ผวาคดี ‘ลูกยังเล็ก’ ‘นายกฯอิ๊งค์’ วอนนักร้องอย่าจองกฐินยันก้าวข้าม ‘ทักษิณ’

"นายกฯ อิ๊งค์" นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.นัดพิเศษ ขอทุกคนน้อมนำพระบรมราโชวาทเป็นแนวทางการทำงานอย่างมุ่งมั่น ทำงานแข่งกับเวลาทุกวินาที เข้าถึงพี่น้องคนไทยอย่างเท่าเทียม ขอร้อง "นักร้อง" อย่าฟ้องเยอะ ไม่อยากมีคดี ลูกยังเล็กอยู่เลยนะคะ ขอก้าวข้าม "ทักษิณ" ต้องเดินไปข้างหน้า

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 กันยายน 2567  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยรถเบนซ์ Vito Tourer สีบรอนซ์ เลขทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร  โดยมีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี มาให้กำลังใจด้วย  ทั้งนี้ บรรยากาศทำเนียบฯ เป็นไปอย่างคึกคัก  บรรดารัฐมนตรีได้ทยอยเดินทางมาถึงและรวมตัวกันที่ตึกสันติไมตรี เพื่อมารอถ่ายภาพหมู่ร่วมกันที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมเก้าอี้ไว้ ท่ามกลางสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจติดตามทำข่าวเป็นจำนวนมาก

จากนั้นเวลา 09.15 น. น.ส.แพทองธารนำคณะรัฐมนตรีเดินจากตึกสันติไมตรีมาถ่ายภาพหมู่ร่วมกันที่บริเวณด้านหน้าสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งนี้ ภายหลังถ่ายภาพหมู่เสร็จสิ้น นายกฯ ได้ทักทายสื่อมวลชน โดยช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ชี้นิ้วไปที่ตัวเองและพูดแซวตัวเองว่า “น้องใหม่” ก่อนที่นายกฯ พร้อมด้วยรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะเดินมายังตึกบัญชาการ 1 เพื่อประชุม ครม.นัดพิเศษ ในเวลา 10.00 น. ซึ่งนายกฯ และ ครม.เปลี่ยนจากชุดปกติขาวเป็นเสื้อผ้าไทยสีเหลือง

ต่อมาที่ห้องประชุมชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธารเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดการประชุมก่อนเข้าสู่วาระว่า วันนี้ยังไม่มีข้อสั่งการ แต่มีเรื่องจะขอฝาก ครม. 4 เรื่อง แต่ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคณะรัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และขอให้ทุกคนได้น้อมนำพระบรมราโชวาทที่พระราชทานให้พวกเรา ซึ่งถือเป็นกำลังใจอย่างมาก และเป็นแนวทางในการทำงานอย่างมุ่งมั่นต่อไป

นส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องที่สอง ขอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เตรียมการแต่งตั้งข้าราชการระดับปลัดแทนตำแหน่งที่เกษียณและอยู่ในตำแหน่งครบอายุ 4 ปี เพื่อเสนอ ครม.หลังการแถลงนโยบาย, เรื่องที่สาม สำหรับการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ขอให้รัฐมนตรีทุกคนเตรียมชี้แจงตอบคำถามในประเด็นนโยบายที่เกี่ยวข้อง  รวมทั้งช่วยกันสื่อสารและขยายผลนโยบายในส่วนที่ตนเองเกี่ยวข้อง เพื่อให้ราชการและประชาชนเข้าใจนโยบายของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น

เรื่องที่สี่ ขอให้ช่วยกันดำเนินการต่อเนื่องจากงานของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี  โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว การดูแลสินค้าเกษตร การดูแลกลุ่มเปราะบาง การแก้ปัญหาน้ำท่วม และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การเร่งรัดการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของภาครัฐ

จากนั้น น.ส.แพทองธารแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสแก่ตนและคณะรัฐมนตรี เนื่องในวโรกาสเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี   พระองค์มีพระราชกระแสรับสั่งว่า "ขอให้พรด้วยความยินดี ให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ถวายสัตย์ไปแล้ว  เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน นับเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิตของตนเองและคณะรัฐมนตรี เราจะพร้อมน้อมนำพระราชดำรัสมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ"

ทำงานแข่งกับเวลาทุกวินาที

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนและคณะรัฐมนตรีทุกคนพร้อมที่จะทำงานเพื่อประเทศอย่างเต็มที่  เราจะทำงานแข่งกับเวลาทุกชั่วโมง ทุกวินาที ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราคือผู้แทนของประชาชนที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากทั่วพื้นที่ของคนทั้งประเทศ เรามาจากหลากหลายพรรคการเมือง  แต่เราจะใช้ความหลากหลายนี้ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน เราจะใช้ความหลากหลายให้เป็นจุดแข็งให้รู้ปัญหาที่แท้จริงของพี่น้องประชาชน และสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดและทันเวลา

“ดิฉันมั่นใจว่าจะสามารถประสานพลังของทุกๆ คนให้มีพลังที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ และแน่นอนว่าดิฉันและคณะรัฐมนตรีจะทำงานอย่างหนัก เพื่อสร้างโอกาสให้พี่น้องคนไทยทุกคน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โอกาสคือสิ่งที่เราสามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ คณะรัฐมนตรียืนยันว่าเราจะทำสิ่งนี้ให้เข้าถึงพี่น้องคนไทยอย่างเท่าเทียม วันนี้ตนเอง คณะรัฐมนตรี และข้าราชการทุกภาคส่วน พร้อมแล้วที่จะทำงานอย่างแน่วแน่มั่นคง เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของพี่น้องประชาชน และในวันนี้ก็พร้อมที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนว่าพวกเราพร้อมจะทำงานเป็นทีม และสร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้กับประชาชนทุกคน เราจะไม่เริ่มพรุ่งนี้ แต่เราจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แถลงสรุปการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษว่า ในที่ประชุมได้แจ้งให้รัฐมนตรีทุกคนให้เตรียมชี้แจงตอบคำถามการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งช่วยกันสื่อสารและขยายผลนโยบายในส่วนที่ตนเองเกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้าราชการและประชาชนเข้าใจในนโยบายของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น และส่วนใหญ่นโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาก็ต่อเนื่องจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ  และได้มีการรับฟังความเห็นจากพรรคการเมืองทุกพรรค เพื่อนำมาปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกวันนี้ปัญหาของประเทศเป็นปัญหาเรื้อรังและท้าทาย เรานำปัญหามาเปลี่ยนเป็นนโยบายเร่งด่วน และนโยบายระยะกลาง ระยะยาว สำหรับนโยบายเร่งด่วน เช่น ปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยเหลือ SME กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ส่วนนโยบายระยะกลางและระยะยาว ก็จะต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม การเสริมสร้างด้านการสร้างสรรค์ และ soft power โครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม aviation hub ระบบสาธารณูปโภค และการพัฒนาคน ส่วนรายละเอียดขอให้รอฟังในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้

ไม่อยากมีคดีลูกยังเล็ก

ถามว่า ไม่ได้กังวลกับคิวกฐินที่รออยู่ข้างหน้าอย่างมากมายใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารย้อนถามว่า คิวกฐินเลยเหรอ อันนี้คำเปรียบเทียบใช่ไหมคะ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หมายถึงมีนักร้องที่จะร้องในหลายๆ คดีตามมา น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “แค่สื่อมวลชนถามก็สงสารแล้วเนาะ ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีคดีนะคะ พอมาถึงจุดนี้มีคดีก็จะพยายามรับมือให้ได้ดีที่สุด และจริงๆ ไม่อยากมีคดี ลูกยังเล็กอยู่เลยนะคะ”

เมื่อถามว่า เมื่อก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรี  นามสกุลชินวัตร นายกฯ ปฏิเสธไม่ได้ด้วยความเป็นพ่อลูกกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ   ทำให้มองว่าระบอบทักษิณกลับมาอีกแล้ว และมีการปรามาสว่ายังไงนายกฯ หนีไม่พ้นเงานายทักษิณ ตรงนี้จะให้ความมั่นใจหรือความเชื่อมั่นว่าจะลบคำปรามาสตรงนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า จะไม่ขอตอบเรื่องท่านทักษิณแล้ว เพราะว่าเราต้องเดินไปข้างหน้า วิสัยทัศน์ที่ดีไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม อายุเท่าไหร่ ก็ตามวิสัยทัศน์ที่ดี คือสิ่งที่ดี ฉะนั้นขอตอบแค่นี้

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ  ได้มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เสนอแต่งตั้งนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า จะมีการประชุม ครม.นัดแรกอย่างเป็นทางการวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งการประชุมวันดังกล่าว นอกจากจะมีวาระสำคัญแต่งตั้งข้าราชการการเมืองแล้ว จะมีการพิจารณาการแบ่งงานให้รองนายกฯ ทั้ง 6 คน โดยเบื้องต้นในส่วนของรองนายกฯ จากพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะยังคงเหมือนเดิม จะมีการสลับสับเปลี่ยนเฉพาะรองนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย (พท.)

เบื้องต้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะรับผิดชอบดูแลงานความมั่นคง ทหารและตำรวจ อย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ ขณะที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นายกฯ จะกำกับดูแล ซึ่งนายกฯ จะเป็นประธานโดยตำแหน่ง ขณะที่คณะกรรมการนโยบายตํารวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) นายกฯ จะมอบหมายให้นายภูมิธรรมกำกับดูแล

ขณะที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ซึ่งจะกำกับดูแลอย่างกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น แล้วยังจะได้รับมอบหมายกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้นายภูมิธรรมกำกับดูแล

ส่วนของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ยังคงกำกับดูแลเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่ แต่อาจจะมีการแบ่งหน่วยงานให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำกับดูแล นอกเหนือจากนายประเสริฐกำกับดูแลงานเดิมของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ขณะเดียวกัน ส่วนของกระทรวงทรัพยากรฯ ยังไม่ชัดเจนใครกำกับดูแล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แถลงผลงาน3เดือน‘รัฐบาลอิ๊งค์’ โชว์อนาคตประเทศ รอดหรือร่วง?

ได้เวลาตีปี๊บผลงานรัฐบาล 90 วันของ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันนี้ 12 ธันวาคม 2567 ในหัวข้อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” (2025 Empowering Thais : A Real Possibility) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชม