สัญญาห้ามโละปาร์ตี้ลิสต์ ‘ทักษิณ’ช่วย‘อิ๊งค์’คุมพท.

"เศรษฐา" ย้ำไม่มีอะไรในกอไผ่เรื่องเขี่ยพรรคพลังประชารัฐ แต่บอกเป็นคนรักสบายไม่อยากเข้าป่า ฟุ้งหากเจอ "ลุงป้อม" ในงานต่างๆ ก็พร้อมทัก ก่อนกินข้าวเที่ยงกับ "ธรรมนัส" คุยเรื่องหมู "แกนนำรัฐบาล" รุมอัดหญิงหน่อยปมโละปาร์ตี้ลิสต์ "โทรโข่ง ทสท." ท้าแน่จริงทำสัญญาประชาคม อย่าแค่ด่าเอาใจนายใหญ่ "ภูมิธรรม" เตือนสติก้าวไกลทำงานอย่าใช้อารมณ์ "ทักษิณ"  โผล่ พท.ติวเข้ม สส.ใหม่ ลั่นพร้อมเป็นผู้ช่วยหัวหน้าพรรค

เมื่อวันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2567 ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองในหลายๆ เรื่อง โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวการปรับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ได้มีการคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร.หรือไม่ ว่าไม่ได้พูดคุย แต่ได้พูดไปหลายเวทีแล้ว เรื่องที่มีข่าวความขัดแย้งกันในรัฐบาล ซึ่งก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เดินคุยกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ สส.พรรค พปชร. โดยได้คุยงานอย่างเดียว ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ตรงนี้ขอให้ดูกันต่อไปก็แล้วกัน

 “เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาพบ ก็คุยกันเรื่องน้ำที่วันนี้เรามีงบกลางเข้าไป ใส่เงินก็ส่วนหนึ่ง แต่การใส่ใจสำคัญมากกว่า อย่างที่บอกปีนี้ฝนน่าจะเพิ่มมากขึ้นประมาณ 10% แต่คงไม่ได้มากขนาดนั้น หากบริหารให้ดีเชื่อว่าผลกระทบจากน้ำท่วมคงไม่มี และถ้าบริหารดีจริงๆ น้ำแล้งก็ไม่มีด้วย” นายเศรษฐากล่าว

เมื่อถามว่า กระแสข่าวความขัดแย้งที่ออกมามักบอกว่าออกมาจากบ้านในป่า นายกฯ จะถือโอกาสเดินเข้าบ้านป่าเพื่อสร้างความเข้าใจหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ผมไม่เคยทราบ ผมไม่เดินเข้าป่า ผมอยู่ในกรุงครับ แต่ผมไม่ได้หนีอะไร แต่ถ้าคำว่าเดินเข้าบ้านหรือเดินป่าผมไม่เดิน ผมรักความสบาย ผมอยู่ในกรุงดีกว่า”

ถามต่อว่า ไม่ได้หมายความว่าให้เดินเข้าป่าไปไหน แต่หมายถึงการไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. นายเศรษฐาตอบว่า “ครับ ถ้ามีโอกาสก็คงจะพบ แต่ผมก็ไม่เคยรู้จักท่าน หากเจอกันในงานต่างๆ หรือท่านมาที่สภาเจอกันผมก็คงไปแสดงความเคารพท่าน และอย่างที่เคยบอก ท่านเป็นอดีตรองนายกฯ มานาน และเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก ไม่มีเหตุผลที่จะไปหลีกเลี่ยงหรือไม่ไปพบท่าน และพรรคของท่านก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมา”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายกฯ แถลงข่าวการประชุม ครม.กับสื่อมวลชน ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลเสร็จสิ้น ได้กลับขึ้นไปบนห้องรับรอง ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 เพื่อทักทาย ครม. ที่นั่งรับประทานอาหารกลางวันอย่างเป็นกันเอง พร้อมกันนี้ นายกฯ ถือโอกาสพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส

จากนั้นเวลา 13.59 น. นายเศรษฐาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวีตผ่าน X ระบุว่า “ทานข้าวเที่ยงกับท่านรัฐมนตรีธรรมนัสหลังประชุม ครม. เลยมีโอกาสได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องสำคัญๆ หลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เป็นปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร ทั้งเรื่องราคาหมูตกต่ำ ซึ่งทางท่านธรรมนัสรายงานว่าตอนนี้ได้มีการปราบหมูเถื่อนไปแล้ว แต่สถานการณ์ราคายังไม่ขยับขึ้น ผมจึงขอให้ท่านธรรมนัสไปพูดคุยกับผู้ค้าเพื่อให้มีการกำหนดราคาที่เป็นธรรมกับผู้เลี้ยงหมูมากยิ่งขึ้น”

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร. กล่าวถึงสถานการณ์ในพรรคว่า ปกติดี ไม่มีอะไร 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงยังแน่นกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ และได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร หลังมีกระแสข่าวจะเขี่ยพรรค พปชร.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ไม่ได้เจอ พล.อ.ประวิตรเลย และเมื่อถามว่าสถานการณ์ในพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ไม่รู้

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงการเป็นเจ้าภาพจัดดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลครั้งหน้า มีการเคาะวันหรือยังว่า พรรค พปชร.พร้อมแล้ว รอการคอนเฟิร์มจากพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมาอยู่ในช่วงการพิจารณางบประมาณปี 2568 หลายคนที่เป็นแกนนำพรรคร่วมไปอยู่ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) งบฯ ยืนยันว่ารอทุกพรรคพร้อม

เมื่อถามว่า จะเชิญ พล.อ.ประวิตรมาร่วมเป็นนัดกาวใจหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ท่านมอบหมายมาตลอด ไม่เคยไป เนื่องจากไม่สะดวก

อัด 'หญิงหน่อย' สงสัยฝันไป

วันเดียวกัน ยังคงมีการแสดงความคิดเห็นกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโละทิ้ง สส.บัญชีรายชื่อให้เป็น สส.เขตทั้งหมด 500 คน โดยนายเศรษฐากล่าวว่า ได้พูดไปแล้ว ไม่เอาแล้ว หลายๆ ท่านและพรรคร่วมก็ออกมาพูดแล้ว เราไม่มีความตั้งใจตรงนั้น อย่าไปสร้างประเด็นทางการเมืองมาเลยดีกว่า ไม่มี

ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณหญิงสุดารัตน์ออกมาบอกว่าถ้าไม่ใช่เรื่องจริงก็อยากให้นายกฯ และพรรคเพื่อไทยออกมาทำสัญญาประชาคมว่าจะไม่แก้รัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าว นายกฯ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ได้พูดไปแล้ว บอกไปแล้ว บอกว่าไม่ได้ทำ และไม่มีความตั้งใจตรงนี้

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวในเรื่องนี้ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ได้ฟังมาจากพวกจริงๆ หรือฝันไปยังสงสัย ขออย่าไปทำข่าวที่ไม่มีพื้นฐานของความจริง ทำข่าวที่ไม่เป็นความจริง คืออะไร ข่าวเต้า หรือเต้าข่าว อย่าไปทำเลย ทำงานสร้างพรรคให้แข็งแรงและเป็นกำลังสร้างประชาธิปไตยให้ได้ หากทำแบบนี้จะเป็นปัญหากับตัวเอง

นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว ส่วนที่บอกว่าเพื่อต้องการสกัดกั้นพรรคก้าวไกลนั้น การจะไปสกัดกั้นพรรคได้พรรคหนึ่ง หันไปสร้างความนิยมจะดีกว่า ก็เป็นความจริงที่จีรัง ไม่ใช่ใช้วิธีไปแก้กติกาเพื่อเล่นงานกัน ไม่เห็นด้วย

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้หัวเราะในลำคอก่อนระบุว่า สส.บัญชีรายชื่อมีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ตอนนี้ปี 2567 แล้วก็จะ 30 ปี ซึ่งไม่เคยมีปัญหาอะไร ตนเองก็เป็น สส.บัญชีรายชื่อ ก็เห็นด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าแก้ลำบาก และแก้ไม่ได้หรอก เพราะเวลาเลือกก็เลือกคนที่รัก พรรคที่ชอบ มันก็อย่างนั้น

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในฐานะ สส.เขต เชื่อว่า สส.เขตลงพื้นที่มากกว่า เพราะเป็นคนที่ประชาชนเลือกมา ฉะนั้นการรับรู้ปัญหาของประชาชนมีมากกว่า แต่ไม่ทราบระบบจะเปลี่ยนหรือไม่

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการเพื่อคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ความเห็นต่างในรัฐธรรมนูญ 2560 ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เสนอ เพราะในที่ประชุมไม่เคยมีการพูดถึงในการกำจัด สส.บัญชีรายชื่อ และที่สำคัญจะมีหรือไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ จะขึ้นอยู่กับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่จัดตั้งขึ้นมา ชทพ.ผ่านมาหลายบริบท ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบบใดเราก็น้อมรับกติกา

ท้าทำสัญญาประชาคม

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า การมี สส.ทั้ง 2 ระบบเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว และเป็นระบบที่อยู่กับการเมืองไทยมายาวนาน ถือว่าเป็นพัฒนาการทางการเมือง และไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เหลือระบบเดียว

นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรค ทสท. กล่าวว่า ประชาชนเริ่มให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้น และเริ่มเห็นเค้าลางว่าอาจมีมูลความจริง เพราะหลังมีข่าวนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการตอบโต้มาจากพรรคเพื่อไทยอย่างเข้มข้นตั้งแต่หัวแถวคือนายกฯ ลงมาถึงระดับปลายแถวดิ้นพล่านจนน่าสงสัย หากมั่นใจว่าไม่มีมูล ไม่มีการวางแผนเรื่องนี้จริง ก็ต้องกล้ารับคำท้าคุณหญิงสุดารัตน์ประกาศสัญญาประชาคมออกมาเลยว่าจะไม่โละหรือลด สส.ปาร์ตี้ลิสต์ อย่าโยนว่าเป็นขบวนการของ ส.ส.ร. เพราะถึงวันนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีความชัดเจน หรือตกผลึกว่า ส.ส.ร.จะให้ประชาชนเลือกทั้งหมด หรือจะมีการแต่งตั้งบางส่วน ซึ่งพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความชัดเจนว่าต้องการให้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด

ขณะเดียวกัน นายเศรษฐายังให้สัมภาษณ์กรณีพรรค ก.ก.ไม่ได้ร่วมเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 จะทำให้มีปัญหาในการพิจารณางบประมาณหรือไม่ ว่าไม่ทราบ เพิ่งได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะอยู่ฝ่ายบริหาร แต่ถ้าถามในฐานะคนไทย ก็เป็นพรรคที่ใหญ่พรรคหนึ่ง จึงอยากให้มีส่วนร่วมในการทำงบประมาณ

นายภูมิธรรมกล่าวในเรื่องนี้ว่า ไม่เป็นไร มีการตรวจสอบข้างนอกอยู่แล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย อย่าทำให้ดูดี จนกระทั่งไม่ทำหน้าที่ก็แล้วกัน ซึ่งตั้งแต่ที่พรรค ก.ก.บอกว่าไม่ลงมติรับร่างงบปี 2568 และจะไปยื่นฟ้องศาลปกครอง มันไม่ใช่กระบวนการที่ควรจะทำ ในขณะที่ประเทศต้องการเงินงบประมาณเพื่อมาทำงาน การไปยื่นศาลปกครองก็ไม่รู้ว่าเอากฎหมายข้อไหนไปยื่น หรือว่าพูดให้รู้ว่าตัวเองตั้งใจจะตรวจสอบที่รัฐบาลแย่มาก แต่ศาลปกครองก็ไม่มีอำนาจที่จะรับ จริงๆ เรื่องนี้ก็ควรไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัย

 “อยากให้คิดอะไรให้กว้าง ไม่อยากให้ใช้อารมณ์หรือความต้องการของตนเองเป็นหลัก หากช่วยให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น บรรยากาศในประเทศจะดีขึ้น กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา อยากให้ก้าวไกลเข้าใจปรัชญาในประเด็นนี้ด้วย” นายภูมิธรรมกล่าว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีพรรค ก.ก.ขู่ฟ้องศาลเพื่อระงับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า  รัฐบาลไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร และเข้าใจในมุมของพรรคฝ่ายค้านที่จะไม่เห็นด้วยกับโครงการดิจิทัลฯ แต่อย่างที่เคยได้ชี้แจงในที่ประชุมสภาและเวทีต่างๆ ไปแล้วว่า กลไกด้านงบประมาณของรัฐไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น สุดท้ายแล้วกลไกตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ รวมถึง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ผ่านการใช้งานมาแล้วตั้งแต่ความเป็นรัฐมาจนถึงวันนี้ มีการพัฒนาในเรื่องข้อกฎหมายและขั้นตอนต่างๆ มาถึงจุดที่รัดกุม และสามารถยืนยันได้ว่าการเดินหน้าโครงการภายใต้ความเป็นรัฐไม่ว่ากรณีใดๆ มันเดินหน้าได้ 100%

 “ข้อห่วงใย ข้อชอบหรือถ้าไม่ชอบแล้วจะไปยื่นศาล ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นศาลไหน ก็ต้องถามว่าจะใช้ประเด็นไหนในการยื่นศาล ซึ่งตามจริงก็ต้องบอกว่าเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ รัฐบาลคงไปห้ามใครไม่ได้ และในส่วนของรัฐบาลเองก็ต้องบอกว่าเราเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ตั้งแต่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้วครั้งหนึ่ง” นายจุลพันธ์ระบุ

ทักษิณติวเข้ม สส.ใหม่

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการเรียนคลาสเพื่อไทยอคาเดมี โดยมี สส.รุ่นใหม่เข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย, นายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง, น.ส.ณัฐจิรา อิ่มวิเศษ สส.นครราชสีมา โดยมีวิทยากรพิเศษร่วมบรรยายคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางเข้าพรรคพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.

นอกจากนี้ นายทักษิณยังได้ให้กำลังใจผู้ที่อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ 68 วาระแรกที่ผ่านมาด้วย โดยบอกกับ สส.ว่า ตัวเองได้ติดตามการอภิปรายของ สส.รุ่นใหม่อยู่ ซึ่งดูแล้วอภิปรายไปในแนวโน้มที่ดี แต่ขอให้ทุกคนฝึกเพิ่มเติม ขออย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ให้คอยใฝ่รู้และเรียนรู้อยู่เสมอ ทั้งนี้ นายทักษิณได้พูดกับ สส.รุ่นใหม่ช่วงหนึ่งว่า "หากผมไม่ติดอะไรแล้วก็พร้อมมาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าพรรคและให้คำปรึกษา อะไรที่เกี่ยวกับพรรคก็จะเข้ามาช่วยดูหากมีโอกาสหรือจังหวะ" ซึ่งการมาบรรยายครั้งนี้สร้างความประทับใจแก่ สส.ที่ได้เข้าร่วมหลายคน ถึงกับนำรูปที่ได้ถ่ายร่วมกับนายทักษิณมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียเพื่อแสดงความดีใจ 

อาทิ น.ส.วิสาระดีได้โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความระบุว่า "ความฟินของวัน คนฉลาด จะไม่ยึดตามแต่หนังสือ แต่จะนำความรู้ มารู้จักใช้ให้ทันโลก".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง