เมินเสียงขู่ปลุกม็อบ เชื่อคนไม่เอาด้วยจุดติดยาก/มาดามแพโต้โซเชียลลดอคติ

"เพื่อไทย" เมิน "สนธิ-จตุพร" เตรียมปลุกม็อบไล่รัฐบาล เชื่อจุดติดยาก ปชช.ไม่เอาด้วย  ยันไม่กังวลพร้อมพูดคุยด้วยเหตุผล ซัดพูดไปเรื่อย นโยบายชาติสร้างแต่วาทกรรมทำลายประเทศ "ชัยธวัช" มองม็อบปลุกขึ้นหรือไม่อยู่ที่ความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาล "อุ๊งอิ๊งค์" โต้กลับชาวเน็ตรู้ไม่จริง แนะเปิดใจกว้างๆ ลดอคติลงจะมีความสุข   หลังโดนแซะใช้สมองบ้าง ก้มหน้าอ่านไอแพดขายขี้หน้า ปท. “จิรายุ” แจงผู้นำโลกต้องอ่านทุกตัวอักษร  เหตุเป็นข้อตกลงสำคัญ "พิชัย" อวยนายกฯ โดดเด่นเป็นที่ชื่นชมในเวทีโลก เผยนั่งข้างหลังนายกฯ  เห็นผู้นำทุกชาติอ่านทุกคน "เรืองไกร" ร้องอีกตรวจแพทองธาร ถือหุ้นบริษัทเกิน 5% หลุดตำแหน่งนายกฯ

เมื่อวันอาทิตย์ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และอดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศจะชุมนุม เดินครั้งสุดท้ายในชีวิต ลงถนนไล่รัฐบาลในช่วงต้นปีหน้าว่า เรื่องนี้คงไม่ต้องเตรียมรับมืออะไร  เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้าใจ อย่างน้อยเรื่องการแสดงออกทางการเมืองรัฐบาลไม่เคยปิดกั้น ตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยในการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงยุคของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คงจะไม่ต้องเตรียมการอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติ แต่จะเรียกร้องอะไรก็สามารถยื่นเป็นหนังสือมาได้ ซึ่งต้องพูดคุยกันด้วยเหตุและผลว่าต้องการอะไรบ้าง  และรัฐบาลสามารถทำอะไรได้บ้าง ยืนยันไม่ได้วิตกกังวลอะไร

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯ ระบุพร้อมเปิดโอกาสให้เข้ามาพูดคุยกัน ด้านนายสนธิได้ประสานมายังรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการประสานงาน ขอให้ดำเนินการก่อน หากนายสนธิประสานมาตนและรัฐบาลก็ยินดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพูดคุย ซึ่งนายกฯ อาจจะมอบหมายให้รองนายกฯ หรือบุคคลอื่นภายในรัฐบาลเป็นผู้ประสานงานก็ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่ารัฐบาลก็พร้อมจะรับฟังอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์  วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ระบุนโยบายของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้เป็นนโยบายขายชาติ นายสมคิดย้อนถามกลับว่า "มันจะขายตรงไหน นายจตุพรก็พูดไปเรื่อย ไม่มีใครขายชาติหรอก มีแต่เรื่องใครทำผิด กับทำถูก ถ้าทำผิดก็บอกมาว่าทำผิดเรื่องอะไร ไม่มีทางที่จะผิดไปทุกเรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่รัฐบาลทำตามความต้องการประชาชนส่วนมาก ทำให้คน 67 ล้านคนได้ดั่งใจคงไม่ได้ แต่ว่าต้องยอมรับเหตุและผลของกัน ไม่ใช่มาต่อว่าว่าขายชาติ มันเป็นคำพูดที่เป็นวาทกรรมที่ไม่ได้สร้างสรรค์อะไร"

ส่วนที่นายจตุพรระบุนโยบายการเช่าที่ดิน 99 ปี ซึ่งเลยชั่วอายุคน อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและมองเป็นการขายชาตินั้น นายสมคิดกล่าวว่า ก็ยังไม่มี ยังไม่ได้เริ่มเป็นแนวคิด ทุกอย่างเป็นแนวคิด ซึ่งวิธีการอะไรที่จะหารายได้เข้าสู่ประเทศรัฐบาลก็พยายามจะทำ แต่เรื่องที่จะขายชาติขายแผ่นดินไม่มี รัฐบาลไหนก็ไม่ทำ

เมื่อถามว่า การออกมาสร้างกระแสการชุมนุม จะเกิดเป็นไฟไหม้ฟางหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ประชาชนก็ต้องตื่นรู้ด้วย คนที่ออกมาเคลื่อนไหวบางคนก็พูดเอาแต่ได้ ไม่พูดข้อเท็จจริง ซึ่งหากพูดข้อเท็จจริงปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น ทุกคนสามารถเห็นต่างได้ แต่อย่าสร้างวาทกรรมที่ทำลายประเทศ

เมื่อถามถึงความนิยมของ น.ส.แพทองธาร อาจจะมาจากบารมีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายสมคิดระบุว่า กระแสความนิยมอยู่ที่ประชาชน ซึ่งในฐานะรัฐบาล หากประชาชนนิยมก็ต้องขอขอบคุณ แต่หากไม่นิยมก็จะต้องทำให้นิยม เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งคนจำนวนมากจะทำให้เห็นไปในทิศทางเดียวกันคงเป็นไปไม่ได้ กระแสนิยมก็เป็นเรื่องปกติ วันนี้นิยม พรุ่งนี้อาจจะไม่นิยมแล้ว อยู่ที่ผลงานของรัฐบาลเป็นหลัก

นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายจตุพร พรหมพันธุ์ จุดกระแสการชุมนุมขับไล่รัฐบาลว่า ไม่วิตก เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยที่ย่อมมีความเห็นแตกต่าง แต่รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงานแค่เดือนเดียว ต้องถามประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ที่จะมาชุมนุมขับไล่ ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนอยู่ ถ้ามาขับไล่ ต้องถามว่าประชาชนจะยอมรับหรือไม่ ความคิดนายสนธิและนายจตุพรสุดโต่งเกินไป ดูแล้วคงจุดติดยาก เชื่อว่าประชาชนไม่ยอมรับถ้าจะมาชุมนุมไล่รัฐบาลในเวลานี้

ขึ้นอยู่กับความชอบธรรม

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพพื้นฐานที่ประชาชนไม่ว่าจะมีจุดยืนหรือมีความคิดทางการเมืองแบบไหน ก็สามารถแสดงออกทางการเมืองได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ การแสดงออกทางการเมืองไม่ควรที่จะไปละเมิดหลักการสำคัญพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมนั้นประชาชนคนไทยก็มีสิทธิอยู่แล้ว

“สำหรับรัฐบาล ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการแสดงออกทางการเมือง การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ  จะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความชอบธรรมของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลมีความชอบธรรมทางการเมืองดี ก็ย่อมได้รับการโอบรับ สนับสนุนจากสังคม เป็นเรื่องปกติ ถ้ารัฐบาลขาดความชอบธรรมทางการเมือง ก็จะทำให้การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลได้ ก็รอดู ผมเองยังไม่แน่ใจว่าการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นของคุณสนธิหรือคุณจตุพร จะได้รับการสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน” นายชัยธวัชกล่าว

นายชัยธวัชกล่าวถึงภาพรวมการทำงานของรัฐบาลในตอนนี้ว่า ต้องแสดงความเห็นใจรัฐบาลก่อน เพราะรัฐบาลใหม่ นายกฯ คนใหม่ มีปัญหาเยอะที่ประชาชนคาดหวัง และรอคอยการแก้ปัญหา คงต้องให้โอกาส น.ส.แพทองธารในการพิสูจน์การทำงานสักพักหนึ่ง

เมื่อถามว่า กระแสรัฐบาลกำลังขึ้น ขณะที่พรรคประชาชน (ปชน.) กระแสตกลง นายชัยธวัชกล่าวว่า ต้องให้เวลา หลังจากพรรคก้าวไกลถูกยุบ เราสูญเสียบุคลากร ดังนั้นพรรค ปชน.ต้องใช้เวลาในการจัดระบบบุคลากร ระบบการทำงานกันอีกสักพัก ซึ่งยังมีเวลาอยู่ ที่จะมีการปรับปรุงอย่างไร

มีรายงานว่า ภายหลังเมื่อวันที่ 6 ส.ค. พรรคกล้าธรรม (กธ.) เปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการ  ปัจจุบันมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค และมีนายสัจจวิทย์ ลีลาวณิชย์ เป็นเลขาธิการพรรค โดยยังไม่มี สส.ของพรรค ล่าสุดจะมี 2 สส.พรรคเล็กเตรียมย้ายมาสังกัดพรรค กธ. คือ นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังสังคมใหม่ และนายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคใหม่ ทั้งนี้ หลังพรรค กธ.มี สส.ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว  ทางสภาจะนำป้ายพรรค กธ.ไปวางไว้ที่นั่งห้องประชุมรัฐภา

 ผู้สื่อข่าวรายงาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพในไอจีสตอรี่   "ingshin21" พร้อมแชร์รูปภาพที่มีผู้ใช้ X รายหนึ่งโพสต์ข้อความภายหลังปรากฏภาพนายกฯ ก้มหน้าอ่านไอแพด โดยชาวเน็ตคนดังกล่าวระบุว่า  “อย่างน้อยศึกษาข้อมูลให้มีในสมองบ้างครับ ก้มหน้าอ่านจากไอแพด มันดูน่าขายขี้หน้าประเทศ  ประยุทธ์ว่าแย่แล้ว คนนี้แย่พอกันหรือแย่กว่าด้วย"

นายกฯ อิ๊งค์โต้ชาวเน็ตรู้ไม่จริง

โดย น.ส.แพทองธารได้เข้าไปตอบคอมเมนต์กลับว่า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ รบกวนดูข่าว+ข้อมูลเยอะๆ นะคะ เวลาประชุมแบบนี้ ทั่วโลกเขาอ่านกันค่ะ มันเป็น Commitment เป็นสิ่งที่ต้องบันทึกค่ะ อ่านทุกคน ตั้งแต่ Sheikh ถึง Minister เลยค่ะ ลองหาข้อมูลเพิ่มดูเนาะ ถ้าเป็น bilateral ส่วนใหญ่จะจดหัวข้อไป แล้วก็พูดกันแบบไม่ต้องอ่าน จะเกิดการสร้าง Connection ที่ดีค่ะ ดูแค่หัวข้อให้ครบถ้วน ไม่มีใครแย่กว่าใครหรอกค่ะ ทุกคนมีความสามารถกันคนละด้านค่ะ เปิดใจกว้างๆ ลองให้โอกาสตัวเอง ลดอคติลงจะมีความสุขขึ้นค่ะ"

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารยังได้เขียนข้อความชี้แจงเพิ่มเติมในไอจีสตอรี่อีกว่า “ชี้แจงนิดหน่อยละกันเนาะ คือตอนก่อนไปก็เตรียมตัวค่ะว่าต้องอ่านหรือต้องเป็นรูปแบบไหน คนอื่นเขาทำยังไงกัน ไม่ใช่ไปเฉยๆ ไม่ทำการบ้านค่ะ งานระดับประเทศจะไปแหวกแนวคนอื่นเขาก็คงไม่ใช่" พร้อมรูปอิโมจิหน้ายิ้มอ้าปากและเหงื่อตก

ทั้งนี้ มีผู้ใช้อินสตาแกรมได้ชื่นชมนายกฯ ว่า “พี่อิ๊งทุ่มเทสุดความสามารถในทุกๆ งาน พี่ทำดีมากๆ  แล้ว ขออย่าให้คนที่เป็นพลังลบให้แต่คนอื่นหรือสิ่งไม่ดีอะไรมาทำลายความตั้งใจนะคะ เป็นกำลังให้เสมอค่ะ” ซึ่งนายกฯ ได้ตอบกลับว่า “ขอบคุณค่า  แค่อยากจะให้ข้อมูลอะค่ะ ว่าได้นะ ยินดีรับฟัง แต่ว่าบนพื้นฐานของการไม่รู้จริง มันก็ต้องบอกกันนิดนึงแหละเนาะ”

ทั้งนี้ การวิจารณ์ดังกล่าวมาจากการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 3 (3rd Asia Cooperation Dialogue: ACD) ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ระหว่างวันที่ 2-4 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ที่นายกฯ ใช้ไอแพดอ่านเวลาประชุมผู้นำ ACD ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ไม่น่าที่จะมีผู้วิจารณ์ถ้าเข้าใจหลักการและเหตุผลการประชุมระดับนานาชาติที่เป็นสาระสำคัญหรือแถลงการณ์ ซึ่งผู้นำของโลกจะต้องอ่านทุกตัวอักษรที่สรุปมาเนื่องจากเป็นข้อตกลงที่ไม่สามารถนำไปบิดจากข้อความของภาษาพูดเหมือนการปราศรัยหรือแสดงวิสัยทัศน์ทั่วๆ ไปได้ ถ้ามองแบบระดับชาติหรือระดับโลกในประเทศต่างๆ ประชาชนจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาหรือสารัตถะที่ผู้นำของเขาไปทำข้อตกลงว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากน้อยขนาดไหน ซึ่งจะถือว่าเป็นการพัฒนาประเทศไปสู่หลักสากลโลก

"โดยปกตินายกรัฐมนตรีก็เป็นคนพูดหรือปราศรัยโดยไม่มีสคริปต์อยู่แล้ว และนายกฯ ก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปปราศรัยหรือเวทีใดๆ ก็ไม่ได้อ่านอยู่แล้ว แต่การพูดด้วยการอ่านเอกสารบนเวทีประชุมระดับโลกจำเป็นต้องอ่าน ซึ่งมีลักษณะจะคล้ายกับการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ต้องอ่านตรงตามตัวอักษรทุกประการ จึงไม่เห็นว่าเป็นสาระสำคัญที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งวันนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และนำพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าเพื่อยืนหนึ่งให้ได้ในโลก" นายจิรายุกล่าว

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทันทีที่กลับถึงไทย ตนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการประชุม ACD summit โดยย้ำว่า เป็นการประชุมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงบทบาทผู้นำของประเทศไทยอย่างยอดเยี่ยม และเป็นที่ชื่นชมของผู้นำต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งมีผู้นำหลายประเทศมาขอร่วมถ่ายภาพด้วย ล่าสุดติดอันดับ 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของนิตยสาร TIME ในเวทีต่างๆ

ผู้นำทุกชาติอ่านกันหมด

"รู้สึกแปลกใจที่มีการหยิบยกภาพภาพเดียวที่นายกฯ ถือไอแพดขึ้นมาตัดต่อ บิดเบือนในเรื่องการสื่อสารในเวทีระดับโลก เป็นการวิจารณ์ที่ล้าสมัย ไม่รู้ข้อเท็จจริงและธรรมเนียมปฏิบัติในเวทีโลก ไม่ยุติธรรมต่อคนทำงาน จึงต้องออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการบิดเบือนใส่ร้าย ในเวทีสากลแบบนี้ทุกอย่างที่อยู่ในห้องประชุม ทั้งการสนทนา นำเสนอวิสัยทัศน์ การให้ข้อแถลงต่างๆ จะถูกบันทึกไว้ทั้งหมดโดยละเอียด ผมนั่งในห้องประชุมหลังท่านนายกฯ ได้เห็นว่าผู้นำทุกชาติเขาอ่านกันทั้งหมด เพราะเขาระวังความผิดพลาด ถ้าพูดผิดก็จะทำให้บันทึกการพูดผิดไปด้วย การอ่านทั้งจากเอกสารหรือไอแพดก็ดี จึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่รัดกุมที่ทุกประเทศเขาทำกันหมด"

ส่วนในการเจรจา Bilateral หรือทวิภาคีกับชาติต่างๆ นายพิชัยกล่าวว่า ได้นั่งอยู่ในห้องด้วย ท่านนายกฯ พูดเองทั้งหมด นำการประชุมทวิภาคีได้สมศักดิ์ศรี ที่ต้องชมมากคือการเจรจา Bilateral ครั้งแรกกับประเทศอิหร่าน ซึ่งสุดหิน เพราะเพิ่งมีสถานการณ์สดๆ ร้อนๆ แต่ท่านนายกฯ สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ขอให้เลิกอคติ จับผิดเรื่องเล็กน้อย วันนี้ขอชวนคนไทยให้กำลังทีมไทยแลนด์ที่ช่วยกันทำงานอย่างหนัก เพื่อเชิญชวนชาติต่างๆ เข้ามาลงทุนในประเทศไทยจะดีกว่า

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ต้องเข้าใจแนวปฏิบัติการประชุมระหว่างประเทศให้ถูกต้อง ว่าการที่ผู้นำไปกล่าวถ้อยแถลงในเวทีประชุมระหว่างประเทศนั้น เป็นเรื่องปกติทำกันทั้งโลกเช่นนั้นมานานแล้ว เนื่องจากจะต้องไปกล่าวถ้อยแถลงแทนประเทศ ซึ่งจะมีกระทรวงการต่างประเทศและทำเนียบฯ ช่วยเตรียม ที่เรียกว่าเป็นคำแถลงที่เตรียมไว้แล้ว (prepared speech) มันไม่ได้แสดงว่านายกฯ อ่อนด้อยประสบประการณ์ ดังนั้นต้องเข้าใจและให้ความเป็นธรรมกับผู้นำของไทย ถ้าหากจะวิพากษ์ควรจะไปดูที่เนื้อหาสาระของถ้อยแถลงว่ามีประโยชน์ต่อประเทศไทยหรือไม่มากกว่าจะวิจารณ์ว่าไปอ่านจากสคริปต์

วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ (6 ต.ค.) ตนส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ กกต.ตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 หรือไม่ กรณีดังกล่าวจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ หากตรวจสอบแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องมีมูล ขอให้ กกต.รีบส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยโดยเร็ว ตามความในมาตรา 170 วรรคสาม พร้อมทั้งมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ตามความในมาตรา 82 วรรคสองด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี

"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ  สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล