อิ๊งค์โวพ่อสร้างลูกซ่อม

เปิดผลโพล "นักการเมืองแห่งปี  67" ปชช.ชื่นชอบ "แพทองธาร" กว่า 15% "เท้ง"  ตกไปลำดับ 9 ได้แค่ 5% คนเสื้อแดงคึกคัก  "นายกฯ อิ๊งค์" ลงพื้นที่ จ.มหาสารคาม ตรวจโครงการแก้น้ำท่วมน้ำแล้ง ลั่นสานต่อ “พ่อสร้างลูกซ่อม” พร้อมสวมบทชาวนาหว่านข้าวแปลงนาปรัง เว้าอีสานอ้อนแฟนคลับ บอกรอปีหน้าผุดหลายโครงการช่วย ปชช. "เทพไท" แนะ “อุ๊งอิ๊ง”  จัดลำดับความสำคัญควรลงช่วยเหยื่อน้ำท่วมแทนขึ้นอีสาน "สุดารัตน์" ถามนายกฯ ปี 68  เตรียมรับมือเศรษฐกิจรุนแรงหรือยัง

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ   เปิดเผยผลสำรวจประชาชนจำนวน 1,500 คน  จากทั่วทุกภูมิภาคประเทศไทย ในหัวข้อ "นักการเมืองแห่งปี" ในประเด็น "ท่านเห็นว่าบุคคลใดที่สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นนักการเมืองแห่งปี 2567" ระหว่างวันที่ 10-15 ธ.ค.2567

จากการสำรวจพบว่า ผู้สำรวจให้ความชื่นชมและชื่นชอบโดยเรียงลำดับดังนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 15.4%, นายภูมิธรรม เวชยชัย 7.8%,  นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 7.5%, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล 7.3%, น.ส.รักชนก ศรีนอก 6.8%, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร 6.1%, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 5.5%, นายรังสิมันต์ โรม 5.3%, นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ 5%, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง 4.3%, นายอนุทิน ชาญวีรกูล 4.1%, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 3.7%,  นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ 3.7%, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 3.4%, นายกัณวีร์ สืบแสง 3.1%, น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ 3.1%, นายวราวุธ ศิลปอาชา 3.1%, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 1.3% และอื่นๆ 2.5%

ขณะที่ ภารกิจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เวลา 09.30 น. ได้เดินทางพร้อมคณะ ขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานทหาร 2  กองบิน 6 ดอนเมือง ไปท่าอากาศยานนานาขอนแก่น และเดินทางต่อไป จ.มหาสารคาม เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ โดยก่อนขึ้นเครื่องผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการแต่งตั้งทีมเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่นายกฯ ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด

กระทั่งเวลา 10.40 น. น.ส.แพทองธารพร้อมคณะเดินทางถึง จ.ขอนแก่น ท่ามกลางการต้อนรับของกลุ่มคนเสื้อแดงและชาวขอนแก่นที่มาผูกผ้าขาวม้า มอบพวงมาลัย มอบดอกไม้ และถ่ายภาพกับนายกฯ อย่างอบอุ่น รวมทั้งยังมีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย, นายสุทิน คลังแสง สส.พรรคเพื่อไทย และ รศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษากลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน อดีตแกนนำคนเสื้อแดง และแนวร่วม นปช.ขอนแก่น มารอต้อนรับ

รศ.พรรณวดีกล่าวว่า ทันทีที่ทราบข่าวนายกฯ และคณะจะมา คนเสื้อแดงและคนขอนแก่นต่างพร้อมใจกันมาต้อนรับ มาพูดคุย แม้จะไม่กี่นาที แต่ก็เป็นกำลังใจและเป็นความสวยงามที่เกิดขึ้นในพื้นที่

ต่อมาเวลา 11.25 น. น.ส.แพทองธารเดินทางถึงประตูระบายน้ำห้วยน้ำเค็ม (DM) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต.ยางท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยลุ่มน้ำชีและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่  ก่อนชมเกษตรกรรมแปลงนาปรัง ซึ่งเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์จากการแก้ไขและพัฒนา และทดลองหว่านข้าวพันธุ์ กข.61 และ กข.89 ลงแปลงนา

จากนั้นได้เดินพบประชาชนที่มารอรับ ทำให้ประชาชนตื่นเต้น บางคนได้ดึงตัวนายกฯ ไปกอดด้วยความดีใจ พร้อมกับเอ่ยชมว่าตัวจริงสวยกว่าในทีวี และขอผูกผ้าขาวม้า จนนายกฯ หยอกกลับว่า "ผูกได้ ตอนนี้ไม่ท้องแล้ว" และหยอดมุก "บางคนรัดแน่น ไม่ท้องแล้วแต่หายใจไม่ออก" พร้อมกับเซลฟีและคล้องพวงมาลัยดาวเรือง ตะโกนให้กำลังใจนายกฯ สู้ๆ

น.ส.แพทองธารกล่าวทักทายด้วยสำเนียงอีสานว่า สวัสดีจ้า สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกคน พร้อมกับกล่าวว่า คุณพี่เขาบอกสวยกว่าในโทรทัศน์เป็นยังไง รอกันนานไหม ร้อนหรือเปล่า แต่วันนี้ไม่ร้อนอากาศดี และดีใจมาก ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น

 “วันนี้มาตรงประตูน้ำจุดนี้ นายสุทินเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่สมัยพ่อใหญ่ ใครจำพ่อใหญ่ได้บ้าง สมัยคุณพ่อให้งบประมาณมาสร้างประตูน้ำแห่งนี้ผ่านมา 20 ปี มาถึงลูกสาว ได้ทำงบซ่อมแซมพอดี รองอธิบดีกรมชลฯ ยืนยันว่าเสร็จปีนี้แน่นอน ดีใจที่จะเสร็จปีนี้ เพราะจะแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งจะได้ถูกแก้ปัญหาไป" นายกฯ กล่าว

เวลา 13.40 น. น.ส.แพทองธารไปติดตามโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS) และโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งตรงกับวัน open House ของมหาวิทยาลัย ทำให้มีนักเรียน นิสิต นักศึกษามาร่วมงานจำนวนมาก

นายกฯ ได้เข้าห้องประชุมพบกับนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรม open House ตอนหนึ่งได้กล่าวว่า ในปี 2568 รัฐบาลได้แถลงนโยบายนี้ว่า หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือสั้นๆ ว่า ODOS เป็นการกระจายทุนการศึกษานี้ให้ถึง 878 อำเภอทั่วประเทศ รวมทั้งอีก 50 เขตของกรุงเทพมหานครด้วย

"คนที่เรียนกลางๆ หรือเด็กหลังห้อง กลางๆ แค่ไม่ใช่ท็อปเทนในห้องขอให้ยกมือ ที่ยกมือตรงนี้เราพวกเดียวกัน ไม่ท็อปเทนเหมือนกัน พี่ไม่ใช่เด็กที่เรียนเก่ง เรียนกลางๆ นั่งหลังห้อง ไม่ได้เรียบร้อยเท่าไหร่ และคิดว่าโอเค เราเข้าใจ เราอยากให้ทุนการศึกษาถึงน้องๆ ทุกคน" นายกฯ กล่าว

นอกจากนี้ นายกฯ ยังเดินทางมาที่สถาบันขงจื๊อ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เยี่ยมชมสินค้าโอท็อปขึ้นชื่อของมหาสารคาม ก่อนพบปะกับกำนันผู้ใหญ่บ้านและตัวแทนชุมชนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม

น.ส.แพทองธารยืนยันว่า กองทุน SML ปี 68 มาแน่นอน จึงอยากให้ชาวบ้านคิดว่าหมู่บ้านตัวเองต้องการอะไร อยากลงทุนอะไร ซื้อเครื่องจักรอะไร จึงจะดีกับหมู่บ้านของเรา วันนี้ที่มาพูดให้ฟังไม่ได้หาเสียง แต่มาพูดเรื่องเรื่องจริงว่ากำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า

เวลา 15.50 น. น.ส.แพทองธารเป็นประธานในพิธีเปิดงาน "ออนซอนกลองยาวชาววาปี ของดีพื้นบ้าน สืบสานตำนานเมืองวาปีปทุม 142 ปี" ครั้งที่ 29 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสนับสนุนประเพณีของไทยในภาคอีสาน ช่วงเดือน ธ.ค.  เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น และส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทยประกวดกลองยาวชิงถ้วยรางวัลนายกรัฐมนตรี

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.มหาสารคามของนายกรัฐมนตรีว่า แม้จะเป็นภารกิจของนายกฯ ที่วางไว้ล่วงหน้าหรือไม่ก็ตาม แต่อยากจะให้ น.ส.แพทองธารได้จัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่จำเป็นจะต้องลงไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน

"ปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดน้ำท่วมมาก่อนหน้านี้ แม้จะเบาบางลงบ้างแล้วก็ตาม แต่ น.ส.แพทองธารก็ไม่ได้ลงพื้นที่ในทันที หรือการลงพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็เพราะเป็นบ้านเกิดของสามี จึงอยากให้จัดลำดับความสำคัญ อย่าให้เกิดความรู้สึกในหมู่ประชาชนว่ากำลังถูกทอดทิ้งและรัฐบาลเลือกปฏิบัติ" นายเทพไทระบุ

ที่รัฐสภา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจประเทศไทยภายใต้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีปัญหาอยู่แล้ว คือหนี้ภาคครัวเรือนที่มีสูงถึง 92% และยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งก็ยังดีที่รัฐบาลมีมาตรการเรื่องการแก้หนี้เสียออกมา แต่หนี้เสียก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลมองภาพรวมว่าการแก้หนี้ภาคครัวเรือนจะต้องทำอย่างไร

 “ปีหน้าอยากจะให้ น.ส.แพทองธารได้เตรียมรับมือและมีมาตรการโดยเร็ว แม้การท่องเที่ยวจะสามารถหาเงินมาชดเชยได้ แต่ก็ไม่เท่ากับการส่งออก เพราะเราจะเจอศึก 3 ด้าน คือ 1.ศึกทรัมป์ 2.0 เพราะประกาศเรียบร้อยแล้วต้องขึ้นภาษีแน่กับประเทศที่ได้ดุลการค้าเขา ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น 2.ตลาดใหญ่ที่เราส่งออกคือจีน แต่ทรัมป์จะขึ้นภาษีจีน ซึ่งจะทำให้สินค้าจีนไปสหรัฐยาก และ 3.เราเจอยุโรป ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องพลังงาน” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดักคอ‘ชิตตู’กุมความลับไทยเทา

เงื้อค้างหมายจับ “ชิตตู” เลื่อนพิจารณาไป 17 ก.พ. “โรม” ดักคอเป็นผู้กุมความลับโยงไทยเทา ตั้งข้อสังเกตรอให้ถ่ายเททรัพย์สินออกไปหมดหรือไม่