คงจีดีพี3-4.5% โอมิครอนไม่แรง ไตรมาส2ศก.โต

กกร.คงจีดีพีปี 65 โต  3-4.5% มั่นใจเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น จับตาไตรมาส 2 กลับมาขยายตัวจากวัคซีนที่ครอบคลุม ชงคลังยืดลดภาษีที่ดิน 90%ต่ออีก 2 ปี แบ่งเบาภาระประชาชน

เมื่อวันที่ 12  มกราคม นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กกร. ประจำเดือน ม.ค.2565 ว่า กกร.คงประมาณการเศรษฐกิจปี 2565 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.0-4.5% การส่งออกกรอบ 3.0-5.0% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกรอบ 1.2-2.0% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ หากบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ไม่มีการล็อกดาวน์ และรัฐเร่งแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและการปรับตัวของราคาสินค้าภายในประเทศอย่างรวดเร็ว

"สายพันธุ์โอมิครอนอาจกระทบเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ประเมินต่างชาติจะเดินทางเข้าประเทศได้ช่วงปลายไตรมาสแรก และคาดว่าไตรมาสสองเป็นต้นไปเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ภายใต้การกระตุ้นวัคซีนที่ครอบคลุม" นายสนั่นระบุ

นายสนั่นกล่าวว่า กกร.ยังหารือความคืบหน้าการปฏิรูปกฎหมายทั้งระบบของไทย เพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจประเทศ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบันคืบหน้า 38.76% หลังจากนี้อยากเสนอรัฐบาลแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เหลือโดยเร็ว อาทิ ปรับปรุงกฎหมายกำกับเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัป ปรับปรุงหลักการกำกับดูแลการค้าของเก่าและการนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่

รวมทั้ง กกร.จะเสนอกระทรวงการคลังขอขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90% ออกไปอีก 2 ปี โดยขอพิจารณาออกพระราชกำหนดลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภทเพิ่มเติมอีกหนึ่งฉบับ เพื่อลดอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินลงอีก 90% ตามมาตรา 55 เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนและผู้ประกอบการทั่วประเทศ และยังหารือถึงการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ควรมีกลไกหรือนโยบายสนับสนุนการสร้างรายได้ควบคู่กับมาตรการช่วยเหลือด้านอื่นๆ

ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ปัญหาค่าครองชีพ ราคาสินค้าพุ่งสูง เป็นปัจจัยกระตุ้นปัญหาหนี้ครัวเรือน อยากให้แก้ไขเรื่องหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบ เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเพราะเรียนรู้จากช่วงที่ผ่านมา มีการเร่งฉีดวัคซีน การส่งออกและบริโภคจะเป็นตัวขับเคลื่อน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากปัญหาการระบาดของโอมิครอน อยากให้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายเอกชนในการซื้อชุดตรวจโควิด ATK เพื่อช่วยแรงงานในระบบได้รับการตรวจมากขึ้น ขณะเดียวกันอยากให้รัฐออกเกณฑ์คุมโควิดในแต่ละจังหวัดให้เท่าเทียม ไม่เกิดความสับสน สร้างความรู้ให้ประชาชน  โดยเฉพาะอาการของโอมิครอนไม่รุนแรง แต่ต้องได้รับวัคซีนที่มากพอ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเมินสถานการณ์โควิดไทยหลังพ้นเทศกาลปีใหม่ พบว่า ไม่รุนแรง ยอดติดเชื้อประมาณ 8,000 ราย ขณะที่เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ 2 ส่วนหลัก คือ โครงการช้อปดีมีคืน น่าจะสร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ 3-4 หมื่นล้านบาท คนละครึ่งเฟส 4 คาดว่าจะใช้งบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ประชาชนออก 4.5 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดจะสร้างเม็ดเงินเศรษฐกิจรวม 1.2-1.3 แสนล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

สำหรับกรณีหมูราคาแพงเพราะขาดแคลน 5 ล้านตัวจากปัญหาต่างๆ ตลอดจนโควิด-19 เชื่อว่าสถานการณ์ราคาจะปกติ และหมูแพงเพียงในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า ส่วนโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ) ที่พบแล้วในไทยเชื่อว่าจะมีการแก้ปัญหาต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง