หย่าศึกแบงก์ชาติ รัฐบาลถอยนัดเคลียร์ใจ‘เศรษฐพุฒิ’/ถกดิจิทัลสัปดาห์หน้า

"เศรษฐา" บอกเป็นเรื่องที่ควรทำ หลัง "พิชัย" เตรียมนัดถก "ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ" มั่นใจนโยบายเดินได้ถ้าหันหน้าเข้าหากัน "รมว.การคลัง" ชี้คนคุ้นเคยขอแค่คุยเชื่อได้ข้อสรุปที่ดี ยันไร้คุยขอลดดอกเบี้ยแน่ ย้ำไม่จำเป็นต้องรื้อ กม.ธปท. แย้มบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตนัดประชุมสัปดาห์หน้า “อนุทิน” ระบุทุกหน่วยงานต้องมีความเป็นอิสระ ทำประโยชน์เพื่อชาติ-ปชช. "ฝ่ายค้าน" คึกลับมีดรออภิปรายงบฯ 68

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 7 พ.ค. เวลา 08.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ระบุจะพูดคุยกับนายเศรษฐพุฒิ  สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ทุกๆ การเคลื่อนไหวที่ทำให้มีการลดความขัดแย้ง เป็นเรื่องที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่สมควรจะทำ

ถามว่า นายพิชัยจะทำให้ ธปท.ตอบสนองนโยบายรัฐบาลได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มั่นใจว่าอย่างน้อยทั้งสองฝ่ายมีความพยายามที่จะหันหน้าเข้าหากัน 

ก่อนหน้านี้ เวลา 07.40 น. นายพิชัย ได้เดินทางมาสักการะพระพรหม ศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายายประจำทำเนียบรัฐบาล ภายหลังรับตำแหน่ง  พร้อมให้สัมภาษณ์จะมีการพูดคุยปัญหากับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือไม่ว่า เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งเป็นทั้งหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ร่วมกับ ธปท. ที่เราจะต้องทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันให้เครื่องจักรสองเครื่องทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงินให้สอดคล้อง และเดินไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก่อนจะเดินทางได้เราต้องตกผลึก และทำความเข้าใจก่อนว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร

ถามว่า หากมีโอกาสจะพูดคุยกับนายเศรษฐพุฒิหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า แน่นอน เป็นหน้าที่ที่ต้องพูดคุยอยู่แล้ว

ซักว่ามองเป็นเรื่องยากหรือไม่ที่จะพูดคุยกับผู้ว่าฯ ธปท. นายพิชัยกล่าวว่า เชื่อว่าผู้ว่าฯ ธปท.จะคุยด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล ประกอบกับในอดีตตนเคยสัมผัสกันอยู่แล้วบ้างในช่วงที่ทำงานด้านการธนาคาร ฉะนั้น จึงคิดว่าจะพูดคุยกัน และไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกันได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการแก้ไขกฎหมายให้ ธปท. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล นายพิชัยกล่าวว่า มองว่าเรื่องนี้มาดูกันอีกทีดีกว่าว่าใช่ปัญหาหรือไม่ เมื่อถามถึงกระแสต่อต้านเนื่องจากมองว่า ธปท.ควรเป็นอิสระ นายพิชัยกล่าวว่า ก็เป็นธรรมชาติ และทุกคนต้องมีความเห็นต่าง แต่ถ้าคุยกันแล้วตกผลึกได้ ก็เชื่อว่าความเห็นต่างก็จะค่อยๆ แคบลง และนำมาซึ่งข้อสรุปที่ดี

ถามว่า ในฐานะเป็นรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ มองว่า ธปท.ควรอยู่ภายใต้กำกับของรัฐบาลหรือเป็นอิสระ นายพิชัยกล่าวว่า จริงๆ ท่านก็อิสระอยู่แล้วในเรื่องนโยบายการเงิน ตนมองว่าความอิสระนั้นก็มีมาตลอด และสามารถกำหนดและตัดสินได้ด้วยวิจารณญาณ รวมถึงคนที่เข้ามาร่วมกันตัดสินนโยบาย ซึ่งทั้งหมดก็ต้องเป็นไปเพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ 

พอถามว่า เมื่อเข้ามาเป็น รมว.การคลัง ปัญหาที่นายกฯ และพรรคเพื่อไทยพูดถึงจะหมดไปหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า   ยังไม่ขอตอบ ขอให้ได้หารือกับท่านก่อน ส่วนจะมีโปรเจกต์อื่นๆ มาดูแลประชาชนในช่วงนี้หรือไม่นั้น ก็จะเป็นเรื่องคู่ขนานในการที่เราจะหาเครื่องมือมาผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่พร้อมกับแก้ปัญหาเดิม ซึ่งคนร่วมผลักดันจริงๆ คือประชาชนจริง และหน่วยงานทั้งหมด ฉะนั้น หากเราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ก็จะมีแรงขับเคลื่อน ก็น่าจะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด

ถามว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า คิดว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นงานประจำไปแล้ว ซึ่งต้องมีการพูดคุย และมีการรายงานความคืบหน้าอยู่ตลอด                   เมื่อถามว่า จะมีการแถลงข่าวหรือรายงานความคืบหน้าอย่างไรเมื่อมีการแบ่งงานให้กับ รมช.การคลัง นายพิชัยกล่าวว่า ขอหารือในช่วงบ่ายนี้ก่อน ตนมีข้อมูลอยู่แล้ว

'พิชัย' นัดหย่าศึกแบงก์ชาติ

ต่อมาเวลา 13.37 น. นายพิชัยพร้อมด้วยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง ได้เข้าทำงานที่กระทรวงการคลังเป็นวันแรก และได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง ได้แก่ พระภูมิเจ้าที่ พระคลังมหาสมบัติ พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5  และช้างคู่ประจำกระทรวง นายพิชัยย้ำอีกครั้งถึงการเตรียมนัดหารือกับนายเศรษฐพุฒิว่า เชื่อจะเกิดความเข้าใจที่ดี และจบลงด้วยดี ถ้าทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของประเทศ ซึ่งส่วนตัวอยากให้ ธปท.ดูแลสถาบันการเงินให้มีสถานะการเงินที่เข้มแข็ง มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น และยังมีประเด็นที่ ธปท.จะช่วยได้มากขึ้นในเรื่องของการดูแลเศรษฐกิจ

 “ส่วนตัวอยากให้ ธปท.ดูแลสถาบันการเงินให้มีสถานะเข้มแข็ง มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่อีกมุมก็อยากเห็นคนมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ต้องมาดูว่าจะเร่งเศรษฐกิจอย่างไร ถ้าเร่งมากของแพงก็ต้องเบรกหน่อย แต่เราก็มองเห็นเรื่องหนึ่งที่ต้องหยิบมาว่า วันนี้ของมันฝืดต่ำกว่าที่คาด เหยียบคันเร่งหน่อยดีไหม  จะเหยียบอย่างไร ของบางอย่างเหยียบแล้วใช้เงิน บางอย่างเหยียบแล้วไม่ต้องใช้เงิน แต่ใช้นโยบายก็เหยียบได้แล้ว ผมคิดว่าค่อยๆ คุยกันไป คุยภาษาเดียวกัน เชื่อว่าจริงๆ แล้วน่าจะคุยภาษาไม่ต่างกันเท่าไหร่” นายพิชัยกล่าว

ถามถึงความเป็นอิสระในการทำนโยบายของ ธปท. รองนายกฯ และ รมว.การคลังกล่าวว่า ทุกวันนี้เป็นอิสระอยู่แล้ว เป็นอิสระในเรื่องของความคิด อิสระในการวิเคราะห์ข้อมูล อิสระในทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ทางเลือกนั้นต้องตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งในที่นี้คือการตอบสนองคนที่มาทำงานแทนประชาชน ซึ่งคือภาครัฐ ถ้าลงตัวอย่างนี้ก็จบ ก็แปลว่าอิสระ แต่ต้องดูว่าอิสระแล้วได้ win win หรือไม่ ทุกคนต้องได้

 “การหารือกับ ธปท.ในครั้งนี้ คงไม่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แล้วแต่ท่านจะคิดกัน ระหว่างนี้ในส่วนของกระทรวงการคลังก็ต้องไปดูว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่ต้องหารือกัน ส่วนฝั่ง ธปท.ก็ต้องไปดูว่าจะมีประเด็นอะไรที่จะต้องมาคุยร่วมกันกับกระทรวงการคลัง ซึ่งส่วนตัวผมมักคุ้นกับท่านผู้ว่าการ ธปท.ดี  ผมมั่นใจ และทำงานอยู่ในแวดวงที่ไม่ต่างกันนัก ต่างกันแค่อายุ ดังนั้นสิ่งที่ผมเห็น ผมคิดว่าทุกคนมีมุมมองของตัวเอง มองในด้านนั้นว่าดี เราก็อาจจะมองดีอีกด้าน แต่เมื่อทางหนึ่งได้ดี อีกทางหนึ่งอาจจะเสีย ก็อาจจะมองกันไม่เห็นทั้งหมด ทางเราเห็นทางนี้ อีกทางหนึ่งก็อาจจะระวังทางนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ มานั่งคุยกัน หาจุดยืน ตกผลึก เอาข้อเท็จจริงมาวางแล้วร่วมกันแก้ปัญหาให้ประเทศ พูดง่ายๆ เพื่อประชาชน" รองนายกฯ และ รมว.การคลังกล่าว

นายพิชัยกล่าวว่า การหารือกันเมื่อไหร่นั้น ต้องดูว่าผู้ว่าการ ธปท.ว่างเมื่อไหร่  ตนว่างเมื่อไหร่เท่านั้นเอง แต่เชื่อว่าจะคุยกันในทันทีที่มีโอกาส คงไม่ใช่พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้

ถามว่า ข้อเสนอของ ธปท.ในเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นายพิชัยกล่าวว่า  หลายข้อตนยอมรับ แต่บางข้อก็ต้องมาช่วยกันขยายความ เช่น เรื่องลดดอกเบี้ยจะทำให้คนใช้เงินมากขึ้นใช่หรือไม่ คำตอบคือใช่ ถ้าไม่มีหนี้ หรือหนี้น้อย แต่วันนี้หนี้ไปไกลมากแล้ว ถึงดอกเบี้ยน้อยคนจะมีปัญญาใช้เงินไหม วันนี้เพียงแต่ต้องมาดูว่าทำอย่างไรให้คนมีเงินคืนหนี้ ให้มีกิน มันเป็นคนละบริบทกัน อยากให้ทุกคนมองภาพทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร

 “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลไม่ได้เอาเงินมาให้เพื่อให้มีกินมีใช้ แต่เงินตรงนี้คือโอกาส โดยเฉพาะเรื่องการบริโภค เงินบางส่วนที่เคยต้องซื้อก็ไม่ต้องซื้อ ใช้จากดิจิทัลวอลเล็ต แล้วเอาเงินส่วนนั้นไปจ่ายหนี้แทน หรือเอาเงินไปซื้อของลงทุน มันมีหลายมุม ตรงนี้จึงเรียกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถามว่ากระตุ้นเศรษฐกิจทำไมต้องใหญ่ขนาดนี้และในเวลานี้ เพราะเราต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าจีดีพีเราไปได้ เพื่อเป็นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ส่วนจะถูกจะผิดจากนี้เดี๋ยวเรามาดูกัน” นายพิชัยกล่าว

สัปดาห์หน้าถกดิจิทัลฯ

ซักว่าจะต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.ธปท.เพื่อลดความเป็นอิสระในการทำนโยบายหรือไม่ รองนายกฯ และ รมว.การคลังกล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะหากดูที่ตัวกฎหมาย มีความเหมาะสมอยู่แล้ว

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อลดอำนาจว่า ยืนยันยังไม่มีนโยบายนี้ ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตภายหลังมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ก็เตรียมที่จะมีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตภายในสัปดาห์นี้

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความเป็นอิสระของ ธปท.ว่า ทุกหน่วยงานต้องมีอิสระในการทำงานของแต่ละหน่วยงานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานใดก็ตาม เราต้องทำตามสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และทำตามนโยบายของรัฐบาล ตราบใดที่นโยบายนั้นเป็นนโยบายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า นายกฯ มีข้อสั่งการเรื่องยกระดับประเทศไทยให้เป็น Finance Hub ตามวิสัยทัศน์ Ignite Thailand นายกฯกำหนดว่า ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค สามารถแข่งขันกับประเทศชั้นนำ ในการจูงใจให้บริษัทการเงิน บริษัทการธนาคาร การลงทุน เทคโนโลยี เพื่อเข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทย จึงมอบหมายให้กระทรวงการคลังศึกษาแนวทาง เตรียมแผน ส่งเสริมให้ไทยเป็น Finance Hub อย่างแท้จริง โดยเร่งให้กระทรวงการคลังจัดทำแผนว่าจะดึงบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านการเงินต่างๆ เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นสำนักงานอย่างไร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานจากวิปรัฐบาล เพื่อนัดประชุมเตรียมความพร้อมเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เบื้องต้นทราบว่าจะเปิดประชุมช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน มิ.ย. เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ​ พ.ศ.2568 

"การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลครั้งนี้ ถือว่าทำงบด้วยตนเอง 100% ดังนั้นการอภิปรายในเนื้อหาจะมีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะมีสาระที่ต้องพิจารณา มีงบประมาณที่งอกเพิ่มมา เป็นต้น” นายปกรณ์วุฒิกล่าว

ส่วนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ช่วงกลางเดือน มิ.ย.ว่า พรรคก้าวไกลได้เตรียมความพร้อมกรณีในอนาคตอาจได้เป็นรัฐบาลในอนาคต โดยได้จัดทำงบประมาณเงาหรืองบเงาที่ลงไปทำการบ้าน เพื่อดูรายละเอียด งบประมาณของแต่ละหน่วยงานที่เสนอมา หากพบว่าไม่จำเป็น ในฐานะฝ่ายบริหารก็ควรจะต้องตัดออก เพื่อจัดสรรให้ในส่วนที่จำเป็น และตอบสนอง ตอบปัญหาของประเทศมากกว่า

"ยอมรับกังวลในส่วนงบกลางของงบประมาณปี 2568 ที่จะถูกนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งได้มีข้อสังเกตส่งกลับไปยังหน่วยงานแล้วว่ามีการตีความบิดเบือนทางกฎหมาย เพราะตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังมีการระบุไว้ชัดเจนว่าสัดส่วนงบลงทุนต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และต้องไม่ต่ำกว่าส่วนที่ชดเชยการขาดดุล แต่พอมีการปิดงบปี 2568 เพื่อนำไปทำในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจำนวน 150,000  ล้านบาท กลับมีการระบุว่างบดังกล่าวเป็นงบลงทุนจำนวน 80% จึงขอตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่า รู้ได้อย่างไรว่าประชาชนจะนำเงิน 10,000 บาทดังกล่าวไปใช้ในการลงทุน หรือใช้ในรายจ่ายประจำ ซึ่งเรื่องนี้ถ้ารัฐบาลเดินหน้าต่อแบบนี้โดยปราศจากการออกมาทำความชัดเจนให้เกิดขึ้น ก็เสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายหากมีคนไปร้องในภายหลัง" สส.ก้าวไกลรายนี้ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง