ไฟเขียวล้วงตับเอ็นจีโอ วรงค์ต้านกก.คุ้ยคดี112

ครม.ประยุทธ์เอาจริง! เห็นชอบกฎหมายล้วงตับเอ็นจีโอแล้ว ให้ พม.ไปรับฟังความคิดเห็นก่อนเสนอกลับมาอีกรอบ พร้อมขอให้วิปรัฐบาลหนุนให้ผ่าน อ้างเป็นเรื่องสากล เปิดร่าง กม.กำหนดชัดนิยามและการดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องบัญชี “หมอวรงค์-อดีตกุนซือบิ๊กป้อม” ประสานเสียงค้าน กก.ส่องคดีมาตรา 112

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการยกร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ.... ของคณะกรรมการกฤษฎีกา และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รับร่าง พ.ร.บ.ไปรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบของร่างกฎหมาย ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 ก่อนเสนอ ครม.อีกครั้ง

นายธนกรระบุว่า กฎหมายดังกล่าวมุ่งเน้นส่งเสริมองค์กรไม่แสวงหากำไร (เอ็นจีโอ) ให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการดำเนินกิจการที่ให้เป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ รวมทั้งมีการกำหนดกลไกการกำกับดูแลเท่าที่จำเป็น ไม่ให้เป็นภาระแก่เอ็นจีโอ ขณะเดียวกันก็ให้ความคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ รักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อบและศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งนี้ การดำเนินกิจกรรมขององค์กร ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตการใช้สิทธิและเสรีภาพตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 25 ของรัฐธรรมนูญด้วย

นายธนกรระบุว่า นายกฯ ยังกล่าวถึงเป้าหมายสำคัญร่าง พ.ร.บ.เพื่อประโยชน์สาธารณะ โปร่งใส และเป็นประโยชน์ ซึ่งยังต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชน โดยข้อกำหนดต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากลว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ป้องกันการสนับสนุนด้านการเงินในการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งหลายประเทศก็มีกลไก และกฎกติกาเช่นนี้ ขณะที่รอร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้กฎหมายที่มีอยู่ พร้อมขอสนับสนุนจากวิปในการผลักดันร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาต่อไป

โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุอีกว่า สาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ดัวกล่าว อาทิ กำหนดนิยามองค์กรไม่แสวงหากำไร ว่าเป็นคณะบุคคลภาคเอกชน ซึ่งรวมกลุ่มกันจัดตั้งในรูปแบบใดๆ ที่มีบุคคลร่วมดำเนินงาน เพื่อจัดทำกิจกรรมต่างๆ ในสังคม โดยไม่มุ่งแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน แต่ไม่รวมถึงการรวมกลุ่มของคณะบุคคลเพื่อดำเนินกิจกรรมเป็นการเฉพาะคราว หรือดำเนินกิจกรรมเฉพาะเพื่อประโยชน์ของคณะบุคคลนั้น หรือพรรคการเมือง โดยให้ รมว.พม.เป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.นี้ ทั้งนี้ องค์กรไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ ต้องอยู่ในบังคับตาม พ.ร.บ.นี้ด้วย นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไร ซึ่งมี รมว.พม.เป็นประธานกรรมการ โดยมีหน้าที่และอำนาจในการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น เสนอแนะต่อ ครม.เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้

นายธนกรกล่าวอีกว่า ร่าง พ.ร.บ.ยังกำหนดให้องค์กรไม่แสวงหากำไรต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร เช่น ชื่อ วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง วิธีการดำเนินการ แหล่งที่มาของเงินทุน และรายชื่อผู้รับผิดชอบ และห้ามไม่ให้ดำเนินงานที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การดำเนินงานที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม หากได้รับเงินจากต่างประเทศต้องแจ้งชื่อแหล่งเงินทุนต่างประเทศ บัญชีธนาคาร ที่จะรับเงิน จำนวนเงินที่จะได้รับ และวัตถุประสงค์ของการนำเงินไปใช้จ่ายต่อนายทะเบียน ต้องรับเงินผ่านบัญชีของ ธนาคารที่แจ้งไว้ต่อนายทะเบียน ต้องใช้เงินเฉพาะตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อ นายทะเบียน และต้องไม่ใช้เงินเพื่อดำเนินกิจกรรมในลักษณะการแสวงหาอำนาจรัฐ หรือเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมือง จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละรอบปีปฏิทิน และเปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายดังกล่าว โดยต้องเก็บรักษาบัญชีรายรับรายจ่ายนั้นไว้ให้สามารถตรวจสอบได้เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งยังกำหนดมาตรการบังคับและโทษ โดยกำหนดให้ในกรณีที่องค์กรไม่แสวงหากำไรไม่ดำเนินการ หากฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าว อาจถูกสั่งให้หยุด การดำเนินกิจกรรมหรือยุติการดำเนินงานได้ และกำหนดโทษปรับทางอาญาสำหรับองค์กรไม่แสวงหากำไร และผู้รับผิดชอบ หากไม่หยุดการดำเนินกิจกรรม หรือยุติการดำเนินงานหลังจากได้รับคำสั่งด้วย
วันเดียวกัน ยังมีผลพวงจากการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองคดีมาตรา 112 โดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขอให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พิจารณาข้อเสนอเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นคดีอาญาความมั่นคง และปัจจุบันยังมีขบวนการที่มีเจตนาทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

“ก่อนหน้านี้ท่านรัฐมนตรีเคยมีปัญหาเรื่องการอภัยโทษนักโทษโกงชาติมาแล้ว วันนี้กำลังสร้างปัญหาขึ้นอีก เรื่องนักโทษล้มล้างสถาบันซึ่งทำเป็นขบวนการ ถ้าเป็นไปได้อยากเสนอให้ท่านรัฐมนตรีทบทวนเรื่องการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองคดีมาตรา 112 ดังกล่าว และหยุดเอาการเมืองเข้ามาแทรกแซง ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่อย่างจริงจังบนหลักนิติรัฐและนิติธรรม ก่อนที่จะมีปัญหาอื่นตามมา” นพ.วรงค์ระบุ

ด้านนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การตั้งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวเป็นการก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม เพราะการกระทำความผิดตามมาตรา 112 เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนตามป.วิ อาญา ที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวน ว่ามีการกระทำความผิดจริงหรือไม่ และผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่ ถ้าเห็นว่าไม่ผิด ก็จะมีคำสั่งไม่ฟ้อง ถ้าเห็นว่ามีการกระทำความผิดก็จะมีคำสั่งฟ้อง และส่งผู้ต้องหาให้อัยการฟ้องคดีต่อศาลต่อไป เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจของรัฐบาล และเป็นเรื่องที่รัฐบาลก้าวก่ายแทรกแซงไม่ได้ เพราะเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญาด้วย

“การที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองฯ โดยฝ่ายบริหาร เพื่อกลั่นกรองผู้ที่เห็นว่าไม่ได้กระทำความผิดออกจากการดำเนินคดี หรือถ้าเห็นว่าผู้ใดกระทำความผิดก็ยืนยันให้ดำเนินคดีเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมโดยตรง รัฐบาลควรรีบยกเลิกคำสั่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเสียโดยพลันก่อนที่จะบานปลายมากกว่านี้” นายไพศาลระบุ

ขณะเดียวกัน ที่เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทย บ้านพรสวรรค์ ต.หนองนาคำ อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี มีการจัดงาน “ตุ้มโฮม ฮักแพง เบิ่งแยงกัน เฮาเสี่ยวกัน บ่ถิ่มกัน” โดยมีนายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย พร้อมเครือข่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนของภาคประชาชนร่วมกับทางภาครัฐ ในการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรชาวไร่ชาวนาสู้กับสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก และปรึกษาหารือเกี่ยวกับการวางกรอบแนวทางปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุนมาตรา 112 ให้กระจายไปสู่หมู่บ้านต่างๆ ที่เคยเป็นอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงทั้ง 28,850 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ได้วิดีโอลิงก์เข้ามาพบปะแกนนำ พร้อมระบุตอนหนึ่งว่า มีแนวความคิดให้อดีตหมู่บ้านเสื้อแดง และประชาชนทุกหมู่เหล่าออกมาปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาร่วมทำกิจกรรมกันทุกวันที่ 13 ของเดือน รวมใจจุดเทียนชัยน้อมรำลึกถึงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันที่ 13 ต.ค. คล้ายวันสวรรคต โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.2565 ไปจนถึงงานใหญ่คือวันที่ 13 ต.ค.2565.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สพฐ.ทำโครงการเงินอุดหนุนรายหัวลดความเหลื่อมล้ำการศึกษา

โฆษกรัฐบาลเผย สพฐ.ทำโครงการสนับสนุนเงินอุดหนุนรายหัว อนุบาล – ประถม – มัธยม – ปวช. พร้อมเงินสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ลดภาระผู้ปกครอง

รัฐบาลตีปี๊บ มิ.ย.ลงทะเบียน 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์

​โฆษกรัฐบาลเผย OFOS สร้างคน ยกระดับ ศักยภาพคนไทย พร้อมลงทะเบียน มิ.ย.2567 ตั้งเป้ายกระดับคนไทยสร้างสรรค์ มีคุณภาพ 296,610 คน ภายในปีงบประมาณ 2567 ต่อยอดพัฒนา 20 ล้านคน ในเวลา 4 ปี