ครึ่งปีหลัง‘ยุบสภา’ โหรแม้วชี้บิ๊กตู่เสื่อมหนัก/เรืองไกรชงตีความวาระนายกฯ

โหรโทนี่มาแล้ว! ฟันธง “บิ๊กตู่” เสื่อมหนัก อยู่ได้ถึงแค่ครึ่งปีแรก บอกให้ประชาชนอดทนไว้ ครึ่งปีหลังมีรัฐบาลใหม่แน่ “กูรูสมชัย” ก็มาด้วย ทำนายภาพรวมปี 2565 เชื่อมี 10 ปรากฏการณ์เกิดขึ้น ให้จับตาหลัง พ.ค.2565 มีลุ้นยุบสภา “เรืองไกร” หมั่นไส้ฝ่ายค้านดีเดย์ 10 ม.ค.ยื่นเรื่องให้ กกต.ตีความวาระลุงตู่ 8 ปีให้สะเด็ดน้ำ

เมื่อวันอังคารที่ 5 ม.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีข้อสั่งการในการประชุม ครม. โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้เริ่มการทำงานในปี 2565 ทันที โดยขอให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เร่งสร้างผลสำเร็จให้มากที่สุด พร้อมกล่าวขอบคุณหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกันแก้ปัญหามากว่า 2 ปี และกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 3 ที่สำคัญคือ รัฐบาลต้องแก้ทุกเรื่องที่มีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะเศรษฐกิจในประเทศ รายได้ประชาชน
ด้านนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Room 44 ช่วงดึกวันที่ 3 ม.ค. ประเมินสถานการณ์ปี 2565 ว่าเป็นปีที่หนักเพราะเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขึ้น ค่าครองชีพจะสูงมาก ขอให้คนไทยอดทน ขอให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ ประคองตัวให้พ้นครึ่งปีแรก ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น โดยครึ่งปีหลังน่าจะเป็นรัฐบาลใหม่มานั่งบริหารมากกว่า ขอให้คนไทยมีความหวังเราจะผ่านพ้นไปได้

เมื่อถามว่า เหตุใดครึ่งปีหลังจะมีรัฐบาลใหม่ นายทักษิณกล่าวว่า มีหลายประการ อย่างแรกคือรัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนในปัจจุบันได้ เพราะมีความเข้าใจประชาชนน้อย เนื่องมาจากข้าราชการที่มีสวัสดิการที่ดีคือทหาร คิดว่าประชาชนมีสวัสดิการที่ดี ทั้งที่ประชาชนต้องหาเช้ากินค่ำ ต้องเข้าใจประชาชนมากกว่านี้ ไม่ใช่เอาเงินมาแจกประชาชน เพราะแจกอย่างไรก็ไม่พอ คิดว่ารัฐบาลนี้ไปยากจากความสามารถของตัวเอง อันที่สองเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ถ้าตีความตามลายลักษณ์อักษรและเจตนารมณ์ของผู้ร่าง คือไม่อยากให้ใครอยู่เกิน 8 ปี เพราะกลัวรากจะงอก คิดว่านายกฯ คงถึงเวลาต้องพักผ่อน

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจจะอยู่อีกสมัย นายทักษิณกล่าวว่า ตั้งใจได้ แต่ด้วยข้อกฎหมาย ความสามารถ และการยอมรับของประชาชน มือในสภาจะมีมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ศรัทธาประชาชนสำคัญกว่า ถ้าศรัทธาหมดมันก็ลำบาก เพราะเท่าที่ดูศรัทธาประชาชนน้อยลง เนื่องจากไม่ได้แก้ปัญหาของประชาชน ส่วนใหญ่ ท่านแก้ปัญหาในสิ่งที่อยากทำ

เมื่อถามว่าจากสองปัจจัยดังกล่าวแล้ว ปัจจัยในสภาจะเป็นตัวเร่งให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า สนิมเกิดจากเนื้อในตน คิดว่าความขัดแย้งคงเป็นเรื่องของพรรคฝั่งรัฐบาลมากกว่า ฝ่ายค้านทำอะไรได้ยากเพราะจำนวนน้อยกว่า และมองว่าพรรคร่วมยังคงสนุกสนานอยู่คงยังไม่แตกแถว ถ้าแตกคงเป็นพรรครัฐบาลเอง

เมื่อถามว่า อำนาจของกลุ่ม 3 ป. จะประคองรัฐบาลได้แค่ครึ่งปีหรือผ่านพ้นไปได้ นายทักษิณกล่าวว่า เรื่องอำนาจ 3 ป. ไม่ได้สนใจ แต่สนใจเรื่องศรัทธาประชาชนเสื่อม เรื่องไม่สามารถในการแก้ปัญหาเนื่องจากทั้ง 3 ป.ไม่ช่วยแก้ปัญหา

เมื่อถามว่า จุดจบรัฐบาลจะลงเอยอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แล้วไม่ได้เลือกกลับมา เป็นจุดจบที่สวยงามที่สุด

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศในปี 2565 ว่า จะมี "10 ปรากฏการณ์การเมืองสำคัญที่จะเห็นในปีนี้ คือ 1. ปรากฏการณ์ขาลงอย่างต่อเนื่องในคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากทั้งไม่มีผลงาน และคนเบื่อหน่ายในบุคลิกภาพ ไม่สามารถเป็นผู้นำประเทศในสายตาประชาชนได้ 2.การพยายามใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อสร้างคะแนนเสียงให้แก่พรรครัฐบาล โดยมุ่งหวังคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยไม่คำนึงถึงฐานะการเงินการคลังของประเทศ

3.การทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา ที่ให้ความสำคัญต่อการลงพื้นที่หาคะแนนเสียง มากกว่าการทำหน้าที่ในสภา ซึ่งนำไปสู่สภาล่มบ่อยครั้งขึ้น 4.การเร่งรัดแก้ไขกฎหมายลูก 2 ฉบับคือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่เอื้อต่อพรรคใหญ่ แต่อาจไม่สำเร็จโดยง่าย เนื่องจากยังมีกับดักในรัฐธรรมนูญอีกมากมาย 5.ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองและประชาชน แต่จะติดขัดในขั้นวุฒิสภา หรือหากผ่านวาระหนึ่ง อาจมีการยุบสภาเพื่อหนีการแก้ไขกติกา

6.คณะผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะเริ่มหาทางสืบต่ออำนาจ โดยหาตัวผู้เล่นใหม่ หรือตั้งพรรคการเมืองที่ดูคล้ายว่าแตกต่างเพื่อให้ประชาชนเลือก แต่ท้ายสุดคือพวกเดียวกัน 7.พรรคการเมืองขนาดใหญ่ จะเนื้อหอม คนไหลเข้า หรือแม้อยู่คนละพรรคที่เป็นคนละฝ่าย ก็ยังเผื่อช่องทางแยกตัวออกมาร่วมในอนาคตในจังหวะนาทีสุดท้าย 8.การยุบสภาเกิดได้ตลอดเวลา ตั้งแต่เดือน พ.ค.2565 เป็นต้นไป 9.ประเด็นครบ 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประเด็นร้อนตลอดปี ตั้งแต่ต้นปี 2565 ไม่ออกไม่เลิก และร้อนขึ้นเรื่อยๆ และ 10. อย่าคิดว่ารัฐประหาร จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น และอย่าคิดว่ารัฐประหารแล้วจะอยู่ได้

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงปัญหาการนับวาระ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ว่าจากการติดตามบรรดานักการเมือง นักกฎหมาย ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ สรุปได้ว่า วันที่ 24 ส.ค. 2565 จะยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอถึงวันนั้น เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ให้สิทธิ์สามารถยื่นร้องผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ ฉะนั้นจึงตั้งใจว่าวันที่ 10 ม.ค.นี้ จะไปยื่นสำนวนต่อ กกต. ให้ศึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย และเมื่อถึงวันที่ 24 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้เลย เพราะไม่เช่นนั้นหากมีคำสั่งการบริหารราชการต่างๆ เกิดขึ้นในขณะนั้นจะยุ่งยาก

“ถ้าเป็นแบบที่ฝ่ายค้านวางกำหนดไว้ คือวันที่ 24 ส.ค. ก็ได้แค่เข้าชื่อเพื่อเสนอนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตามขั้นตอนก็ยังต้องตรวจสอบรายชื่อ ส.ส. จากนั้นถึงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ ผมถามว่าระหว่างแบบที่ผมทำ กับแบบที่ฝ่ายค้านทำ แบบไหนเร็วกว่ากัน ฝากบอกฝ่ายค้านด้วยว่าอ่านกฎหมายให้แม่นหน่อย เป็น ส.ส.มา 2 ปีกว่าแล้ว การยื่นร้องเพื่อพิจารณาวาระนายกฯ ครบ 8 ปี ใช้เพียงแค่เสียงของหัวหน้าแต่ละพรรคของฝ่ายค้านก็เพียงพอแล้ว ถ้าฝ่ายค้านเขียนสำนวนไม่ถูก จะฝากให้ผมเขียนให้ก็ได้ หรือถ้ากลัวจะเสียหน้า ฝากเรืองไกรร้องให้ก็ได้ ร้องให้ฟรีเลย” นายเรืองไกร กล่าว และว่า ถ้านายกฯ โกรธก็ไม่สนใจ เพราะเป็นประโยชน์ของประเทศ เป็นเรื่องของความสง่างามว่าสรุปแล้วอยู่เป็นนายกฯ ต่อได้หรือไม่ได้

วันเดียวกัน นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการเปิดรับสมัครการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 9 แทนตำแหน่งที่ว่าง ว่าการเปิดรับสมัคร ส.ส.กทม.เขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่-จตุจักร ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 ม.ค. ยืนยันว่ามีความพร้อมทุกขั้นตอน โดยเราได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับกระบวนการและรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะขั้นตอนการรับสมัคร การตรวจสอบเอกสารหลักฐานการสมัคร และที่ต้องเน้นย้ำคือหลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะนอกจากใช้ปีภาษี 2562, 2563 แล้วยังต้องใช้ปี 2564 ด้วย ซึ่งในวันที่ 5 ม.ค.จะเริ่มจัดเตรียมสถานที่รับสมัคร ซึ่งกำหนดไว้ที่บริเวณ ชั้น 3 ห้องประชุมเปรมประชากร สำนักงานเขตหลักสี่

“มาตรการป้องกันโควิดโดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ก็ได้มีการหารือในประเด็นนี้มากพอสมควร โดยได้กำหนดมาตรการเข้มข้น ยึดแนวทางปฏิบัติมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการกำหนดจำนวนคนที่บริเวณชั้น 3 ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร โดยให้มีผู้ติดตามผู้สมัครได้เพียง 1 คน และก่อนเข้าอาคารจะต้องมีการตรวจคัดกรองบุคคลตามมาตรการและระเบียบที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครกำหนดไว้ด้วย ดังนั้นขอยืนยันว่าเรามีความพร้อมทุกขั้นตอน ซึ่งเป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข” นายสำราญระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สพฐ.ทำโครงการเงินอุดหนุนรายหัวลดความเหลื่อมล้ำการศึกษา

โฆษกรัฐบาลเผย สพฐ.ทำโครงการสนับสนุนเงินอุดหนุนรายหัว อนุบาล – ประถม – มัธยม – ปวช. พร้อมเงินสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ลดภาระผู้ปกครอง

รัฐบาลตีปี๊บ มิ.ย.ลงทะเบียน 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์

​โฆษกรัฐบาลเผย OFOS สร้างคน ยกระดับ ศักยภาพคนไทย พร้อมลงทะเบียน มิ.ย.2567 ตั้งเป้ายกระดับคนไทยสร้างสรรค์ มีคุณภาพ 296,610 คน ภายในปีงบประมาณ 2567 ต่อยอดพัฒนา 20 ล้านคน ในเวลา 4 ปี