‘วันนอร์’ จัดเต็ม เปิดประชุมธ.ค. ถกร่างแก้ ‘รธน.’

“วันนอร์” ยันเปิดสมัยประชุม ธ.ค. เดินหน้าแก้ รธน. บรรจุแล้วทั้ง 17 ฉบับ ไม่ขัด กม.-คำวินิจฉัยศาล เหตุแก้รายมาตราไม่ต้องทำประชามติ “พริษฐ์” โต้นิกรทุกเม็ด แฉไทม์ไลน์ใครกันแน่ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อืด

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2567 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เมื่อเปิดสภาในเดือน ธ.ค.นี้ ก็จะพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่บรรจุไว้ทั้งหมด 14 ฉบับ และเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลเสนอมาอีก 3 ฉบับ รวมเป็น 17 ฉบับ แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน อาจจะภายในเดือน ธ.ค.นี้

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้มีตัวร่างแล้วประธานสั่งบรรจุอย่างเดียวก็จะสำเร็จ เพราะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน เช่น บางส่วนเกี่ยวข้องกับการทำประชามติที่ยังไม่เรียบร้อย บางส่วนอาจเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของทั้ง 2 สภาด้วย แต่ในส่วนของสภา ได้บรรจุทุกเรื่องในส่วนที่ไม่ขัดต่อกฎหมายของรัฐธรรมนูญหรือการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยเมื่อปี 2564  แต่ที่เสนอมาทั้งหมด 14 ฉบับ บรรจุให้หมดไม่มีฉบับใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการแก้ไขรายมาตรา ไม่ได้แก้ทั้งฉบับ

ส่วนการแก้ทั้งฉบับ ที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน  จะเป็นอย่างไรนั้น นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ของนายพริษฐ์ก็บรรจุทุกฉบับ รวมทั้งการแก้ไขมาตราสำคัญคือมาตรา 256 ด้วย โดยสมัยประชุมที่แล้วมีการเสนอแก้ไขมาตรา 256 แต่ไม่ได้รับการบรรจุ เพราะไปขัดแย้งกับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 2564 แต่การเสนอครั้งนี้ฝ่ายประสานงานกฎหมายของสภาและตนเห็นว่าไม่ได้ไปขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขสามารถนำมาพิจารณาได้ ถ้าผ่านก็แก้ไขได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐสภาจะพิจารณาว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน

เมื่อถามว่า ความหวังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่  นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ฝ่ายสภาก็พยายามให้กำลังใจ เพราะอยากให้สำเร็จ เพราะเชื่อว่าประชาชนคงอยากจะเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ แต่ปัญหาอุปสรรคอย่างที่บอกไปแล้วคือ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐสภา และถ้าบางฉบับต้องใช้ประชามติก็ต้องทำประชามติ ยืนยันว่าทุกฉบับที่อยู่ในสภาขณะนี้เป็นการแก้ไขรายมาตรา ไม่มีฉบับใดต้องไปทำประชามติ ยกเว้นมีฉบับที่เสนอขึ้นมาใหม่แล้วต้องทำประชามติ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ขณะที่นายพริษฐ์โพสต์ข้อความผ่าน x ชี้แจงกรณีนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ต้องโทษนายพริษฐ์ ที่ทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ทันปี 2570 โดยระบุว่า เพิ่งได้มีโอกาสย้อนฟังนายนิกรแบบเต็มๆ และแทบไม่เชื่อว่าในฐานะคนที่ตนเองเคารพและหารืออยู่อย่างต่อเนื่อง เลือกให้ความเห็นในลักษณะกล่าวหาด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไม่ครบถ้วน  ซึ่งขออนุญาตชี้แจงเบื้องต้นแค่ 2 ประเด็นหลัก

นายพริษฐ์โพสต์อีกว่า ประเด็นแร กท่านบอกว่าให้โทษผมที่ทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ล่าช้า และมีแนวโน้มไม่ทันปี 2570 ต้องเริ่มต้นด้วยทบทวนความทรงจำว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างตั้งแต่รัฐบาลที่นายนิกรทำงานให้ เข้ามารับตำแหน่งเมื่อ ส.ค.2566 โดย 3 เดือนแรก หรือช่วงเดือน ต.ค.2566-ธ.ค.2566 ใช้เวลาไปกับการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติฯ ที่นายนิกรเป็นโฆษก แทนที่จะเดินหน้าจัดประชามติตามที่เคยประกาศไว้ 4 เดือนถัดมา หรือช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 รัฐสภามีมติให้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อให้เกิดความชัดเจนเรื่องจำนวนประชามติ ซึ่งท้ายสุดศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย ซึ่งนายนิกรคงลืมไปว่าข้อเสนอดังกล่าวในการส่งเรื่องให้ศาลเป็นข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย

“วันที่กระบวนการที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัยตอน เม.ย.2567 เสร็จสิ้น ครม.ที่คุณนิกรทำงานให้กลับยังไม่ได้เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติเข้ามาอยู่ดี จนทำให้ทุกพรรคต้องรอถึง มิ.ย.2567 กว่า ครม.จะเสนอร่างของตนเองเข้ามา และสภาพิจารณาทุกฉบับพร้อมกันในวาระที่ 1 ซึ่งก็ยังไม่เสร็จสิ้นกันจนถึงวันนี้ ซึ่งถ้าคุณนิกรอยากประหยัดเวลาจริง วันนั้นท่านควรช่วยให้ ครม.เสนอร่าง พ.ร.บ.ประชามติให้เร็วกว่านี้ แทนที่จะให้รอร่าง ครม.เป็นเดือนๆ”

นายพริษฐ์ยังกล่าวโต้ประเด็นที่บอกว่าสิ่งที่ตนเองพยายามทำอยู่ในการโน้มน้าวให้ทุกฝ่ายลดจำนวนประชามติเหลือ 2 ครั้ง เป็นอะไรที่เสียเวลา  ว่าขอบคุณความเป็นห่วง และทราบดีว่าความพยายามตรงนี้ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะสำเร็จ และไม่ว่าความพยายามตรงนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็ไม่มีส่วนไหนที่ทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญล่าช้าไปกว่าเดิม

“สรุปสั้นๆ คือความพยายามของเรามีแต่ได้หรือเท่าทุน และแน่นอนว่าทุกท่านย่อมมีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับความพยายามของผม  แต่ผมอยากให้ข้อเสนอแนะและข้อวิจารณ์ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ยืนยันว่าทั้งหมดที่ทำมา เพราะต้องการให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเป้าหมายของอดีตพรรคก้าวไกล พรรคประชาชนในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน  แต่ยังเป็นนโยบายที่รัฐบาลได้สัญญาไว้กับรัฐสภาและประชาชน”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี

"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ  สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล