แบงก์รัฐแห่หั่นดอกเบี้ย0.25%

“สมาคมแบงก์รัฐ” กลัวตกเทรนด์ เด้งรับนโยบายเศรษฐา ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% นาน 6 เดือน “จุลพันธ์” บอกไม่ได้แทรกแซงการทำงานของใคร แต่แขวะแบงก์ชาติไม่ได้มีความอิสระต่อประชาชนต่อความรับผิดชอบในเรื่องความเดือดร้อน

เมื่อวันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2567  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายช่วยเหลือบรรเทาภาระของลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ในการประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2567 ที่ประชุมมีมติร่วมกันปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบางตามนโยบายรัฐบาลเป็นเวลา 6 เดือน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2567

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เผยว่า ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.25% ต่อปี จาก 6.60% เหลือ 6.35% ต่อปี นับเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เป็นเวลา 6 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.2567

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี จากเดิม 6.795%  ต่อปี ลดลงเหลือ 6.545% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2567 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้ากว่า 1.8 ล้านบัญชี นอกจากนี้ ธอส.ยังพร้อมสนับสนุนการออมภาคประชาชนด้วยการเพิ่มทางเลือกในการออมเงินที่ได้รับผลตอบแทนสูง จึงได้จัดทำผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม เพียงเปิดบัญชีเงินฝากขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป และมีวงเงินฝากคงเหลือไม่เกิน 200,000 บาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.95% ต่อปี ซึ่งดอกเบี้ยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากปีละ 2 ครั้ง

นายประสิชฌ์ วีระศิลป์ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) กล่าวว่า ธนาคารพร้อมขานรับนโยบาย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% ต่อปี จากเดิม 8.05% ต่อปี ลดลงเหลือ 7.80% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2567 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง

ขณะที่ธนาคารออมสิน ได้ประกาศลดดอกเบี้ย MRR ลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่ม คงเหลืออัตราดอกเบี้ย MRR (หลังปรับลด) อยู่ที่ 6.595% เช่นเดียวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ลง 0.25% เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้เกษตรกรลูกค้ากลุ่มเปราะบางและเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาในการผลิต โดยมีลูกค้าที่จะได้รับประโยชน์กว่า 1.2 ล้านบัญชี ซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 พ.ค.-31 ต.ค. 2567

ด้านนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไปบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เผยว่า บสย.จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามประกาศ 0.25% เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายย่อย และกลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง มีผล 1 พ.ค.นี้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการการคลัง กล่าวถึงกรณีสถาบันการเงินตอบสนองภายหลังจากนายเศรษฐาหารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งนั้น ว่าเป็นการขอความร่วมมือในการช่วยบรรเทาภาระประชาชน ไม่ได้สั่งการใดๆ ทั้งสิ้น โดยเป็นการใช้ความสัมพันธ์และมาหารือกันถึงภาวการณ์ของเศรษฐกิจในปัจจบุัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยกำลังกดทับพี่น้องประชาชนอยู่ ทั้งนี้ จุดยืนของรัฐบาลชัดเจนว่า เราอยู่ในฐานะรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน รับผิดชอบต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ รัฐบาลไม่ได้ดูแต่เพียงเสถียรภาพของสถาบันการเงิน หรือไม่ได้ดูแต่เรื่องเงินเฟ้อเท่านั้น รัฐบาลมีการพิจารณาในมิติที่มากกว่าหน่วยงานอื่น

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังนั้น รัฐบาลสามารถสั่งการให้ดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่นายกฯ เห็นว่า หากดำเนินการแค่เฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งไม่ได้มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยในตลาด จะทำให้เกิดช่องว่างในเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งไม่เป็นการดี

“ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้แทรกแซงการทำงานของใคร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นองค์กรอิสระที่มีความเป็นอิสระ แต่ในพื้นฐานคำว่าอิสระนั้น ไม่ได้มีความอิสระต่อประชาชนต่อความรับผิดชอบในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ทุกคนมีความรับผิดชอบเดียวกัน ซึ่งเรื่องที่นายกฯ ดำเนินการไปนั้น แน่นอนว่าทุกคนต่างมองว่าใครมีช่องทางอะไรในการช่วยประชาชน ก็เชื่อว่าจะไม่มีใครลังเลในการดำเนินการ เพราะเรายึดเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายจุลพันธ์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง