สุดโต่ง!เลือกสว.ใหม่ พลเดชชงใช้ผู้สมัครชุดเดิม เคาะตั้งกมธ.ศึกษาใน30วัน

"กกต." ประชุม 2 ชม.ไม่กล้าประกาศรับรอง  200 รายชื่อ สว. หัวกระไดไม่แห้งผู้พลาดหวังแห่ยื่นร้องเรียนต่อเนื่อง "ทนายอั๋น" ลั่นหากเดินหน้าประกาศชื่อเจอจองกฐินฟ้อง 77 จว.ทั่วประเทศแน่ ลามหนักเตรียมชง ป.ป.ช.-สภาสูงถอดถอน 7 อรหันต์ ประชุมสภาสูงเดือด พาเหรดอัด กกต. "สมชาย" สอนมารยาทว่าที่ สว. "สว.ตัวตึง" บอกให้หุบปาก เตือนระวังมี สนช.ชุดใหม่ "หมอพลเดช" ชงทางออกให้เลือกใหม่อีกครั้งโดยใช้ผู้สมัครชุดเดิม แต่ตรวจคุณสมบัติใหม่ สุดท้ายที่ประชุมเห็นชอบตั้ง กมธ.ศึกษาใน 30 วัน

เมื่อวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2567 ยังคงมีความต่อเนื่องในการเลือกสมาชิกสภาวุฒิสภา (สว.) 200 คนที่เสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. 2567 แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่มีการประกาศชื่อรับรอง โดยเมื่อเวลา 11.00 น. กกต.ได้ประชุมลับเพื่อพิจารณาคำร้องประเด็นต่างๆ และรายงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นมีรายงานว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพิจารณารับรองรายงานผลการเลือก สว. เนื่องจาก กกต.แต่ละคนยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันถึงการรับรองผลการเลือก สว. โดยมีเพียงการพูดคุยถึงงานที่ต้องดำเนินการให้ชัดเจนก่อนประกาศรับรองผล ทั้งที่ในวาระมีการบรรจุเรื่องดังกล่าวไว้

ขณะเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต.ยังคงมีผู้สมัคร สว.เดินทางมายื่นคำร้องอย่างต่อเนื่อง โดย พล.ต.ท.คำรบ  ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 กลุ่มกฎหมายฯ ได้ยื่นหนังสือและหลักฐานเพิ่มเติมต่อ กกต.เป็นครั้งที่ 4 พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการยื่นคำร้อง หลังก่อนหน้านี้ได้มายื่นขอให้ตรวจสอบความผิดปกติในการลงคะแนนที่พบว่ามีการจัดตั้ง มีการลงคะแนนตามโพย จึงขอให้มีการเปิดหีบพิสูจน์การลงคะแนนว่าเป็นไปตามโพย และคัดค้านการประกาศรับรอง สว. 200 คน และบัญชีสำรอง 100 คน

พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.และมายื่นเพิ่มเติมต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ จาก กกต. และได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลต่างๆ แต่ศาลก็ยกคำร้องโดยเห็นว่า กกต.ยังไม่มีการประกาศรับรองผล จึงต้องมาเรียกร้องให้ กกต.ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ได้ยื่นไว้ หาก กกต.ไม่ดำเนินการตามที่ร้องก็จะมายื่นร้องทุกวัน หรือถ้าไม่สนใจแล้วประกาศรับรอง สว. 200 คนไปโดยไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะถือว่า กกต.หลีกเลี่ยงที่จะผดุงความสุจริตและเที่ยงธรรม ตามมาตรา 32 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.กำหนดไว้ ซึ่งมีโทษตามมาตรา 69 จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี และอาจจะโดนไปถึงมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 “ผมเห็นด้วยกับการที่ สว.ปัจจุบันตั้งกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบการเลือก สว.ในขณะนี้ เพราะผู้สมัคร สว.มายื่นร้องกันขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่า กกต.จะรับฟังเท่าไหร่ การที่ สว.เข้ามาช่วยตรวจสอบก็เหมือนเป็นแรงหนุนที่อาจทำให้ความยุติธรรมเพิ่มขึ้นมา” พล.ต.ท.คำรบกล่าว

นายจิรัฏฐ์ แจ่มสว่าง ผู้สมัคร สว. กลุ่มที่ 3 การศึกษา  กล่าวว่า ตอนนี้เราถูกปิดหูปิดตาด้วย 2 วลีคือ การฮั้วไม่ผิด และการสมัครผิดกลุ่มไม่ผิด ทั้งที่สองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของการเลือก สว.ครั้งนี้ จึงอยากให้ กกต.เปิดหีบบัตรลงคะแนนเพื่อเช็กร่องรอย

 ด้านนายยศพัทธร์ ปรมัตถ์กิจการ ผู้สมัคร สว. กลุ่มที่ 9 ผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อสอบถามความคืบหน้า กรณีขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติหรือเงื่อนไขของผู้สมัคร สว.กลุ่มที่ 9  โดยระบุว่าก่อนการเลือก สว.ระดับประเทศ เคยมายื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร สว.กลุ่ม 9 ทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่แค่รับเอกสารไปไม่ได้มีการดำเนินการอะไร จนปล่อยปละละเลยให้คนที่ขาดคุณสมบัติ หรือไม่ได้เป็นผู้ประกอบการเข้ามาเลือกคนอื่น

“วันนี้ที่มาเพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้ พร้อมกล่าวโทษผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 74 พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ซึ่งมีความผิดทางอาญาโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี” นายยศพัทธร์ระบุ

ขู่จองกฐินฟ้อง 77 จังหวัด

               ส่วนนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ก็ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อขยายผลและเอาผิด สส.รายหนึ่งที่นัดทานข้าวกับผู้สมัคร สว.ที่จังหวัดขอนแก่น อาจเข้าข่ายฮั้วการเลือก สว. โดยนายภัทรพงศ์ระบุว่า กกต.มีอำนาจขอหลักฐานบันทึกรายการการสนทนาผ่านโทรศัพท์ของ สส.รายดังกล่าวได้ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อให้ทราบเหตุการณ์ในวันดังกล่าว และในอีก 2-3 วันข้างหน้าเตรียมจะสอยว่าที่ สว.ในกลุ่มสื่อสารมวลชนอย่างน้อย 3-4 คนด้วย หลังจากที่มีการประกาศรับรอง สว.

 “หาก กกต.ฝืนประกาศรับรองผล ทั้ง 77 จังหวัดได้จองกฐินเตรียมดำเนินคดีกับนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ตามมาตรา 157 ซึ่งเดาว่าเลขาธิการ กกต.ไม่กล้าประกาศผลรับรองในช่วงนี้ เพราะมี กกต.หลายคนไม่เอาด้วย เหตุการณ์ตอนที่เขาหน้าหนาจะย้อนกลับมาอีกครั้งหรือไม่ แต่สุดท้ายหน้าจะหนาหรือใหญ่มาจากไหนก็ติดคุกกันทั้งนั้น” นายภัทรพงศ์

ด้านนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว  2006 เข้ายื่นต่อ กกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว.ทั้ง 200 คน และสำรอง 100 คน โดยระบุว่าได้นำ 2 ชื่อผู้ที่ได้รับการเลือกมาเป็น สว.จากกลุ่มสตรีที่เป็นบุตรของ สว.ชุดปัจจุบัน มีอักษรย่อ อ. เป็นผู้ชาย และ สว.ชุดปัจจุบันอักษรย่อ ท. เป็นผู้หญิง และจากการตรวจสอบยังพบว่ามีบางคนที่ต้องคดีความ บางคนมีหุ้นส่วนในสื่อสารมวลชน อยากให้ กกต.พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของ สว.ใหม่อย่างเร่งด่วน เพราะการปล่อยผ่านแล้วมาสอยทีหลังเป็นความเสียหายมาก

 “กกต.ควรตั้งคณะตรวจสอบเฉพาะกิจ ไปขอความร่วมมือจากสภาทนายความก็ได้เพื่อมาตรวจสอบ แต่อย่าเพิ่งรับรอง สว.ใหม่ เพราะถ้ารับรองไปแล้ว กกต.เองอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด และอาจถึงขั้นรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะ” นายนพรุจกล่าว

ส่วนที่ศาลปกครองกลาง นายจักรพงษ์ คงปัญญา ผู้สมัคร สว.กลุ่มที่ 12 อุตสาหกรรม ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองไต่สวนคุ้มครองชั่วคราวเพื่อไม่ให้ กกต.พิจารณารับรอง สว. เนื่องจากในการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งของผู้อำนวยการเลือก สว.ระดับประเทศ ที่ได้มีคำสั่งรับรองรายชื่อบุคคลที่ผ่านการลงคะแนนรอบแรก  และเพิกถอนรายชื่อบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกในรอบที่สองหรือเลือกไขว้ เนื่องจากมีกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ในการที่ กกต.จะประกาศรับรองรายชื่อ สว.ทั้ง 200 คนและสำรอง 

“จากนี้จะไปยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ กกต.ตามมาตรา 157 และจะไปยื่นที่วุฒิสภาเพื่อถอดถอน กกต.ชุดนี้ที่ดำเนินการขัดกฎหมายเลือก สว.และรัฐธรรมนูญ” นายจักรพงษ์ระบุ

ด้านนายสมชาย แสวงการ สว. ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือก สว.ว่า สว.ชุดนี้ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีชุดใหม่ ถ้า กกต.ประกาศรับรองและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อไหร่ สว.ชุดนี้ก็จะพ้นจากตำแหน่ง  แต่ขณะนี้ยังทำหน้าที่อยู่ ทั้งประชุมวุฒิสภาและประชุม กมธ.ชุดต่างๆ ส่วนญัตติที่เสนอสืบเนื่องจากปัญหาการเลือก สว.ชุดนี้ที่มาตามรัฐธรรมนูญใหม่ตามบทหลัก ซึ่งนักวิชาการก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงเกิดข้อสงสัยว่าที่ประชาชนร้องเรียน และเราก็เห็นจากข้อเท็จจริง จึงอยากจะขอศึกษาโดยใช้ระยะเวลา 30 วัน ซึ่งข้อสรุปที่ได้จาก กมธ.ชุดนี้จะส่งต่อให้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมถึงส่งให้ กกต.ด้วย เพื่อใช้ในการศึกษาถอดบทเรียน ส่วนเสียงของ สว.จะทำให้ญัตติผ่านได้หรือไม่นั้นไม่ทราบ แล้วแต่ที่ประชุม

เมื่อถามว่า การที่กำหนดกรอบเวลาศึกษา 30 วัน คิดว่าการประกาศผลรับรอง สว.ของ กกต.จะล่าช้าใช่หรือไม่  นายสมชายกล่าวว่า ไม่ทราบ ถ้าวันนี้มีมติจาก กกต.ก็จะมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 9 ก.ค. แต่ถ้าวันนี้ที่ประชุมวุฒิสภามีมติตั้ง กมธ.ที่เสนอก็ถือว่าการตั้ง กมธ.ตกไป แต่ถือว่า สว.ชุดเก่าได้อภิปรายปัญหาต่างๆ  ให้ประชาชนได้ทราบแล้ว

สมชายเดือดอัดว่าที่ สว.

 “ฝากถึงท่านที่วิพากษ์วิจารณ์ ท่านอาจยังเป็นว่าที่  ท่านยังไม่ค่อยรู้ระเบียบ ท่านค่อยๆ ศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญ ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระเบียบข้อบังคับวุฒิสภาก่อนจะมาตำหนิ สว.ชุดเก่า และ สว.ชุดเก่าไม่ได้มีความประสงค์จะไปยื้อ จะไปอยากอยู่อะไร เก็บของหมดแล้ว และพร้อมส่งมอบ แต่อย่าลืมว่า สว.ชุดใหม่ต้องมีเกียรติมีศักดิ์ศรีนะ ท่านมาได้ด้วยการบล็อกโหวต ด้วยการฮั้วหรือไม่ ด้วยการจัดจ้างหรือเปล่า กกต.เขามีหน้าที่ตรวจสอบให้ถูกต้อง ผมเห็นหลายคนออกมาให้ตรวจสอบ เปิดหีบ แต่ถึงเวลาท่านกลับบอกให้เร่งรับรอง ไม่ต้องกลัวไม่ได้เป็น อย่างไรก็ได้เป็น ถ้าท่านถูก ท่านสุจริต ท่านเที่ยงธรรม แต่ถ้าไม่ถูก ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม กกต.ก็ไม่รับรอง” นายสมชายกล่าว

เมื่อถามย้ำว่า บางคนใช้คำค่อนข้างรุนแรงถามถึงมารยาท นายสมชายสวนกลับทันทีว่า “มีมารยาทอยู่แล้วครับ เพราะ สว.ชุดปัจจุบันมาถูกต้องตามกฎหมาย หลายท่านที่ออกมาพูดนั่นแหละไม่มีมารยาท เพราะท่านยังไม่ได้เป็น สว.”

นายวันชัย สอนศิริ สว. กล่าวถึงญัตติตั้ง กมธ.ว่า เวลาของ สว.ชุดเก่าที่มีอยู่แทบจะทำอะไรไม่ทันแล้ว การเสนอญัตติดังกล่าวต้องใช้เวลาศึกษาตรวจสอบ ซึ่งที่เสนอใช้เวลา 30 วัน จึงขอถามว่า 30 วันจะทำอะไรได้ทัน และถ้าว่ากันตรงไปตรงมาคือเป็นการเปิดอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต.โดยตรง แต่การจะไปศึกษาตรวจสอบ บทเรียนอะไรในชั้น กมธ. 30 วัน ถ้ามีการประกาศรับรอง สว.ใหม่ สว.ชุดเก่าก็หมดวาระแล้ว

 “ถามว่าการตั้งญัตตินี้วัตถุประสงค์คืออะไร โดยภาพรวมไม่สามารถที่แก้ปัญหาอะไรได้ นอกจากเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิติเตียนถล่ม กกต. แล้วกลับบ้านไป  เพราะไม่สามารถดำเนินการได้เป็นมรรคผลอะไรเลย เพราะกว่าจะตั้ง กมธ.ไปทำอะไรต่อมิอะไรก็จบหมดเวลา  ลิเกเลิกแล้ว” นายวันชัยกล่าว

และในเวลา 13.20 น. ในการประชุมวุฒิสภาที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม นายสมชายได้เสนอญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือก สว. โดยนายสมชายกล่าวตอนหนึ่งระหว่างเสนอญัตติว่า ยืนยันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีว่า ไม่มีเจตนาหรือประสงค์ที่จะยื้อหรืออยู่ต่อ เหมือนที่มีการกล่าวหาให้ร้ายในสังคม เพียงแต่ต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ยกเว้นมาตรา 272 เลือกนายกฯ ทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีเพื่อส่งต่อให้ สว.ชุดใหม่ เหมือนที่ นพ.อำพน จินดาวัฒนะ สว. ยกตัวอย่างไว้ว่าเราเหมือนหมอฉุกเฉิน ตราบใดที่ยังไม่มีแพทย์มาแทนต้องรักษาคนไข้  เมื่อแพทย์ชุดใหม่เข้ามา พวกเราก็ให้เขามาทำหน้าที่ได้ทันที

นายสมชายกล่าวด้วยว่า การให้ กกต.รับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลัง เห็นว่ากระทำไม่ได้เพราะตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก สว. มาตรา 42 เมื่อ กกต.ได้รับรายงานเลือกกันเองแล้วให้รอ 5 วัน เมื่อพ้นกำหนดหาก กกต. 7 คนเห็นว่าเลือกถูกต้อง สุจริต เที่ยงธรรม ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา อีกทั้งรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือก สว.ไม่ได้เขียนไว้ว่าให้รับรองก่อนแล้วค่อยสอยทีหลัง ฉะนั้น กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบสุจริตเที่ยงธรรม หากเห็นเป็นดังนั้นก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น 

ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. ลุกขึ้นอภิปรายว่า  อยากจะบอกว่าที่ สว.ใหม่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ต้องให้ กกต.รับรองและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น ดังนั้นว่าที่ สว.ใหม่ที่มาตำหนิติเตียนกรุณาหุบปากเดี๋ยวนี้  เพราะฉะนั้นหน้าที่ใคร ตนไม่ก้าวก่าย

อัด กกต.ปากกล้าขาสั่น

 ทำให้นายพรเพชรกล่าวว่า ไม่ใช่ประเด็นที่จะมาพูดกัน แต่นายกิตติศักดิ์ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ตนไม่พูดไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร คนที่ออกมาตำหนิกรุณาหุบปาก นั่งลงพับเพียบเรียบร้อยเสีย เมื่อใดที่ กกต.ประกาศรับรอง เราเตรียมตัวกลับบ้าน ข้าวของในห้องเก็บเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นทุกคนมีศักดิ์ศรี ตนไม่ได้ว่าว่าที่ สว. 200 คน เราให้เกียรติท่าน แต่ในวันนี้เราปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง พวกเราไม่ได้ยึดติด ไม่อยากที่จะอยู่โดยที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่

 “หากเอากันตรงๆ กกต.กล้าๆ หน่อย อย่าปากกล้าขาสั่น ผมกลัวอย่างเดียวว่า กกต.ไม่รับรอง แล้วเราต้องปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ต่อไป นี่เป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ หากเรายังรับเบี้ยเลี้ยงรับเงินเดือนอยู่แล้วไม่ปฏิบัติหน้าที่ ตรงนี้ ผมคิดว่าเอาเปรียบงบประมาณแผ่นดิน” นายกิตติศักดิ์กล่าวและว่า สว.ใหม่นั้นเรายินดี ขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาจะเจริญรุ่งเรือง แต่หากเข้ามาแล้วปฏิบัติหน้าที่ไม่ตรงไปตรงมา บอกไว้เพียงอย่างเดียวว่าอาจจะมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใหม่

ต่อมานายออน กาจกระโทก สว. อภิปรายว่า มีเรื่องร้องเรียนของผู้สมัคร สว.ที่เอ่ยชื่อได้ เพราะเขาพร้อมเป็นพยาน คือ นายสงบ จินะแปง บอกว่าในการเลือกวันที่ 26  มิ.ย. เวลา 05.00 น. มีรถบัสและรถตู้มาส่งบุคคลที่จะเลือกระดับประเทศที่เมืองทองธานี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฮั้ว  รวมถึงมีข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ กกต.และผู้สมัคร ที่สนทนากับผู้สมัครคนอื่นในวันเลือกระดับประเทศ พร้อมกับเสนอเงินให้ 50,000 บาทเพื่อให้เลือกตนเอง ซึ่งพร้อมนำรายละเอียดมอบให้ กมธ.ที่ตั้งขึ้นให้ตรวจสอบ

ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. อภิปรายว่า  ประเด็นการตรวจสอบตามคำร้องเป็นหน้าที่ของ กกต. ไม่ใช่ สว. เพราะตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือก สว.นั้นให้อำนาจไว้ในมาตรา 62 มาตรา 63 ให้อำนาจ กกต.ประกาศรับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลังได้ ดังนั้นจะบังคับให้ กกต. เห็นด้วยกับท่านไม่ได้ มีร้อง 600 เรื่อง มีพยานเยอะ แต่เป็นพยานปั้น พยานกลั่นแกล้ง ไม่อาจมีใครรู้ได้ ต้องตรวจสอบ ซึ่ง สว.ที่ได้รับเรื่องร้องต้องส่งให้ กกต. ไม่ใช่ทำตัวเป็น กกต.แล้วไปวินิจฉัยแทน

 “ไม่เอากลุ่มสีน้ำเงิน จะเอากลุ่มสีส้มหรือ หรือสีแดง  หากจะเอากลุ่มที่พอใจ ไม่มีทางจบได้ ทั้งนี้การเลือกไม่ว่าได้ผลเป็นอย่างไรต้องยอมรับ ทั้งนี้ผมไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.เพราะก้าวก่ายแทรกแซงองค์กรอิสระ” นายเสรี กล่าว

นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สว. อภิปรายว่า มีข้อเสนอแนะอยากให้ กกต.ไปพิจารณา คืออาจให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้งหมด แล้วจัดให้เลือกใหม่ทั้งในระดับอำเภอ  จังหวัด ระดับชาติ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดรับผู้สมัครเพิ่ม ให้ใช้ผู้สมัครชุดเดิม แล้วตรวจสอบคุณสมบัติใหม่เพื่อคัดเลือกใหม่ ได้ผลประการใดก็เร่งประกาศรับรองโดยไม่ชักช้า แนวทางนี้อาจเป็นข้อเสนอสุดโต่ง เพราะต้องใช้งบประมาณอีก 1,500 ล้านบาท ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1-2 เดือน แต่ถือเป็นการลงทุนในกระบวนการเรียนรู้ฝึกฝน และพัฒนาประชาธิปไตยสำหรับพลเมือง ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและได้ สว.ที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้น

หลังสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้น ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ. 101 เสียง ไม่เห็นด้วย 10 เสียง งดออกเสียง 17 เสียง ตั้ง กมธ.วิสามัญฯ จำนวน 21 คน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี

"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ  สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล