พท.โทษปฏิวัติทำคะแนนนิยมดิ่ง

"สรวงศ์" มั่นใจเวลาที่เหลือของรัฐบาลจะเรียกศรัทธาคืน โทษปฏิวัติอีกแล้ว บอกทำให้ผลงานพรรคไม่ปะติดปะต่อจนโพลให้คะแนนต่ำ "อนุทิน" สุดเซ็งถูกปั่นจะคว้าเก้าอี้นายกฯ บอกสถานะปัจจุบันก็ดีแล้ว "ประธานศาลรัฐธรรมนูญ" ย้ำ 2 คดีดังทั้งยุบก้าวไกล-ตั้งทนายถุงขนมจบแน่ก่อน ก.ย. เมินลงดาบกรณี "ก้าวไกล" แถลงสู้คดีนอกศาล แต่ไม่รู้องค์คณะคิดอย่างไร

เมื่อวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2567 ยังคงมีความต่อเนื่องจากผลสำรวจความคิดเห็นของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้าโพล ในเรื่องความนิยมทางการเมืองไตรมาส 2 ที่ระบุว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพรรค ก.ก.ยังได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า  สิ่งที่ทำอยู่ก็ถือว่ามาในแนวที่ถูกทางแล้ว แต่ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา ผลโพลก็คือผลโพล ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เรานำมาเตือนใจตลอดเวลา

 “ผมมั่นใจว่าพรรค โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งผลโพลนั้นเราก็จะนำมาเป็นข้อมูลที่จะปรับใช้ เพราะจริงๆ ผลโพลก็ไม่ได้บอกว่าเราต้องเปลี่ยนด้านไหนบ้าง ต้องเสริมด้านไหนอีก  ฉะนั้นการบ้านของเราคือ สิ่งที่เรายังขาดอยู่เราก็ต้องเข้าไปเสริมสิ่งนั้น” นายสรวงศ์กล่าว

เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็มีการระบุว่าต้องปรับยุทธศาสตร์ ได้พูดคุยอะไรกันบ้างหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ทุกอย่างต้องปรับอยู่แล้ว เพราะการทำงานของเรายังมีความห่างระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องพยายามเสริมเพื่อจะให้เชื่อมต่อกันมากขึ้น และขณะนี้รัฐบาลก็พยายามนำสิ่งต่างๆ ที่สัญญาไว้กับประชาชนมาทำให้เป็นรูปธรรมออกไปมากที่สุด

ถามต่อว่า ระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก 3 ปีก่อนเลือกตั้ง  มั่นใจหรือไม่ว่าพรรค พท.จะพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้ประชาชนกลับมาเลือกอีกครั้งได้ นายสรวงศ์กล่าวว่า มั่นใจและหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่เรากำลังทำประชาชนจะเห็น ส่วนจะช้าจะเร็วอย่างไรก็ขอให้ประชาชนเข้าใจนิดหนึ่งว่าเราเข้ามาซ่อม มันต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่ามันดีอยู่แล้ว  แล้วเรามาทำให้พัง แต่หากย้อนกลับไปดูจริงๆ ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมากระทั่งพรรคเพื่อไทย เรายังไม่เคยได้สร้างแบบปะติดปะต่อหรือจริงจังเลย เราเข้ามาเราก็เข้ามาซ่อม เมื่อดีขึ้นเราก็ถูกปฏิวัติมาถึงสองรอบ จึงขอให้ประชาชนเข้าใจและให้เวลารัฐบาลปฏิบัติหน้าที่

 “ฝากถึงสื่อมวลชนและนักวิชาการ ที่ตอนนี้ออกมาพูดกันจนประชาชนเชื่อสิ่งที่พวกคุณพูดกันหมดแล้ว แต่เมื่อไม่เป็นเหมือนที่คุณพูดก็ไม่เห็นมีใครออกมารับผิดชอบ ฉะนั้นนักวิชาการก็กลับไปทำงานของตัวเอง ไม่ใช่ออกมาพูดเป็นต่อยหอยเลยว่ามีดีลเช่นนั้นเช่นนี้ ทั้งที่คนอยู่ในวงในจริงๆ ก็งงว่าพูดเป็นฉากเลย แต่เราเองก็ไม่มีโอกาสออกไปตอบโต้ จึงขอฝากว่าขณะนี้ประเทศชาติและประชาชนต้องการให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การเมืองก็ว่ากันไปส่วนการเมือง แต่อย่านำมาปนกัน ผมอยากให้รัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่” นายสรวงศ์กล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ประชาชนยังคงให้ความไว้วางใจ พึงพอใจการทำงานของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.มาเป็นอันดับ 4 ส่วนคะแนนนิยมพรรคก็ยังครองใจประชาชน โดยได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 4 เช่นกัน สะท้อนถึงเสียงที่ประชาชนมองและได้รับประโยชน์จากการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

'เสี่ยหนู' โอดถูกปั่น

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  อดีตรองนายกฯ) โพสต์เฟซบุ๊กให้จับตานายอนุทินจะเป็นนายกฯ และจับมือกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) หากนายเศรษฐาถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง ว่าปั่นกันสนุกเลย แต่คนที่ตายคือตนเอง และก็ไม่รู้จักท่าน ข้อเท็จจริงตามที่ท่านพูดก็ไม่เคยรู้เรื่อง และไม่มีความกระตือรือร้นใดๆ อีกทั้งทำงานในรัฐบาลชุดนี้ก็มีความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ รับใช้ประชาชน สนองนโยบายนายกฯ  และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่แล้ว ไม่มีอะไรเดือดร้อนที่จะได้ดิบได้ดีอะไรไปมากกว่านี้ มีวันนี้ได้ก็มีความพึงพอใจอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า กรณีที่จะไปจับมือกับพรรค ก.ก.ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า 112 มันมีเงื่อนไขที่ทำให้วันนี้เกิดรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมา

เมื่อถามย้ำว่า หากไม่มีเงื่อนไขเรื่อง 112 จะจับมือกับพรรคก้าวไกลได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดเลย วันนี้เราอยู่รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา และอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงถึง 315 เสียง ถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพขนาดนี้แล้วอยู่ไม่ได้อายเขาตาย และถือว่ามีเสถียรภาพที่สูงที่สุดในรอบ 20-30 ปีเลย ต้องอยู่ให้ได้ และต้องมีความสามัคคีกัน

   เมื่อถามว่า ในทางการเมืองมองว่านายอนุทินมีโอกาสที่จะได้เป็นนายกฯ แต่ผลนิด้าโพลล่าสุดคะแนนนิยมกลับไม่ค่อยดี วิตกกังวลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เคยสนใจ เพราะที่ผ่านมาทำงานในกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข ก็ทำงานร่วมกับข้าราชการและผลักดันนโยบายได้ดี คำนึงถึงเนื้องานและทำด้วยใจ สนุกและทำงานยึดเป้าหมายประชาชนเป็นหลัก ทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้ วันหนึ่งอาจไปอยู่วัฒนธรรมก็ได้ ก็จะทำให้ดีที่สุด

ขณะเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต  ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่องดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือน มิ.ย. 2567 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,367 คน โดยพบว่าภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือน มิ.ย. 2567 เฉลี่ย 4.33 คะแนน ลดลงจากเดือน พ.ค. 2567 ที่ได้ 4.72 คะแนน โดยตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุดคือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 4.94 คะแนน (ลดลงจาก พ.ค.) ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุดคือ  การแก้ปัญหาความยากจน เฉลี่ย 3.94 คะแนน (ลดลงจาก พ.ค.) 

นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือนคือ นายเศรษฐา 43.86% ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือนคือ นายพิธา 54.56% ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือนคือ กฎหมายสมรสเท่าเทียม 39.31% ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบคือ อภิปรายงบประมาณ 2568 40.26%   ข่าวหรือประเด็นที่ประชาชนสนใจติดตามในเดือน มิ.ย.  อันดับ 1 คือ ราคาสินค้า ค่าครองชีพ 45.43% แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 32.07% และความขัดแย้งวงการตำรวจ 22.50%

สองคดีใหญ่จบก่อน ก.ย.แน่

ด้าน ศ.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีการประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 3 ก.ค.ว่ามีหลายเรื่อง อาทิ เรื่องกฎหมายเช็คขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่, เรื่องเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา รวมถึงกรณีคำร้องที่ขอให้ยุบพรรค ก.ก.  และกรณี 40 สว.ยื่นคำร้องขอให้เอาผิดนายเศรษฐา หลังแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติ  ว่าเอกสารพยานหลักฐานที่ส่งมาครบถ้วนหรือไม่ ส่วนจะไต่สวนหรือไม่ขอให้มีการคุยกันในองค์คณะก่อน ถึงจะเป็นประธานก็ยังตอบไม่ได้ ไม่สามารถไปแทรกแซงความเป็นอิสระของท่านอื่นได้ ดังนั้นขอให้รอฟังผลการประชุม อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คดีน่าจะเสร็จก่อนเดือน ก.ย.นี้แน่นอน แต่เรื่องไหนจะเสร็จก่อนไม่ทราบ ทั้งนี้ในคดีของพรรคก้าวไกลเป็นเพียงแค่ขอเอกสารหลักฐานจากคู่กรณีเท่านั้น

เมื่อถามว่า มีความกดกันหรือกังวลอะไรหรือไม่ ศ.นครินทร์กล่าวว่า การทำงานเราก็ต้องกดดันตัวเอง สังคมก็กดดันเรา เป็นที่เข้าใจได้เพราะเป็นคดีสำคัญ แต่เราต้องมีความเที่ยงธรรมดูให้พอเหมาะพอควร ให้เขาชี้แจงข้อสงสัยแล้วไปประชุมวินิจฉัยกันอีกครั้ง การตัดสินใจของศาลเป็นการตัดสินใจโดยองค์คณะ ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งองค์คณะก็มีความเห็นเป็นอิสระ ซึ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจนในใบแถลงข่าว ใครตัดสินใจอย่างไรเปิดเผยหมด

เมื่อถามถึงคดีพรรคก้าวไกล คู่กรณีออกมาเคลื่อนไหว 2 ครั้งแล้ว จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ศ.นครินทร์กล่าวว่า ต้องให้องค์คณะเป็นผู้พิจารณา ส่วนตัวคิดว่าไม่มี

เมื่อถามย้ำว่า กรณีที่พรรค ก.ก.มีการแถลงข่าว จะถือว่าผิดคำสั่งศาลที่ให้หยุดเคลื่อนไหวหรือไม่ ศ.นครินทร์ กล่าวว่า เป็นคำแนะนำและคำเตือนของศาล ต้องดูความพอเหมาะพอดีพอควร ขอย้ำว่าศาลไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ตนเองเป็นหนึ่งในฐานะองค์คณะตุลาการจึงขอไม่ตอบโต้อะไร ส่วนเขาจะออกมาอธิบายอะไรได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับองค์คณะที่จะพิจารณา

 “สื่อมวลชนเห็นว่าทำได้หรือไม่ สังคมเสรีก็เป็นเช่นนี้ สังคมไทยมีสิทธิเสรีภาพพอสมควร เขาก็ดำเนินการไปในสิ่งที่เขาเห็นว่าพอเหมาะพอควร ยืนยันว่าศาลไม่ใช่คู่ขัดแย้ง เพราะฉะนั้นศาลจะไม่ตอบโต้กับเรื่องเหล่านี้”

เปิดเผยหมดรัฐสิ้นสภาพ

วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญจัดโครงการศาลรัฐธรรมนูญพบสื่อมวลชนประจำปี 2567 พร้อมทั้งแสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “บทบาทของสื่อในสังคมข้อมูลข่าวสารยุคดิจิทัล” โดยมี ศ.นครินทร์กล่าวปาฐกถาว่า ความยุ่งเหยิงของข้อมูลยุคดิจิทัลมีมาก สื่อเป็นเครื่องมือของศาล  ศาลต้องมีสื่อ ต้องใช้สื่อเป็น ขณะเดียวกันเราก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกบีบโดยสื่อด้วย ไม่ว่าสื่อจะรายงานในทางบวกหรือลบ การรายงานของสื่อก็มีผลต่อการตัดสินใจของศาลด้วยในบางลักษณะ จะมากหรือน้อยแล้วแต่ตุลาการบางท่านที่มีอิสระ บางท่านอาจคิดถึงสถานการณ์มากเป็นกรณีพิเศษ สังคมไทยมีสิทธิเสรีภาพพอสมควร และถือว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เราน่าจะดีกว่าเมียนมา, ลาว, มาเลเซีย และสิงคโปร์

ศ.นครินทร์กล่าวต่อว่า อยากจะชวนคิดว่าสื่อยุคดิจิทัลมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะหาคำนิยามได้ยาก ซึ่งขอจัดเป็น 3 ลักษณะ คือ 1.สื่อที่มีเจ้าของหรือเจ้าของสื่อ ทุกองค์กรมีเครื่องมือสื่อเป็นของตัวเอง ศาลก็มีจดหมายข่าว แต่ปัญหาคือ สื่อที่มีเจ้าของปัจจุบันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เพราะเจ้าของในที่นี้ไม่ได้เป็นองค์กร แต่อาจเป็นบุคคลธรรมดา ทุกคนสามารถไลฟ์สดได้ เพราะฉะนั้นคำว่าเจ้าของสื่อมันกว้าง 2.สื่อที่เราว่าจ้าง เช่นจ้างวันเกิดศาลรัฐธรรมนูญ มีการซื้อหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการบริหารสื่อรูปแบบหนึ่ง และ 3.สื่อ Earn Media เขาได้รับมาจากการไว้วางใจหรือเกลียดชังที่คนอื่นเขียนถึง ถ้าคนนั้นไว้ใจองค์กร แล้วเขียนให้เราโดยที่เราไม่ต้องจ้าง ตนว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากที่สุด มีสื่อที่เกาะติดศาล คิดว่าสื่อที่มาในรูปแบบนี้น่าสนใจ

ศ.นครินทร์ระบุว่า จรรยาบรรณของสื่อยุคดิจิทัลอยู่ที่ไหน ในอดีตมีสมาคม เราสามารถแนะนำ อบรม ตักเตือนกันได้ แต่จรรยาบรรณของสื่อยุคดิจิทัลเป็นปัจเจกบุคคล จะตักเตือนกันอย่างไร ถ้าควบคุมดูแลเบ็ดเสร็จก็ไม่ใช่สังคมเสรีประชาธิปไตย แต่การไม่ควบคุมกันเลยมันคือสังคมอนาธิปไตย เรายืนอยู่บนสองขา ลูกฝั่งหนึ่งจะเป็นอนาธิปไตยหรือจะเป็นเผด็จการ แต่ผมว่าเราอย่าเป็นทั้ง 2 ฝ่ายจะดีกว่า เราควรอยู่ตรงกลาง ให้สื่อยุคดิจิทัลเคลื่อนที่ไป พวกเราคงต้องคิดถึงความพอเหมาะพอควร สื่อกัน บางเรื่องเราตอบได้ แต่บางเรื่องอย่าลืมนะศาลเป็นองค์กรที่อยู่กับความลับ ถ้าเราเปิดเผยทุกอย่าง อันนั้นไม่ใช่ศาล ความจริงองค์กรของรัฐบางประเภทก็เปิดเผยทุกอย่างไม่ได้อยู่ดี เราอย่าคิดว่าต้องทำทุกอย่างให้ทุกอย่างโปร่งใส  เปิดเผยได้ทั้งหมด บางเรื่องเปิดเผยไม่ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับการตัดสินคดีความ ความมั่นคง ถ้าเราเปิดเผยความมั่นคงของประเทศต่อสาธารณชนทั้งหมดก็เรียบร้อยครับ รัฐจะไม่เหลือสภาพเลย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา

"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"

ใต้อ่วม! ทางรถไฟ-ถนนขาด

ฝนตกหนักน้ำท่วม เส้นทางลงใต้อัมพาต ทางขาดทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย รถไฟไปต่อไม่ได้ ติดค้างที่ชุมพรเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ส่วนที่นครศรีฯ น้ำทะเลจ่อหนุนซ้ำเติม

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ผสมนํ้ายาดองศพ

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า พบน้ำยาดองศพ สารก่อมะเร็งในบุหรี่ไฟฟ้าเพียบ เสี่ยงเกิดมะเร็ง แนะผู้ปกครองสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลาน ย้ำเตือนเด็กและเยาวชนอย่าหลงเชื่อค่านิยมผิดๆ

บึ้มงานกาชาด สอบเกียร์ว่าง! ตำรวจอุ้มผาง

"ผบ.ตร." สั่งสอบตำรวจพื้นที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ เหตุ 2 คนร้ายปาระเบิดกลางเวทีรำวงงานกาชาดอุ้มผาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 48 คน "อุ๊งอิ๊ง"