ด้ามขวานเดือด ลอบบึ้มโรงไฟฟ้า ปัตตานี-สงขลา

คนร้าย 20 คนบุกเผา-วางระเบิดโรงไฟฟ้าชีวมวลที่แม่ลาน ระเบิดทันที 5 ลูกในจุดสำคัญเสียหายกว่า 27 ล้าน แต่ไร้คนบาดเจ็บ ส่วนสงขลาเผายางรถยนต์และวางบึ้มโรงไฟฟ้าสะบ้าย้อย เชื่อมุ่งเป้าทำลายเศรษฐกิจด้ามขวาน คาดคนในเกลือเป็นหนอนชี้เป้า

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 25  เม.ย.2567 ร.ต.อ.นที มีสุขศรี สว.สอบสวน สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนพร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าไปจับกุมตัวคนงานก่อนวางเพลิงและลอบวางระเบิดภายในโรงงานไฟฟ้า บริษัทประชารัฐชีวมวลแม่ลาน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายยะลา-ปัตตานี ม.7 ต.ป่าไร่ อ.แม่ลาน หลังได้รับแจ้งจึงรีบประสานหน่วยกำลังร่วมในพื้นที่เข้าไปที่เกิดเหตุ และเมื่อไปถึงพบคนงานของโรงงานจำนวนหนึ่งหนีตายออกมาหลบอยู่บริเวณริมถนนหน้าโรงงาน และยังพบว่ามีเพลิงไหม้เกิดขึ้นบริเวณภายในโรงงาน จึงได้ประสานรถดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ เมื่อเข้าไปพบว่าภายในโรงงานเกิดเพลิงไหม้บริเวณอาคารเก็บไม้และรถยนต์ จึงได้ระดมฉีดน้ำอย่างเร่งด่วน โดยใช้เวลา 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้

จากการตรวจสอบพบว่าอาคารเก็บเชื้อเพลิงไม้สับได้รับความเสียหายและรถเก๋งและรถจักรยานยนต์ของคนงานเสียหาย 2 คัน นอกจากนี้ยังพบว่าคนร้ายได้ลอบวางระเบิดอีกหลายจุดจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ประกอบด้วย 1.อาคาร water treatment 2.ห้องควบคุม control (DCS) 3.จุดติดตั้ง turbine 4.Air compressor และ 5.อาคารเก็บเชื้อเพลิงไม้สับ Warehouse ถูกลอบวางเพลิง ความเสียหายเบื้องต้นกว่า 27 ล้านบาท

ทั้งนี้ การสอบสวนทราบว่า ขณะที่คนงาน 7 คน กำลังทำงานเฝ้าเครื่องผลิตไฟฟ้าอยู่ภายในโรงงาน ส่วน รปภ. 2 คนเฝ้าที่ป้อมยามทางเข้าโรงงาน ปรากฏมีคนร้าย 10 คนสวมหมวกไอ้โม่งบุกเข้ามาจากด้านหลังโรงงานซึ่งเป็นป่า และอีก 10 คนบุกเข้ามาด้านหน้าใช้อาวุธสงครามจ่อคนงานทั้งหมดให้หมอบกับพื้นพร้อมตะโกนว่าจะวางระเบิด 10 ลูกในโรงงาน ก่อนคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิกนิก น้ำหนักลูกละ 10 กิโลกรัมหลายลูกกระจายเข้าไปวางภายในห้องต่างๆ คนร้ายบางส่วนได้ลอบวางเพลิง ระหว่างนั้นคนร้ายได้ไล่คนงานทั้งหมดออกจากโรงงาน และหลังปฏิบัติการณ์ก็ได้วิ่งหลบหนีออกไปจากโรงงานทันที กระทั่งเวลา 00.30 น. ได้เกิดระเบิดขึ้นทันที 5 ลูก

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าช่วงเกิดเหตุกล้องทุกตัวดับหมด ขณะที่ก่อนหน้านี้ใช้งานได้ทุกตัว และการลอบวางระเบิดตามจุดต่างๆ ทั้ง 5 จุดนั้นน่าสังเกตว่าเหมือนคนร้ายจะรู้ว่าควรวางจุดไหนของโรงงานที่เป็นเครื่องจักรและระบบสำคัญ ๆ ของโรงงาน ทำให้เจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายบางคนอาจเคยทำงานหรืออาจมีคนในรู้เห็น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการรวบรวมเก็บวัตถุพยานต่างๆ เพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยงว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด

ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 26 เม.ย. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อเก็บหลักฐานต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่ เนื่องจากทราบทางเข้าทางออก และเส้นทางๆ ต่างๆ ภายในโรงงานเป็นอย่างดี และคาดว่าคนร้ายยังคงหลบซ่อนตัวในพื้นที่

สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวลดังกล่าว เพิ่งเปิดเพียง 6 เดือน และก่อนหน้านี้ได้มีมวลชนบางกลุ่มได้ออกมาต่อต้านการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าดังกล่าว โดยอ้างว่าก่อให้เกิดมลพิษในชุมชน

ในเวลาใกล้เคียงกัน ได้เกิดเหตุคนร้าย 4 คนแต่งกายด้วยชุดดำพรางตัวและใบหน้า พร้อมปืนสงคราม เข้าไปลอบวางระเบิดภายในโรงไฟฟ้ารุ่งทิวาไอโอแมส ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านปลักบ่อ ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยช่วงเกิดเหตุได้เกิดเสียงระเบิดดัง 3 ครั้ง และจากการตรวจสอบภาพ จากกล้องวงจรปิดพบเบาะแสคนร้ายสองคนขณะถือถังแก๊ส 1 ถัง และถุงน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ถุง เข้าไปวางไว้ภายในอาคารโรงไฟฟ้า ช่วงเวลา 00.26 น.จากนั้นเวลา 00.56 น.จึงเกิดระเบิดขึ้น

เบื้องต้นแรงระเบิดทำให้ในส่วนของอาคารบอลเลอร์ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบพื้นที่และสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันยังได้เกิดเหตุเผายางรถยนต์ บริเวณใกล้สะพานเขต ฝั่งทางเทพา ในพื้นที่ ม.2 บ.นาจวก ต.ท่าม่วง  อ.เทพา และเผาบริเวณสองข้างทาง ในพื้นที่ ม.2 บ.นาจวก ต.ท่าม่วง อ.เทพา พื้นที่รอยต่อกับ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี 

เพื่อก่อกวนและเชื่อมโยงกับเหตุก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นอีกลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อคืนนี้ ทั้งวางเพลิงโรงไฟฟ้าชีวมวล อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี

ขณะที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ได้ออกเอกสารแถลงข่าวเรื่องการก่อเหตุดังดังกล่าว และยืนยันเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบวัตถุพยานและรวบรวมหลักฐานต่างๆ โดยละเอียดเพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยงของกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุดแล้ว ขอให้พี่น้องประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการได้มีความมั่นใจ ว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ายังยืนยันที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถประกอบกิจการ อาชีพ รวมถึงการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ตามปกติ

“กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร. 06-1173-2999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดยังคงค้นหาระเบิดอีก 5 ลูกที่คนร้ายขู่ว่าได้วางระเบิดไว้ 10 ลูก โดยเจ้าหน้าที่ได้กั้นผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากอาคารโรงงานเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภาค 9 พร้อมคณะเดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและประชุมวางแผนการปฏิบัติอย่างละเอียด

และขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ประชุมนั้น ได้รับรายงานจากชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดว่าขณะเข้าตรวจสอบภายในตัวอาคาร 7 ชั้น ปรากฏว่าพบระเบิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลาบรรจุในถังแก๊สปิกนิก น้ำหนักประมาณ 15 กก. แขวงไว้บริเวณราวบันไดชั้น 3 เจ้าหน้าที่จึงได้ถอยออกมาและแจ้งให้ทุกหน่วยทราบเพื่อความปลอดภัย โดยยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบหรือทำการเก็บกู้ได้ เนื่องจากระเบิดเป็นแบบตั้งเวลา เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ลงความเห็นว่า เพื่อความปลอดภัยควบคุมพื้นที่เกิดเหตุห้ามเด็ดขาดไม่ให้บุคคลใดเข้าภายในโรงงานภายใน 5 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้ระเบิดหรือแบตเตอรี่เสื่อมและจะเข้าตรวจสอบอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ค.นี้

ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง ระบุว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้จากข้อมูลความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ทราบว่ามีการประชุมวางแผนในพื้นที่ อ.หนองจิก เพื่อจะก่อเหตุในพื้นที่แต่ยังไม่ทราบเป้าหมาย โดยมีแกนนำระดับปฏิบัติการที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ร่วมกับแนวร่วมชุดใหม่ที่เข้ามาเสริมในการก่อเหตุที่โรงงานไฟฟ้า อ.แม่ลาน

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์กล่าวว่า คนร้ายมุ่งเป้าทำลายเศรษฐกิจของพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งนอกจากจะทำให้เจ้าของโรงงานได้รับความเดือดร้อนแล้วนั้นยังทำให้ คนงานซึ่งเป็นคนในพื้นที่ต้องหยุดงาน ประชาชนที่มีอาชีพหาไม้ส่งเข้าโรงงานก็ต้องหยุดงานไปด้วย ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างโดยเฉพาะประชาชน จึงได้กำชับให้ชุดสืบสวนสอบสวนเร่งขยายผลโดยด่วนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายให้เร็วที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง