กำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครรับเลือกสามารถแนะนำตัวได้ นับแต่วันที่ระเบียบฉบับนี้มีผลใช้บังคับ

ต่อมาเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศ กกต.เรื่องการมีลักษณะอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ตามมาตรา 11 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มีสาระสำคัญระบุว่า  พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 11 กำหนดให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวนสองร้อยคนซึ่งมาจากการเลือกกันเองของบุคคล ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะหรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทำงานหรือเคยทำงานด้านต่างๆ ที่หลากหลายของสังคมในแต่ละกลุ่ม จำนวนยี่สิบกลุ่ม และการมีลักษณะอื่นๆ ในทำนองเดียวกันของแต่ละกลุ่มอาชีพ ให้เป็นไปตามที่ กกต.ประกาศกำหนด จึงสมควรให้มีประกาศ กกต.เรื่อง การมีลักษณะอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ตามมาตรา 11 วรรคสอง เพื่อให้การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. พ.ศ.2560 และมาตรา 11 วรรคสอง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 จึงออกประกาศไว้ โดยมีทั้งสิ้น 20 ข้อ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง