1.4พันล้านแก้ของแพง

ครม.อนุมัติงบกลาง 1,480  ล้าน ดันโครงการ "พาณิชย์...ลดราคา" 3พันจุดทั่ว ปท. ช่วยลดภาระค่าครองชีพปชช. 3 เดือน นายกฯ กำชับ พณ.รายงานปัญหาของแพงต่อ ครม.ทุกสัปดาห์ ขอธุรกิจรายใหญ่-รายย่อยตรึงราคา จี้ทำราคาหมูให้ลงเร็วที่สุด หวั่นตรุษจีนยังแพงอีก “ประภัตร” แจง ครม.ตัวเลขสุกรในมือไม่น่าเป็นเหตุราคาพุ่ง สงสัยมีคนฉวยโอกาส “สมศักดิ์” ผวาข้อมูลไม่ตรงโดนเชือดในสภา วอร์รูม พณ.เตือนฉวยโอกาสขึ้นราคาอาจโดนอาญาด้วย

เมื่อวันอังคาร นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบอนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,480 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 เพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัดให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภค ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

สำหรับรูปแบบของโครงการจะเป็นการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพให้แก่ประชาชนในราคาประหยัด ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.กิจกรรมบริหารจัดการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่าย โดยจัดหา สถานที่จำหน่ายและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ผ่านช่องทาง อาทิ การจำหน่ายผ่านบริเวณร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น หรือตลาด พื้นที่สาธารณะหรือลานอเนกประสงค์และสถานีบริการน้ำมัน รวมจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 จุด ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูมิภาค 76 จังหวัด และการจำหน่ายผ่านรถ Mobile จำนวนไม่น้อยกว่า 50 คัน ตามแหล่งชุมชน

2.กิจกรรมการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เพื่อจัดหาและจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพตามชนิด ปริมาณ และราคาตามที่กรมกำหนด เช่น สินค้าเกษตร เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น จากสมาคม/ผู้ค้าปลีก/ค้าส่ง/Supplier ในพื้นที่ เพื่อจำหน่ายในจุดจำหน่าย 3.การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบในวงกว้างผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์กระตุ้นการบริโภค

 “โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565 จะช่วยลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงการระบาดของโควิด-19 และภาวะการปรับราคาสินค้าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโรคระบาดในสัตว์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อีกทั้งจะเป็นเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันในราคาประหยัด ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ในขณะนี้” นายธนกรกล่าว

นายธนกรแถลงด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้เปิดร้านธงฟ้าเพื่อจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน เพื่อเป็นทางเลือกให้เลือกซื้อสินค้าได้ในราคาประหยัด และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น ทั้งนี้ ได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์รายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาให้ที่ประชุม ครม. ทราบเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพราะนายกฯ เป็นห่วงว่าประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกฯ ตอบคำถามสื่อมวลชนตามที่นายกฯ มอบหมาย กรณีราคาสินค้าหลายชนิดทยอยปรับขึ้นราคานายกฯ จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดหรือไม่ ว่านายกฯ ชี้แจงว่ารัฐบาลทุกหน่วยงานเข้าไปติดตามการกำกับดูแลแก้ไขไม่ให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องการกักตุน การขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผลสมควร และขณะนี้ขอให้ตรึงราคาในธุรกิจรายใหญ่และรายย่อย

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ว่า จุดจำหน่ายสินค้าราคาถูกนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นจุดจำหน่ายสินค้าราคาถูกที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชนอีกทางหนึ่ง ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน โดยคาดว่าจะเริ่มต้นได้เร็วที่สุดไม่เกินสัปดาห์หน้า

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในช่วงท้ายการประชุม นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานถึงสถานการณ์หมูในประเทศตั้งแต่ปี 61-64 ว่าจากตัวเลขในปัจจุบันพบว่าประเทศไทยผลิตหมูได้ 19 ล้านตัว จำนวนนี้เป็นการบริโภคในประเทศ 18 ล้านตัว และส่งออก 1 ล้านตัว เมื่อดูจากตัวเลขแล้วพบว่าหมูไม่ได้ขาดแคลน ราคาอาหารสัตว์แพงขึ้นจาก 78 บาท เป็น 90 บาท ราคาขึ้นๆ ลงๆ ส่วนราคาหมูหน้าฟาร์มอยู่ที่ 80-110 บาท ราคามีความไม่แน่นอน ซึ่งตัวเลขที่ตนเองได้มานี้ไม่ตรงกับตัวเลขของทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรที่ระบุว่าหมูขาดแคลน ทั้งนี้ นายประภัตรได้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมหมูถึงหายไป ราคาอาหารก็ไม่ได้แพงจนเป็นเหตุให้หมูต้องขึ้นราคาขนาดนี้ จึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มีการกักตุนหรือไม่ มีการฉวยโอกาสหรือไม่ ส่วนกรณีที่จะนำเข้าหมูนั้น ยอมรับว่าดี ทำให้ราคาถูกลง แต่ต้องนำเข้าในปริมาณที่ไม่มากเกินไป เพราะจะทำให้ล้นตลาด ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์สั่งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปตรวจสอบการเลี้ยงหมูในพื้นที่ต่างๆ ว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูมีเท่าไหร่ ได้รับความเสียหายอย่างไรนั้น กำลังดำเนินการอยู่

ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้ท้วงติงว่า หมูเสียหายอยู่มาก ตายไปก็มาก ข้อมูลที่นายประภัตรบอกมาไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่เป็นที่รับทราบกัน หากข้อมูลตรงนี้ไม่ถูกต้อง หรือเรายึดถือข้อมูลนี้แล้วไม่แก้อะไร ในอนาคตอาจจะทำให้เกิดความเดือดร้อนกับรัฐบาล โดยเฉพาะในสภา ฉะนั้นต้องตอบคำถามให้ได้ว่าทำไมไม่พบโรคระบาดเลย ทั้งที่มีเอกสารขอ ครม.อนุมัติงบประมาณไปช่วยเหลือเมื่อ 2-3 ปีก่อน แล้วจะมาบอกว่าตรวจไม่พบเลยมันน่าจะเป็นข้อผิดพลาด

ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขึ้นว่า จริงๆ มีการตรวจเจอเรื่อยๆ แต่ไม่ได้แพร่ระบาดในวงกว้าง พบเป็นที่ๆ แต่สิ่งที่ไปบอกว่าไม่พบเลย มันเป็นปัญหา เพราะมีการตรวจสอบพบตั้งแต่ปี 61 ที่อาจเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องเยียวยาให้ผู้ที่ทำลายหมู จึงขอให้นายประภัตรไปรีเช็กข้อมูลอีกครั้ง และกลับมารายงานภายใน 7 วันว่าข้อมูลมีข้อผิดพลาดตรงไหน ไปตรวจฟาร์มรายเล็กรายใหญ่ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่าอยากเห็นราคาหมูลดลงโดยเร็วที่สุด เพราะพอราคาหมูขึ้นสินค้าชนิดอื่นก็ขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล เดี๋ยวตรุษจีนมาอีก ก็จะแพงขึ้นอีก ฝากนายประภัตรไปดูด้วย เพราะเป็นความรับผิดชอบโดยตรง นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปคุมเรื่องราคาของแพงให้ด้วย ขณะที่นายประภัตรยืนยันกับนายกฯว่าจะนำข้อมูลเรื่องหมูกลับมารายงานต่อนายกฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ม.ค.นี้.

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ในสัมภาษณ์สำนักข่าวไทยถึงความคืบหน้าการตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า (วอร์รูม) ว่าเป็นไปตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ คณะทำงานชุดนี้มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานคณะทำงาน นอกจากนี้ยังมีอธิบดีและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีรองอธิบดีกรมการค้าภายในทำหน้าที่เลขานุการและโฆษกคณะทำงาน อย่างไรก็ตาม แม้ยังไม่มีภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามาร่วมเป็นคณะทำงาน แต่หากมีความจำเป็น คณะทำงานสามารถเชิญผู้เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารือให้ข้อเสนอแนะได้

ปลัด พณ.ยังขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส หากพบการปรับขึ้นราคาสินค้าไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน ส่วนกระแสข่าวอาหารหลายชนิดปรับขึ้นราคาแพงเกินจริงที่มีการแชร์กันผ่านโซเชียลฯ อาทิ มะละกอ อาหารจานเดียว เป็นต้น ยอมรับว่าเมื่อไม่มีการระบุชัดเจน ทำให้เข้าไปตรวจสอบได้ยาก จึงอยากให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น ชื่อร้านหรือซอย เพื่อที่จะได้ส่งสายตรวจกรมการค้าภายใน เข้าไปตรวจสอบได้ตรงพิกัด หากตรวจสอบพบว่ามีการฉวยโอกาสขึ้นราคา นอกจากจะถูกตรวจสอบต้นทุนราคาสินค้าแล้ว อาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานให้การเท็จอีกด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง