ไม่เกินคาด สภาสูงยุคสีน้ำเงินลงมติเห็นชอบงบกู้เพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาทฉลุย 139 เสียงต่อ 38 เสียง หลังวิจารณ์พอเป็นกระสาย อัดขั้นตอนยุ่งยาก เอื้อนายทุนใหญ่ "จุลพันธ์" ถามช้างตอบม้า บอกไม่ต้องกลัววิกฤตเพราะมีงบฉุกเฉิน และยังกู้ได้อีก 3% ไร้ปัญหาแน่ พร้อมโทษข้อท้วงติงทำให้แจกเงินหมื่นไม่ตรงปก
เมื่อวันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมวุฒิสภามีระเบียบวาระการประชุมครั้งที่ 3 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ.....วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยวุฒิสภาต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 20 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 20 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ เมื่อเปิดการประชุม ที่ประชุมได้มีมติให้ยกเว้นข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ไม่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ แต่ตั้งคณะ กมธ.เต็มสภา เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว 3 วาระรวด
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผลของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการดำรงชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจควบคู่กับการรักษาระดับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศผ่านโครงการเติมเงินหนึ่งหมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต อันเป็นกรณีที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ได้ จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 1.22 แสนล้านบาท
“ฐานะการคลัง มีหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 จำนวน 11.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 63.78% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่กำหนดไว้ต้องไม่เกิน 70% โดยปัจจุบันฐานะเงินคงคลัง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 มีจำนวน 3.9 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลจะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และบริหารรายรับและรายจ่ายของรัฐให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด” นายกฯ ระบุ
ทันทีที่นายกฯ แถลงหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว ได้เดินทางออกจากรัฐสภาไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อทันที
จากนั้นเวลา 10.10 น. พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อภิปรายว่า นายกฯ บอกว่าจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ แต่ปรากฏว่ามีเงินกู้มา 1.1 แสนล้านบาท นี่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือโครงการเพิ่มหนี้ให้ประชาชนทุกคน การบอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจนั้นกระตุ้นใครกระตุ้นที่ไหน ที่ จ.สุรินทร์ทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง บ่นว่าจะให้เงินดิจิทัลอย่างไร จึงสงสัยว่ากระตุ้นนายทุนใหญ่หรือไม่ โครงการนี้ทำเพื่อกระตุ้นจริงหรือไม่หรือเป็นการหาเสียงล่วงหน้า
“ท่านอย่าหลงใหลได้ปลื้มกับคนลงทะเบียนกว่า 24 ล้านคน ไม่ทราบว่า 24 ล้านคนนี้จะได้สิทธิ์หมดทุกคนหรือไม่ และมีหลายคนที่ไม่กล้าไปลง กลัวมาหลอกให้ดีใจเล่น พอถึงเวลาก็ไม่ให้ โดยอ้างโน้นอ้างนี้ และยังมีคุณยายที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ให้หลานไปซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ลงทะเบียนได้ ราคา 4 พันบาท ซึ่งเงินหมื่นบาทหายไปแล้ว 4 พันบาท อย่างนี้กระตุ้นตรงไหน โทรศัพท์ก็ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย และคนที่มีโทรศัพท์รุ่นเก่าก็ไม่มีความพร้อมการลงทะเบียน กลายเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีความพร้อมมาก ประชาชนจึงสงสัยว่า โครงการนี้กระตุ้นใครกันแน่” พล.ต.ท.บุญจันทร์กล่าว
พล.ต.ท.บุญจันทร์กล่าวต่อว่า ชาวบ้านบอกว่าตอนหาเสียงบอกจะได้เงินหมื่น ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีขั้นตอนเยอะขนาดนี้ หลายคนบอกว่าไม่เอาแล้ว ทำไมไม่จ่ายเงินสดให้พี่น้องประชาชนเลย เพราะประชาชนในพื้นที่เคยคุ้นชินกับโครงการคนละครึ่ง ดังนั้นขอเรียนว่าประชาชนอยากได้เงินสด และขอลดเงื่อนไขและกระบวนการลงเพื่อให้ง่ายขึ้น
ต่อมา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ชี้แจงว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เรามีความพร้อมในการลงทะเบียนร้านค้า แต่ยังได้ประกาศ ส่วนที่สงสัยว่าเอื้อประโยชน์ต่อเจ้าสัวหรือไม่นั้น ยืนยันว่ามีกลไกที่สร้างมา ป้องกันไม่ได้เงินไหลไปรวมศูนย์หรือกระจุกตัวในร้านค้าขนาดใหญ่ ส่วนข้อสงสัยว่าร้านค้าที่จะเข้าโครงการนั้นต้องอยู่ในร้านค้าที่ลงทะเบียนระบบภาษีหรือไม่ ขอชี้แจงว่าร้านหาบเร่ แผงลอยลงทะเบียนได้ เพียงแต่ไม่สามารถขึ้นเงินสดได้เท่านั้น แต่ยังสามารถนำเงินดิจิทัลไปหมุนเวียนในระบบซื้อสินค้าและปัจจัยการผลิตได้
นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า จำนวนร้านค้าแม้ยังไม่ได้เปิดลงทะเบียน แต่จากการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าว่าจะมีร้านค้าเข้า 5 หมื่นร้านค้า ปัจจุบันแสดงเจตจำนงแล้ว 1 แสนร้านค้า และมีร้านเล็กเกือบ 5 แสนราย วันนี้ร้านธงฟ้าตั้งเป้า 1 แสนราย เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว 2 วัน ได้ยอดตอนนี้ 2 หมื่นร้าน ส่วนร้านหาบเร่ แผงลอย เราจะใช้กลไกหน่วยงานรัฐทั้งกระทรวงสาธารณสุขและกรมการปกครองท้องถิ่นดึงเข้าระบบ
“ด้วยโครงสร้างของประเทศไทย ที่เราเดินหน้ามาถึงจุดนี้ไม่มีจุดอ่อน เราสามารถเดินหน้าประเทศไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ เราเคยผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง ทั้งปี 2540 ปี 2559 กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน รัฐบาลสามารถใช้งบกลางกรณีฉุกเฉินจำเป็น นอกจากนี้ยังมี พ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะยังกู้เงินได้อีก 3% แต่รัฐบาลเดินหน้าได้อย่างระมัดระวัง เราไม่ได้อยู่ในจุดสุ่มเสี่ยงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขหนี้สาธารณะ ตัวเลขการลงทุน” นายจุลพันธ์กล่าว
นายจุลพันธ์ชี้แจงด้วยว่า ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และหวังผลการเมือง ว่าไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเพราะผ่านมาเป็นปี แต่ที่ต้องทำเพราะเป็นสัญญาประชาคม ที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อที่ประชุมรัฐสภา เป็นนโยบายเร่งด่วนต้องเดินหน้า แต่ที่ตั้งข้อสังเกตว่าไม่ตรงปกนั้น ยอมรับว่าโครงการมีการเปลี่ยนแปลงจริง จากข้อท้วงติงจากหน่วยงานรัฐ และความห่วงของสังคม เราเป็นรัฐบาลของประชาชนจำเป็นต้องรับฟัง
ในเวลา 12.30 น. นางแดง กองบุญมา สว.กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่น อภิปรายว่า มาจาก จ.อำนาจเจริญ เป็นแม่ค้าขายหมู ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มคนรากหญ้า ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ใช่รากหญ้า แต่เป็นรากไม้รากหนึ่งที่ค้ำให้ต้นไม้ ที่ชื่อว่าประเทศไทยให้สง่างาม กรณีที่รัฐบาลแจกเงินให้ประชาชนคนละหมื่นบาท ยินดีและดีใจเป็นอย่างมากเพื่อใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็น แต่พอเป็นเงินดิจิทัลก็กังวลว่าจะใช้จ่ายอย่างไร และคิดหนัก บางครอบครัวมีสมาชิก 4-5 คน รวมเป็นเงิน 40,000-50,000 น. อยากเอาไปซ่อมบ้าน หรือซื้อวัวซื้อควายเลี้ยง แต่ทำไม่ได้
“ทำไมรัฐบาลไม่แจกเป็นเงิน แบบนี้ เพื่อใช้ได้ง่ายสำหรับพวกเรา ดิฉันเห็นด้วยกับการแจกเงินให้คนไทย แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่จะแจกเป็นเงินดิจิทัล ไหนๆ รัฐบาลจะแจกเงินให้คนไทยแล้ว ทำไมไม่ทำให้ประชาชนมีความสุข เหมือนเพิ่มทุกข์ให้ประชาชน” นางแดงอภิปราย
ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย นางแดงได้ชูธนบัตรใบละ 1,000 บาท 1 ใบ ในมือขวา และ 100 บาท จำนวน 2 ใบในมือซ้าย รวมเป็นเงิน 1,200 บาทประกอบการอภิปรายด้วย
ทั้งนี้ ระหว่างนางแดงอภิปราย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วย พอได้ฟังนางแดงอภิปรายถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หยิบกระดาษขึ้นมาซับน้ำตาตลอดเวลา พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปที่นางแดงอภิปรายด้วย โดยนายมงคลเผยว่า ยอมรับว่าน้ำตาไหล และรู้สึกตื้นตันใจที่ได้ชาวบ้านมาทำหน้าที่วุฒิสภา และมาพูดแทนชาวบ้าน อายุ 72 ปีไม่เคยมีชาวบ้านมานั่งในสภา และมาพูดแทนเขา
ต่อมา สว.กลุ่มต่างๆ ผลัดกันขึ้นอภิปรายอย่างต่อเนื่อง และในเวลา 16.30 น. ที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยคะแนน 139 ไม่เห็นด้วย 38 งดออกเสียง 18 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ซึ่งถือว่าที่ประชุมให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว 3 วาระรวด
ด้านนายจุลพันธ์กล่าวขอบคุณ และขอน้อมรับความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาทุกคน เพื่อนำปประกอบการปรับปรุงและพิจารณาให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้งบประมาณครั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะนำงบประมาณไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ใช้งบอย่างโปร่งใส ให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ นายมงคลได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 16.35 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พปชร.ขับก๊วนธรรมนัส ตัดจบที่ดิน‘หวานใจลุง’
"บิ๊กป้อม" ไฟเขียว พปชร.มีมติขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัสพ้นพรรค "ไพบูลย์" เผยเหตุอุดมการณ์ไม่ตรงกัน
พ่อนายกฯเคลียร์MOUสยบม็อบ
อิ๊งค์พร้อม! จัดชุดใหญ่แถลงผลงานรัฐบาล ลั่นรอจังหวะไปตอบกระทู้
รบ.อิ๊งค์ไม่มีปฏิวัติ! ทักษิณชิ่งสั่งยึดกองทัพ เหน็บอนุทินชิงหล่อเกิน
"ทักษิณ" โบ้ยไม่รู้ "หัวเขียง" ชงแก้ร่าง กม.จัดระเบียบกลาโหม
ศาลรับคำร้อง ให้สว.สมชาย หยุดทำหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “สมชาย เล่งหลัก” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.
คิกออฟแพ็กเกจแก้หนี้ ลุ้นบอร์ดขึ้นค่าแรง400
นายกฯ เผยข่าวดี ครม.คลอดชุดใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน "คลัง-แบงก์ชาติ"
เร่งตั้ง‘สสร.’ให้ทันปี70
รัฐสภาจัดงานวันรัฐธรรมนูญคึกคัก แต่พรรคประชาชนเมินเข้าร่วม