ม็อบสายเขียวมาแล้ว นัดรวมตัวหน้ายูเอ็นเที่ยงก่อนเคลื่อนขบวนไปทำเนียบฯ

ม็อบสายเขียวมาแล้ว นัดรวมตัวหน้ายูเอ็นเที่ยงก่อนเคลื่อนขบวนไปทำเนียบฯ ยันปักหลักยาวหากไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์มายืนยัน  “อดีตอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ” บอกไทยกำลังเป็นตัวตลกโลก เปลี่ยนนโยบายกลับไปกลับมา

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567 นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประชุมหารือเมื่อวันที่ 5 ก.ค. และมีมติเสนอคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นำพืชสมุนไพรกัญชาและกัญชง กลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 (ยส.5) โดยเน้นควบคุมช่อดอกและสารทีเอชซี ยกเว้นกิ่ง ราก ใบ และเมล็ดนั้น เครือข่ายฯ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 8 ก.ค. เวลา 12.00 น. จึงได้นัดรวมตัวกันที่หน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จากนั้นเวลา 13.00 น. เครือข่ายฯ จากทั่วประเทศประมาณ 400-500 คน จะเคลื่อนขบวนไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

“ก่อนหน้านี้ เครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ไปแล้ว 3 ครั้ง เรียกร้องให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกัญชาในทุกมิติ ก่อนตัดสินใจใดๆ โดยอยากให้ได้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ข้อกังวลกัน ถ้าผลการวิจัยออกมาเป็นอย่างไร พวกเราก็พร้อมยอมรับ แต่ไม่ใช่คิดว่าจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน ซึ่งถ้าไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาล พวกเราก็จะปักหลักชุมนุมกันอย่างสงบที่หน้าทำเนียบรัฐบาล จะอยู่ไปจนกว่าข้อเรียกร้องจะสำเร็จ” นายประสิทธิ์ชัยกล่าว

ด้าน รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อดีตอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก   กล่าวในเรื่องนี้ว่า รัฐบาลที่แล้วปลดล็อกมีข้อมูลมากมายสนับสนุน ผ่านมา 2-3 ปี เอากลับไปเป็นยาเสพติดอีกแล้ว สรุปคือนโยบายรัฐไทยลักปิดลักเปิด มีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นกับการเมืองอยากให้เป็น ไม่สนใจนักลงทุน ไทยทำแบบนี้ก็เหมือนตัวตลก นานาชาติหัวเราะเยาะ กัญชา ยาสมุนไพร มันควรใช้เป็นโอกาสทั้งการแพทย์และเศรษฐกิจ ไม่ใช่เอาเข้า-เอาออกตามใจฉันแบบนี้มั่วกันไปหมด

รศ.ดร.นพ.ธวัชชัยกล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์ เมื่อมีการนำกลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชา โดยเสียงสะท้อนจากผู้ลงทุนอุตสาหกรรมกัญชากัญชงว่าเกิดความเสียหายอย่างน้อยไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งกระทบทั้งกลุ่มต้นน้ำ ประชาชนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาที่บางคนโค่นพืชชนิดอื่นและมาปลูกกัญชา กลุ่มกลางน้ำที่เป็นโรงงานสารสกัดกัญชากัญชง ซึ่งปัจจุบันโรงงานสกัดที่มีใบอนุญาต 40 แห่ง ลงทุนโรงละไม่ต่ำกว่า 5-10 ล้านบาท ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียรายได้อย่างมีนัยสำคัญ และการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ผลิตเครื่องสำอาง อาหาร ผู้แปรรูป นักวิจัย นักพัฒนาผลิตภัณฑ์ และอื่นๆ

 “ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ต้องเผชิญกับกฎระเบียบหรือการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น นำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่สูงขึ้น อาจนำไปสู่การบูมของกัญชาในตลาดมืด การหวนกลับไปสู่การฟื้นฟูตลาดกัญชาที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากเราได้สร้างตลาดผู้ใช้กัญชา ผู้ปลูก ผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญเป็นจำนวนมากแล้วที่ต้องหาลู่ทางการใช้ สร้างอาชญากรรมใต้ดิน และกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนของการบังคับใช้ ยังนำไปสู่ความเสียหายต่อชื่อเสียงของรัฐเองที่สร้างความสับสนทั้งต่อผู้ที่ต้องการใช้อย่างถูกกฎหมายทางการแพทย์เอง หรือนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ตามข่าวไม่ทัน” รศ.ดร.นพ.ธวัชชัยระบุ

 รศ.ดร.นพ.ธวัชชัยเสนอว่า ทางออกที่ดีกว่าก็ควรคุมให้เหมาะสม ระวังไม่ให้เข้าถึงเด็ก ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้อง แม้บอกว่าใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ใช้ทางเศรษฐกิจได้ แต่เมื่อไปเป็นยาเสพติดจะมีความวุ่นวายที่จะเป็นภาระผู้ประกอบการ จึงควรดำเนินการดังนี้ 1.วางแผนการตลาด และกลุ่มลูกค้า การจำกัดการใช้สันทนาการจะทำให้ฐานลูกค้าจำกัดเพียงผู้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น 2.การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ร่วมมือกับหน่วยงาน ทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่ออัปเดตการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแสดงความมุ่งมั่นต่อมาตรฐานทางกฎหมายและจริยธรรม สร้างเครือข่ายกัญชาทางการแพทย์ที่แข็งแรง และ 3.มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพ การวิจัย และ innovation ร่วมมือกับสถาบันทางการศึกษาพัฒนาการวิจัยที่หลากหลาย ในกลุ่มโรคและอาการ และจำนวนผู้ร่วมวิจัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่สาธารณชน

 “ไม่ว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติดหรือไม่ การแพทย์และธุรกิจก็ต้องดำเนินการต่อไปอย่างมั่นคง มีมาตรฐานสูง และปกป้องการนำไปใช้ในทางที่ผิดกับเด็กและเยาวชน อย่างไรก็ดี บุหรี่ ยาบ้า ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์เลย ขณะที่กัญชามี และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้มากมายถ้าไม่ถูกนำไปจองจำไว้อีก” รศ.ดร.นพ.ธวัชชัยกล่าวทิ้งท้าย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา

"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"

ใต้อ่วม! ทางรถไฟ-ถนนขาด

ฝนตกหนักน้ำท่วม เส้นทางลงใต้อัมพาต ทางขาดทั้งรถไฟและถนนสายเอเชีย รถไฟไปต่อไม่ได้ ติดค้างที่ชุมพรเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ส่วนที่นครศรีฯ น้ำทะเลจ่อหนุนซ้ำเติม

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ผสมนํ้ายาดองศพ

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า พบน้ำยาดองศพ สารก่อมะเร็งในบุหรี่ไฟฟ้าเพียบ เสี่ยงเกิดมะเร็ง แนะผู้ปกครองสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลาน ย้ำเตือนเด็กและเยาวชนอย่าหลงเชื่อค่านิยมผิดๆ

บึ้มงานกาชาด สอบเกียร์ว่าง! ตำรวจอุ้มผาง

"ผบ.ตร." สั่งสอบตำรวจพื้นที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ เหตุ 2 คนร้ายปาระเบิดกลางเวทีรำวงงานกาชาดอุ้มผาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 48 คน "อุ๊งอิ๊ง"