การันตีเก้าอี้เศรษฐา อิ๊งค์เมินเสียบมั่นใจไม่หลุด/นายกฯระดมทีมกฎหมายสู้คดี

"เศรษฐา" กลับถึงไทย ระดมทีมกฎหมายถกช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้  เตรียมข้อมูลแจงศาล รธน. มั่นใจทำถูกต้อง ยันไม่มีแผนสอง ลั่นเดินหน้าทำงานต่อ ชี้ปรับ ครม.ขอคุยพรรคร่วมก่อน  "อิ๊งค์" เชื่อนายกฯ ไม่หลุดเก้าอี้ ตอบได้ทุกข้อสงสัย บอกยังไม่พร้อมรับตำแหน่งแทน "กลุ่ม 40 สว." คาดไม่เกิน 3 เดือนศาล รธน.นัดอ่านคำตัดสิน ระบุนายกฯ ยังเสี่ยง 50:50 ไม่รอดก็ร่วง "แพทองธาร" ควง "ทักษิณ" ไปโคราช ร่วมงานศพคนขับรถครอบครัวชินวัตร "สุทิน" เสียงแข็งปมหุ้นเมียไม่ใช่จุดตาย รมว.กลาโหม

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 24  พ.ค. เวลา 16.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากรับคำร้อง 40 สว. ยื่นถอดถอนจากตำแหน่งปมเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี  แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า ได้ดูเอกสารเรื่องดังกล่าวแล้ว เดี๋ยวจะต้องคุยกับทนายในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ ต้องคุยกับทีมงานที่จะทำเรื่องให้ไปตอบศาลรัฐธรรมนูญ

นายเศรษฐาปฏิเสธจะมองเรื่องดังกล่าวเป็นเกมการเมือง หรือเป็นการวางยา โดยระบุว่า เราเข้าสู่การเมืองแล้ว อย่างที่บอกเมื่อวันที่ 23 พ.ค.นี้ ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ตอบคำถามฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ ถ้าเขามีข้อสงสัยก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องตอบ และตนก็มั่นใจในเรื่องที่เราทำมาว่าถูกต้อง แต่ก็ไม่อยากจะพูดเยอะไป ต้องให้เกียรติศาลรัฐธรรมนูญด้วยเหมือนกัน ขอเตรียมข้อมูลก่อน

"เรื่องของความกังวลผมตอบหลายครั้งแล้ว มีคนถามเยอะ ซึ่งผมกังวลทุกเรื่อง เพราะอยู่ตรงนี้เป็นเรื่องของความเป็นอยู่ประชาชน เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม และปัญหาที่ สว.ไปร้องกับศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นความกังวลแน่นอน" นายเศรษฐากล่าว

ถามว่า ทางสภาอุตสาหกรรมได้ออกมาแสดงความกังวลว่าอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่น ตรงนี้จะทำอย่างไรให้เกิดความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรม  นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าตรงนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นประเด็นเหมือนกัน เรื่องที่จะทำได้ปัจจุบันคือต้องทำงานต่อไป และชี้แจงว่ารัฐบาลก็ยังมูฟออนกับนโยบายต่างๆ ที่เราทำอยู่

เมื่อถามว่า จะใช้ฝ่ายกฎหมายจากส่วนไหนบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ก็คงใช้หลายส่วน หลายคน เดี๋ยวต้องขอไปปรึกษากันก่อนในวันที่ 25 พ.ค. เพราะยังไม่ได้เจอกันเลย ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซักว่าจะมีแนวทางต่อสู้อย่างไรถ้าดูข้อกฎหมายแล้ว นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องกฎหมายหรือแนวทางทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงอยู่แล้วและเจตนารมณ์ด้วย

พอถามว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองนายกฯ มีแผนรองรับอย่างไร นายเศรษฐาย้อนถามว่า “อุบัติเหตุอย่างไรครับต้องถามก่อน ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย เราเคารพทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องของการที่เดินเข้าสู่ถนนของการเมืองอยู่แล้ว”

ถามว่าได้มีโอกาสพูดคุยให้กำลังใจนายพิชิตหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า  วันนั้นที่ท่านลาออกก็มีการให้สัมภาษณ์สื่อไป และตอนกลางคืนตนก็โทร.หาท่าน และขอบคุณที่ท่านลาออก เห็นแก่ประเทศชาติ ก็เท่านั้นเอง ยังไม่ได้พูดคุยอะไรต่อ

นายกฯ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีเก้าอี้ว่างลง 2 ตำแหน่งว่า ต้องขอไปคุยกับทุกๆ พรรคก่อน ถือโอกาสนี้นั่งคุยกันดีกว่า มีหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน เมื่อถามว่าจะให้ใครมาแทนนายพิชิต นายกฯ กล่าวว่า  เป็นคำถามเดียวกับเรื่องปรับ ครม. คงไม่ใช่คนเดียว คงต้องรวมทั้งหมด และเวลาที่เหมาะสมด้วย เพราะทางพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ว่าง 1 ตำแหน่ง ก็ต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยกัน แต่ตนยังไม่ได้คุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.

'เศรษฐา' ลั่นทำหน้าที่ต่อ

เมื่อถามว่า มีการประเมินว่าเรื่องนี้อาจจะกระทบถึงตำแหน่งของนายกฯ ได้เตรียมแผนไว้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ที่บอกว่าตนเตรียมแผนไว้อย่างไร ตนไม่ได้เตรียม ได้เตรียมตอบเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญมีข้อกังวลหรือข้อสงสัยมากกว่า และคู่ขนานก็ต้องบริหารบ้านเมืองต่อไป

"ต้องทำหน้าที่นายกฯ ต่อไป มีงานอะไรก็ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง อย่างวันจันทร์นี้จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านเศรษฐกิจ ว่าเราจะมากระตุ้นเศรษฐกิจกันอย่างไร" นายเศรษฐากล่าว

ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันว่า ในความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือปรับ ครม. นอกจากนายกฯ จะดูเรื่องความรู้ความสามารถแล้ว ก็ยังดูเรื่องของคุณสมบัติด้วยอย่างถี่ถ้วน จึงคิดว่านายกฯ จะสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว

"เรื่องแผนสำรองส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะคิดว่านายกฯ จะยังปฏิบัติหน้าที่ต่อ และยังคงสู้ในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชนต่อไป" น.ส.แพทองธารกล่าว

ถามว่า คิดว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ เพราะนายพิชิตก็เคยใช้คำว่าเรื่องนี้เป็นวงจรอุบาทว์ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การตรวจสอบคงต้องเป็นไปตามกลไกอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายประเมินว่าตำแหน่งนายกฯ อาจกลับมาเป็นของ น.ส.แพทองธาร ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ อีกคนของพรรค น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่ได้เตรียมความพร้อมเรื่องนี้ เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น นายกฯ ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วนตัวเองก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ หน้าที่ตรงนี้ของตนก็ทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยได้เตรียมรายชื่อผู้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีแทนนายพิชิตให้นายกฯ พิจารณาแล้วหรือไม่ หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ออกมาอย่างเป็นทางการ เรื่องเกี่ยวกับ ครม. ขอให้ไปถามนายกฯ

"มั่นใจว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นคุณต่อนายเศรษฐา และมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อ" หัวหน้าพรรค พท.ระบุ

ขณะที่ นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะหนึ่งในกลุ่ม 40 สว. กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัยสถานะนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้งบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงว่า กระบวนการพิจารณาไต่สวนคำร้องคดีดังกล่าวของศาล รธน.ต่อจากนี้ คิดว่าไม่น่าจะเกิน 3 เดือนก็น่าจะมีการนัดอ่านคำวินิจฉัย เพราะคำร้องคดีลักษณะดังกล่าวไม่ใช่คดีที่มีความสลับซับซ้อนเท่าใดนัก

นายประพันธ์กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่เป็นพยานหลักฐานในคดีปรากฏอยู่ในคำร้องค่อนข้างครบถ้วนอยู่แล้ว แต่อาจจะมีพยานที่อาจเข้ามาเพิ่มเติมบ้างในคดีจากการพิจารณาไต่สวนของศาลรธน. หรือจากการฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เช่น คณะกรรมการกฤษฎีกา หรือเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ก่อนที่นายกฯ ผู้ถูกร้องจะนำชื่อนายพิชิต ชื่นบาน ขึ้นกราบบังคับทูลฯ คิดว่าการพิจารณาไต่สวนคำร้องไม่เกินสามเดือน ก็น่าจะมีการนัดฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามไทม์ไลน์ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยพิจารณามาก่อนหน้านี้

"ส่วนการที่จะเปิดห้องไต่สวนพิจารณาคำร้อง เพื่อเรียกบุคคลต่างๆมาให้ถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น คิดว่าอาจเป็นไปได้ที่ศาล รธน.อาจมีการเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดี เพราะว่าศาลก็คงต้องการให้การพิจารณาคดีดำเนินไปอย่างรอบคอบและให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนมากที่สุด เพราะว่าประเด็นตามคำร้องมีผลกระทบต่อสถานะ ตำแหน่งหน้าที่ของบุคคลสำคัญที่เป็นถึงระดับนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการที่ศาลจะวินิจฉัยให้ผู้ถูกร้องสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี ศาลก็คงต้องการให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ เพียงพอที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยได้" นายประพันธ์กล่าว

กลุ่ม 40 สว.ชี้นายกฯ เสี่ยงหลุด

สว.รายนี้ระบุว่า คำร้องนี้ worst case คือนายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีเป็นการเฉพาะตัว และอาจมีผลไปถึงการเมืองในภาพรวมที่จะให้มีการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่จากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าไม่ใช่แบบนี้ ก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง ก็มีแค่สองกรณีเท่านั้น เพราะศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ที่ก็คือ มีโอกาสทั้งที่อาจจะมีการเปลี่ยนนายกฯ หรือไม่ก็ยังเป็นนายกฯ คนเดิม ที่ก็คือศาลยกคำร้อง เขาก็ทำหน้าที่นายกฯ ต่อไป  แล้วถ้าจะเปลี่ยนแปลงการเมืองใดๆ ก็อาจด้วยเหตุอื่น ไม่ใช่เหตุจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

"แม้จะไม่ได้สั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ถือว่านายกรัฐมนตรียังอยู่บนพื้นฐานความเสี่ยงที่จะต้องพิจารณาว่าท้ายที่สุดแล้วศาลจะวินิจฉัยให้สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือศาลจะยกคำร้อง ทั้งหมดก็อยู่ในภาวะความเสี่ยงที่จะต้องรอฟังผลการพิจารณาคดีของศาลต่อไป ตอนนี้ก็ถือว่านายกฯ ยังติดบ่วงอยู่ ยังมีความเป็นไปได้ 50-50 ที่จะหลุดหรือไม่หลุดจากตำแหน่ง" สว.รายนี้ระบุ

ถามว่า มีผู้ร้อง 40 สว.ที่ลงชื่อมีการปลอมลายเซ็น นายประพันธ์กล่าวว่า พวกตนที่ร่วมลงชื่อในคำร้องไม่ได้วิตกอะไร เพราะคนที่เซ็นชื่อในคำร้องเขาก็ลงชื่อด้วยความองอาจ สง่างาม แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะต้องไปโฆษณาให้คนรู้ทั้งบ้านทั้งเมืองว่าใครไปเซ็น เพราะไม่เปิดเผย ก็ไม่ได้เป็นเหตุให้ศาล รธน.ไม่รับคำร้อง แต่เขาเปิดเผยต่อศาล รธน. มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเปิดหรือไม่เปิดเผยชื่อก็ได้

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ยืนยันในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ทางยูทูบช่อง สรยุทธ สุทัศนะจินดา  กรรมกรข่าว ถึงกรณีมีผู้ร้องลายเซ็น 40 สว.มีการปลอมลายเซ็นว่า เขาใช้สติปัญญาส่วนไหน เรื่องอะไร อย่างไรถึงมาคิดได้ว่าควรจะมาฟ้องอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นไปได้ยาก ตามคำฟ้องของเขาเป็นการทำงานของสภา มีระบบชัดเจน เวลาเราเป็น สว. เราต้องไปทำประวัติไว้ เวลาเราใช้สิทธิทำอะไรต่อประธาน ยื่นเสนอญัตติให้มีการพิจารณาในวุฒิสภาก็ต้องนับจำนวน ดูลายเซ็น เป็นเรื่องพื้นฐานมากๆ เลย ถ้าเทียบลายเซ็นแล้วถูกต้องท่านประธานวุฒิฯ ถึงจะดำเนินการต่อ เรื่องนี้ผ่านหลายขั้นตอนมาก ศาลท่านก็รับ ก็แปลว่าตรวจสอบ 2 ชั้นแล้ว กระทั่งมีการพิจารณา

"ที่ 40 สว.ไม่เปิดชื่อ เพราะไม่อยากให้เป็นปัญหา เปิดมากคนนู้นคนนี้ตอบไม่ตรงกัน รัฐบาลยังมีโฆษกเลย กรรมาธิการก็มี เขาก็มอบหมายผมว่าให้ช่วยหน่อย ก็อธิบายไปเบื้องต้น ถ้ามาถึงจุดหนึ่ง ศาลตัดสินแล้ว ก็ต้องเปิดชื่อทั้งหมดอยู่ดี เพราะเราทำงานในหน้าที่ เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ การเปิดระหว่างทางจะเป็นผลดีต่อตัวเองหรือเปล่า หรือมีคนมาคุกคาม ล็อบบี้ ต่อว่า ก็จะได้รับผลกระทบ ก็ไม่จำเป็นต้องเปิด พอเปิดก็มีกระแสทางการเมืองว่าไปแกล้งหรือไม่แกล้งใคร สุจริตไหม จะเป็นกระแสสังคมที่อาจจะคลาดเคลื่อน เรื่องเหล่านี้เนี่ยอาจจะไปมีผล ไปกดดันศาล หรือมีผลต่อความเป็นอิสระของท่าน ก็ไม่ควรที่จะไปให้ข้อมูลแบบนี้" นายดิเรกฤทธิ์กล่าว

นายสรยุทธพิธีกรถามว่า ไม่เป็นไปตามข้อครหาใช่หรือไม่ ที่ว่าเปิดมาแล้วเป็นสายลุงป้อม สว.รายนี้ระบุว่า นั่นแหละ มันอาจจะคลาดเคลื่อนในแง่ของความเข้าใจได้ ถ้าคุณไปคิดเอง ไปมีฉากทัศน์ทางการเมือง และไปกล่าวหาว่าคนนี้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นคนนี้ คนนี้เคยเป็นลูกน้องคนนี้ ซึ่งก็รู้จักกันทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะเชื่อมั่นว่าคนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ จะสรรหาให้เป็น สว.ได้อย่างไร

"งานนี้ไม่มีใบสั่ง ถ้าไปจินตนาการแบบนั้น ทุกคนก็เห็นแก่ตัวหมด บ้านเมืองอยู่ไม่ได้ แล้วไม่เชื่อมั่นในเหตุผล และการทำงานของใครเลย บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร" สว.รายนี้ระบุ

อิ๊งค์ควงทักษิณไปโคราช

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง และรองโฆษกพรรค ปชป. เสนอว่า ในช่วงนี้หากให้สง่างามที่สุด นายกฯ ควรลาราชการ เพื่อหยุดการปฏิบัติหน้าที่ หยุดการสั่งราชการใดๆ ทั้งหมดไว้ก่อน จนกว่าศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัย จะได้ไม่มีปัญหาโต้แย้งภายหลังอีก

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งระบุว่า ถ้าหากดูจากมติการรับคำร้องและมติการหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว หากพิจารณาลงในรายละเอียดของผลการลงมติ และคำวินิจฉัยส่วนบุคคลของตุลาการเสียงข้างน้อย ในประเด็นให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว เห็นได้ว่าข้อต่อสู้ของนายเศรษฐาเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะประเด็นที่นายเศรษฐาควรรู้ว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี รวมถึงรายละเอียดในหนังสือสอบถามของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหนังสือตอบข้อหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความชัดเจนว่าจงใจจะสอบถามในบางประเด็น และไม่ต้องการคำตอบในบางประเด็น เพื่อสร้างความชอบธรรมในการทูลเกล้าฯ เสนอชื่อนายพิชิต

"เมื่อดูข้อกฎหมายและเจตนาความต้องการของนายเศรษฐาแล้ว เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" นายเทพไทระบุ

ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม ร่วมกับหน่วยราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ประชุมเตรียมความพร้อมในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จังหวัดนครราชสีมา

นายประเสริฐกล่าวว่า การประชุมส่วนราชการเป็นการเตรียมความพร้อมการประชุม ครม.สัญจรนอกสถานที่ในวันที่ 1-2 ก.ค.นี้ โดยลงพื้นที่มาดูว่าจังหวัดนครราชสีมาทิศทางการพัฒนาที่วางไว้ควรจะไปทิศทางไหน ซึ่งการพัฒนาโคราชอาจจะต้องพัฒนาหลายๆด้านพร้อมๆ กัน การประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้จึงเป็นการประชุมในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง หรือนครชัยบุรินทร์ มี จ.นครราชสีมา, ชัยภูมิ,บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 25 พ.ค.  พร้อมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เพื่อไปร่วมพิธีฌาปนกิจนายวิชัย ช่างเหล็ก หรือลุงป๊อก อดีตคนขับรถส่วนตัวของคุณพ่อ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างลุงป๊อกกับครอบครัวชินวัตรที่ส่วนตัวเรียกว่าพี่ป๊อก ซึ่งอยู่กับพ่อก่อนที่ตนจะเกิด โดยเฉพาะตอนที่คุณแม่กำลังจะไปคลอดนั้น พี่ป๊อกก็เป็นคนขับรถไปส่งที่โรงพยาบาล และแน่นอนว่าต่างมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่คุณพ่อได้มีโอกาสไปงาน

"ครอบครัวพี่ป๊อกรอคุณพ่อมาร่วมงาน เพราะเราสนิทเหมือนญาติ และพี่ป๊อกก็ดูแลคุณพ่อมาด้วย คอยขับรถให้ตลอด เด็กๆ ก็ไปแกล้งขณะวิ่งเล่นอยู่ในบ้าน และในที่สุดก็ได้มีโอกาสไปหา เพราะท่านเสียตั้งแต่ปีที่แล้ว" น.ส.แพทองธารกล่าว

ส่วนนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้อง กกต.ซ้ำเรื่องภรรยาตนเองจดเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดคลังแสงอีสาน ซึ่งอาจมีผลต่อการแจ้งบัญชีทรัพย์สินว่า เป็นเรื่องเดิม ก่อนหน้านี้ก็ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการ  เราเป็นนักการเมืองก็พร้อมที่จะตรวจสอบ ทางกระบวนการก็รับเรื่องไปแล้ว

"คนที่ไปยื่นคงเห็นว่าเรื่องนี้นานแล้ว จึงอยากติดตามความคืบหน้า อีกทั้งผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องประจวบเหมาะที่มีกรณีของนายกฯ ในขณะนี้ หรือเป็นการเลื่อยขาเก้าอี้ รมว.กลาโหม เพราะคนยื่นก็ชอบทำเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เป็นหน้าที่เขา เป็นความถนัด และก็ทำกับทุกคน สำหรับผมวันนี้คิดข้ามช็อต ทำอย่างไรให้นโยบายต่างๆ ประสบความสำเร็จ ผมไม่รู้สึกกังวลอะไร ประเทศยังต้องการการแก้ปัญหาและพัฒนาที่ต่อเนื่อง” นายสุทินกล่าว

ถามว่า ปมเรื่องหุ้นจะไม่เป็นปัญหาต่อคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี และเคยเป็นจุดตายของรัฐมนตรีหลายคน นายสุทินกล่าวว่า อาจจะแตกต่างกันอยู่ ของตนไม่เหมือน และเชื่อว่าไม่ใช่จุดตายของสุทิน เขาตรวจสอบเราเพราะเป็นหน้าที่เขา ส่วนเราก็ทำตามหน้าที่เรา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เศรษฐา’ ลาป่วยติดโควิด กลับมาปฎิบัติงานวันที่ 19 มิ.ย.นี้

นายกรัฐมนตรี ได้พบแพทย์ หลังจากมีอาการป่วย อ่อนเพลียเล็กน้อย ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผลการตรวจพบว่าติดโควิด