ร้องฟัน‘วิษณุ-ทวี’ ‘วัชระ’ชี้พันป่วยทิพย์/ทักษิณขายฝันอีสานสั่งออก‘คริปโต’

ป่วยทิพย์ลาม! “วัชระ” ยื่น ป.ป.ช.ขยายผลสอบจริยธรรม “วิษณุ-ทวี” ปมเอื้อ “ทักษิณ” พักชั้น 14 พร้อมแนะกันข้าราชการชั้นผู้น้อยเป็นพยาน “พ่อนายกฯ” ขายฝันชาวอีสาน  เอาแน่คริปโตฯ สั่งรัฐบาลเร่งออกขายประชาชนเพื่อดันจีดีพีให้ได้ 4-5% ฟุ้งผลักดันซอฟต์พาวเวอร์-โอท็อป-พ่วงล้วงเงินหวยปั้นเด็ก “ทรงศักดิ์” เมินเสียงแขวะอีแอบ เชื่อพรรคร่วมรัฐบาลไม่ร้าว รัฐสภารับหลักการวาระแก้กฎหมาย  ป.ป.ช.

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 นายวัชระ เพชรทอง    อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ได้ยื่นร้องเรียนต่อนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.) ขอให้สอบสวนนายวิษณุ เครืองาม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ส่อว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต  และฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ กรณีเอื้อประโยชน์นายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14

นายวัชระกล่าวต่อว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายวิษณุเข้าไปพบกับนายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อมอบแนวทางการปฏิบัติหลังจากรับตัวนายทักษิณคุมขังในเรือนจำเป็นวันแรก จึงขอให้สอบปากคำนายนัสทีและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกนายที่อยู่ในเหตุการณ์คืนวันที่ 22 ส.ค. ว่านายวิษณุเข้าไปในเรือนจำพบ น.ช.ทักษิณ นักโทษเด็ดขาดชายหมายเลข 6650102668 หรือไม่ พบที่ห้องใด  เป็นเวลานานเท่าใด และสั่งการนายนัสทีอย่างไร  นายนัสทีสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไร เพราะนายวิษณุยืนยันว่านายทักษิณเข้าคุกแล้ว

“ขอให้ ป.ป.ช.เรียกวัตถุพยานคือ ภาพของกล้องวงจรปิดทุกตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตลอดเส้นทางเดินของ น.ช.ทักษิณตลอดเวลาทุกนาทีในเรือนจำของวันที่ 22-23 ส.ค.2566 ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.และสอบพยานทุกปากในเหตุการณ์ว่า น.ช.ทักษิณเข้าห้องขังห้องที่นายวิษณุพรรณนาจริงหรือไม่ หรือไม่ได้เข้าไปแม้แต่เพียงก้าวเดียว”

นายวัชระกล่าวอีกว่า ส่วนกรณี พ.ต.อ.ทวีนั้น แถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2567 ในกรณี ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนกล่าวหาข้าราชการและเจ้าหน้าที่ 12 คน เรื่องนายทักษิณรักษาตัวที่ชั้น 14 ว่าโรคที่นายทักษิณป่วยเกินศักยภาพของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ถ้ามีใครไม่พอใจให้นำหลักฐานไปยื่น ป.ป.ช. จึงขอให้สอบสวน พ.ต.อ.ทวี ในการอนุมัติสั่งการในกรณีนี้ทุกขั้นตอน โดยกรณีแพทย์หญิงรวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่มีข่าวว่าจำยอมต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เพราะเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย หากให้การเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ  ขอให้สำนักงาน ป.ป.ช.พิจารณากันไว้เป็นพยานได้หรือไม่ รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้น้อยอื่นๆ ด้วย เนื่องจากอยู่ภายใต้อำนาจบังคับของผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งนี้ ยังได้แนบข่าวแพทยสภาที่ร้องเรียนในกรณีนี้มาเพื่อประกอบการพิจารณาเรื่องนี้ด้วย

ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของตนเองก่อนหน้านี้ที่ให้ความเห็นกรณี ป.ป.ช.ตั้งองค์ไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ 12 ราย ซึ่งสื่อหลายสำนักไปเขียนข่าวว่า  “ชัยชนะลั่นทักษิณไม่ผิด” โดยเฉพาะนายเชาว์ มีขวด ทนายความและอดีตรองโฆษกพรรค ปชป.  บอกว่าตรรกะวิบัติ และอวยนายทักษิณ ว่าการให้สัมภาษณ์ไม่จำเป็นต้องอวยใคร และไม่เกรงกลัวใครอยู่แล้วในการกระทำความผิด การให้ความเห็นพูดในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ

 “คนที่ว่าผม ขอให้กลับไปคิดทบทวนให้ดี เพราะผมไม่มีบุคลิกเรื่องแบบนี้ และเรื่องการดำเนินการตรวจสอบนักโทษที่รักษาชั้น 14 ผมก็เป็นหน่วยงานแรกที่ตรวจสอบเรื่องนี้ จนกระทั่งประชาชนได้รับทราบว่ากล้องวงจรปิดเสีย  ทุกอย่างทำตามกฎหมาย ไม่อยากให้นำประเด็นนี้มาตีกินหาแสง หาที่ยืนทางการเมือง และเอาไปเล่นในโซเชียลว่าผมเป็นคนอวยนายทักษิณ ขอย้ำว่าไม่เคยอวยใคร และให้ความเห็นตรงไปตรงมา” นายชัยชนะกล่าว

ขณะเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายทักษิณกล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ “อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย” ตอนหนึ่งว่า การพัฒนาอีสานต้องเริ่มที่คนก่อน เพราะคนอีสานเป็นนักสู้ และจุดเด่นของอีสานมีพื้นที่กว้างขวาง คนมากที่สุด มีวัฒนธรรมเก่าแก่ การปรับปรุงเลยต้องเริ่มที่คน เพิ่มความสามารถทางทักษะ ทั้งเรื่องซอฟต์พาวเวอร์และเรื่องโอท็อป

“ประเทศไทยเรามีมหาวิทยาลัย มีครูบาอาจารย์เยอะ แต่เราใช้ประโยชน์เขาน้อย สอนหนังสือให้ได้ปริญญา แต่ไม่ได้ความรู้ ตอนนี้ต้องเอาครูอาจารย์มาช่วยสอนให้เข้าถึงซอฟต์พาวเวอร์ เทคโนโลยีใหม่ๆ”

นายทักษิณกล่าวอีกว่า คนอีสานจนลงเพราะความผูกขาด เพราะทุกอย่างผ่านระบบนายหน้า วันนี้เทคโนโลยีมาแล้ว ภาครัฐต้องดูแลไม่ให้ผูกขาด ใช้เทคโนโลยีเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงจะได้แข่งขันได้ อย่างข้าวหอมมะลิ ต้องผ่านสมาคมผู้ส่งออก ถ้าต่อไปเลิกก็จะมีอีคอมเมิร์ซ ซึ่งนายกฯ ให้รัฐมนตรีไปดูแล้วว่าจะแก้ไขได้อย่างไร ลดต้นทุนประชาชน ซอฟต์พาวเวอร์ไปดูว่าใช้กลไกมหาวิทยาลัยฝึกความชำนาญซอฟต์พาวเวอร์ให้ได้

“วันนี้เป็นห่วงคนอีสาน คือคุณภาพของคนที่ถูกมอมเมาด้วยยาเสพติด นายกฯ ท่านสนใจเรื่องนี้มาก อยากให้ทุกภาคส่วนจัดการเรื่องยาเสพติด เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีเวลาไปทำมาหากิน ต่อไปต้องทำจริงจัง ทั้งปราบปรามและบำบัด นายกฯ ให้ทำแอปรับรายงานว่าพื้นที่ไหนมีพ่อค้ายา จะได้จัดการเด็ดขาด ก็ทำให้คนอีสานมีคุณภาพขึ้น”

แม้วสั่งรัฐบาลออกคริปโตฯ

นายทักษิณกล่าวว่า ได้ใช้เงินส่วนตัวให้ต่างประเทศศึกษาโอท็อปทั้งหมดตั้งแต่สมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่าต้องปรับปรุงอย่างไร หลังปีใหม่จะมาบรรยายปรับปรุงให้สมัยใหม่ เหมือนผ้าพันคอแอร์เมส ผืนละ 5 หมื่น ใช้ลายม้า ก็มีคนเสนอว่าทำไมไม่ใช้ลายบ้านเชียง รูปแบบสากล ดีไซน์เป็นของไทย เป็นคุณภาพการตัดเย็บสากล

วันนี้โอท็อปสมัยใหม่ใช้เทคโนโลยี ดีไซน์ที่ต้องการของต่างประเทศ โอท็อปอีสานจะเป็นฐานใหญ่ ให้ขายได้ทั่วโลก แต่ไม่ทิ้งวัฒนธรรมของไทย ประยุกต์ให้เป็นสากล อยากให้คนอีสานได้เรียนรู้อะไรจากต่างประเทศบ้าง โดย

คิดว่าถ้าจะตั้งร้านโอท็อปติดกันเป็นร้านแบรนด์ ก็จะได้เห็นดีไซน์คุณภาพของต่างประเทศ ก็จะได้เริ่มต้นในปีหน้าทั้งหมด ที่คุยกันไว้ เรื่องโอท็อป ซอฟต์พาวเวอร์ ใช้แกนสถาบันการศึกษาเป็นตัวปรับปรุงทั้งหมด

นายทักษิณกล่าวอีกว่า วันนี้ประเทศไทยเป็นหนี้เยอะมาก หนี้ประเทศเยอะสูงถึง 60% ของจีดีพี เพดานอยู่ที่ 70% จะกู้อีกคงไม่ไหว รัฐบาลต้องหาทางลดหนี้ ด้วยการลดหนี้หรือเพิ่มจีดีพี พูดง่ายแต่ทำยาก เพิ่มจีดีพี ต้องเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ แต่เม็ดเงินเราน้อยเลยโตได้น้อย ซึ่งได้คุยผู้เชี่ยวชาญด้านการคลังและกฎหมาย มองว่าที่ผ่านมารัฐบาลออกพันธบัตรขายสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ สถาบันการเงินก็เก็บรับดอกเบี้ย  ไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจอะไรเลย วันนี้นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดี เอาจริงเอาจังกับคริปโตฯ และบิตคอยน์ กำลังเพิ่มเงิน เราไม่ทำก็ไม่ทันเขา เราทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เกิดความเสี่ยง

“พันธบัตร 8 แสนล้านต่อปี จะต้องเอามาทำประโยชน์ดีไหม ออกพันธบัตรขายบุคคลทั่วไป 1 พัน 1 หมื่นบาทก็ขาย อายุสั้นๆ ออกในรูปของเหรียญหรือคอยน์ เงินตกไปอยู่ในมือประชาชน ใช้ก็เพิ่มเงินหมุนเวียน ไม่ใช้ก็รับดอกเบี้ยใช้ทุกภาคของประเทศ ไม่งั้นจีดีพีไม่โต ยังไงก็ 2 กว่าฟังแล้วทุเรศ ต้องให้ได้ 4-5 ให้ได้ เพราะระบบทุนนิยม ถ้าไม่มีทุนไม่มีทางก้าวหน้า อีสานเป็นภาคที่ถูกดูดเงินออกจากภาคมากที่สุด ร้านค้าส่วนใหญ่มีสำนักงานที่กรุงเทพฯ ขายที่อีสานเก็บเงินได้ก็ส่งกรุงเทพฯ เงินที่หาได้ไม่ได้หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจอีสาน ต้องดึงเงินมาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจอีสานให้ได้ ถ้าไม่พอ ก็เอาพันธบัตรมาหล่อเลี้ยง เป็นเรื่องที่ไม่ต้องพิมพ์แบงก์ เอาหนี้ มาหมุนเวียน เป็นหนี้ประชาชนดีกว่า”

นายทักษิณกล่าวย้ำว่า เราต้องสร้างความแข็งแรงได้การศึกษา เราได้เงินจากลอตเตอรี่มา ก็จะส่งเด็กไปเรียนหนังสือต่อ ที่เคยทำมาก็จะทำอีกครั้ง ส่งเด็กไปเรียนซัมเมอร์แคมป์ ให้เด็กได้เรียนรู้กับฝรั่ง โลกมันเป็นสากล เป็นเรื่องที่ต้องรีบทำ โรงเรียนต้นแบบ โรงเรียน 2 ภาษาก็มาทำที่อีสานมากขึ้น จ้างครูต่างประเทศมาช่วย

  วันเดียวกัน นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นอีแอบว่าไม่ทราบ และเมื่อถามว่าแคมเปญ 180 วัน รอได้เพื่อรัฐธรรมนูญประชาชน อย่าเชื่อ “อีแอบ” ล็อกสองชั้น รัฐบาลต้องลงเรือลำเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทยทำออกมาภายหลังจากที่พรรคภูมิใจไทยโหวตสวนในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ มีความคิดเห็นอย่างไร นายทรงศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็น สส. แต่มองว่าเป็นสิทธิ์ของสมาชิกในสภาที่จะแสดงความคิดเห็น ตนเองเป็นฝ่ายบริหาร ขอไม่ไปก้าวล่วงสิทธิ์ของสมาชิกแต่ละคน แต่ในมุมมองของพรรคมองว่า พรรคก็ประกอบด้วยสมาชิก ถ้าไม่มีสมาชิก ก็เป็นพรรคการเมืองไม่ได้

'ทรงศักดิ์' ลั่นไม่มีรอยร้าว

เมื่อถามว่า การเมืองภาพใหญ่ขณะนี้รอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลจะขยายออกอีกหรือไม่ นายทรงศักดิ์กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เป็นความคิดที่อาจแตกต่างกันบ้าง แต่ทุกความเห็นก็ยังนึกถึงผลประโยชน์ของประชาชน อย่างเรื่องความคิดเห็นที่เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งเป็นกฎหมายใหญ่ บางฝ่ายก็บอกว่าการที่จะลงประชามติต้องใช้เสียงข้างมากของประชาชนทั้งประเทศก่อน จากนั้นค่อยใช้เสียงข้างมากจากผู้ที่มีสิทธิ์ จึงจะเป็นการรับรองกฎหมายได้ เพราะเสียงมาจากประชาชนจริงๆ

 ส่วนถึงขนาดที่ถึงขั้นด่าว่าอีแอบ ถือว่ารุนแรงหรือไม่ นายทรงศักดิ์กล่าวว่า “ผมไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ยินเลยจริงๆ”

เมื่อถามว่า รอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลก็ดูเหมือนจะเป็นการขยายรอยร้าวมาตั้งแต่เรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ การลงประชามติ และเขากระโดงนั้น นายทรงศักดิ์มองว่า เรื่องเขากระโดงไม่ใช่รอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นความเห็นที่มาจากศาล เราในนามพรรคร่วมรัฐบาลก็พยายามทำสิ่งที่กระทบต่อสิทธิ์ของประชาชนให้ชัดเจน ที่ของประชาชนก็เป็นที่ของประชาชน  อะไรเป็นที่ของ รฟท. ถ้ามีหลักฐาน มีกฎหมายที่ชัดเจน ก็ให้ว่าไปตามนั้น ไม่ถือเป็นรอยร้าว เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างชัดเจน

ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธาน  โดยก่อนการประชุม นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า  ได้เชิญวิปทั้ง 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภา พร้อมกับผู้แทนของรัฐบาลมาร่วมประชุม และมีมติตกลงกันในบางประการแล้ว

จากนั้น นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า เนื่องจากการประชุมร่วมวิปทั้ง 3 ฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้จะเลื่อนระเบียบวาระ โดยจะพิจารณาใน 3 เรื่องคือ พิธีสารฉบับที่ 2 เพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งจะใช้เวลาอภิปรายฝ่ายละไม่เกิน 30 นาที โดยไม่รวมเวลาของผู้เสนอ จากนั้นเป็นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่… (พ.ศ.….) ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และร่าง พ.ร.บ.ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะพิจารณาทั้ง 2 ฉบับพร้อมกัน แต่แยกลงมติ และจะใช้เวลาอภิปรายฝ่ายละไม่เกิน 1 ชม. โดยไม่รวมเวลาของผู้เสนอ

ทั้งนี้ ในการประชุมรัฐสภาเรื่องร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่...) พ.ศ..... สาระสำคัญของร่างที่เสนอโดย ครม.นั้น เป็นการเพิ่มเนื้อหาสาระว่าด้วยการกำหนดบทคุ้มครองผู้ที่แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลแก่หรือแสดงความเห็นต่อ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการทำผิดที่อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของ ป.ป.ช. ไม่ให้รับผิดทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย รวมถึงกำหนดมาตรการช่วยเหลือบุคคลที่ให้ข้อมูล เบาะแสดังกล่าวด้วย นอกจากนั้นยังกำหนดมาตรการปล่อยตัวชั่วคราวให้บุคคลที่ถูกกล่าวโทษหรือถูกฟ้องร้องเพื่อปิดปาก ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนให้มีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ขณะที่ฉบับของนายวิโรจน์ มีสาระสำคัญคือ  ให้บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีทุจริตประพฤติมิชอบเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จากเดิมที่ พ.ร.บ.กำหนดให้อยู่ในขอบเขตของธรรมนูญศาลทหาร และให้อัยการทหารดำเนินการ รวมถึงโอนย้ายคดีทุจริตประพฤติมิชอบที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของศาลทหารไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

ถกร่างแก้ไขกฎหมาย ป.ป.ช.

ทั้งนี้ ในการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ สว.และ สส.พรรคประชาชน ที่อภิปรายแสดงท่าทีสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ เพราะมองว่าเป็นมาตรการสำคัญของการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบได้ แต่น่าสังเกตว่าในส่วนของ สส.พรรคร่วมรัฐบาลที่ลุกอภิปราย ได้แสดงความเห็นสนับสนุนร่างแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับที่ ครม.เสนอเพียงฉบับเดียว ยกเว้นในส่วนของพรรคภูมิใจไทย โดยนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายสนับสนุนทั้ง 2 ฉบับ และตั้งข้อสังเกตว่าร่าง พ.ร.บ.ของ ครม. กำหนดบทคุ้มครองพยานและผู้ร้องเพื่อประโยชน์ในทางคดีของ ป.ป.ช. ทั้งนี้ หากมีกรณี 1.ผู้แจ้งและพยานมีเจตนากลั่นแกล้ง 2.พยานกลับคำให้การในชั้นพนักงานสอบสวน 3.ผลการตัดสินพิจารณาของ ป.ป.ช. คณะใหญ่ยกคำร้อง 4.ป.ป.ช.ยื่นอัยการ แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง และ 5.ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกตัดสินไม่ผิดคดีทุจริตที่ ป.ป.ช.ส่งนั้น ผู้แจ้งเบาะแส พยานนั้นได้รับความคุ้มครองหรือไม่

นายณัฏฐ์ชนนกล่าวต่อว่า กรณีถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบ บุคคลที่ถูกร้องจะมีผลกระทบต่อการเลื่อนขั้น รวมถึงมีผลทางการเมืองที่ สส.ไม่สามารถได้เป็นรัฐมนตรีเพราะถูก ป.ป.ช.สอบ  นักการเมืองที่มีมลทินจะไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะเขาไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายใดๆ ถูกลิดรอนสิทธิ ดังนั้น กมธ.วิสามัญที่ตั้งขึ้น ควรให้ความเป็นธรรมผู้แจ้งเบาะแส ผู้กล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหา หน่วยงานของรัฐที่เสียหาย และหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบด้วย

ขณะที่ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอโดยนายวิโรจน์  เนื่องจากขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 199 ที่กำหนดให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาของทหาร ทั้งนี้ คดีทุจริตถือเป็นคดีอาญาประเภทหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วศาลทหารใช้ระบบไต่สวนตั้งแต่ พ.ศ.2559 พร้อมกับศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ได้ประสานการปฏิบัติมาตั้งแต่ต้น และเริ่มพร้อมกัน ทั้งนี้ ศาลทหารได้พัฒนาบุคลากรตั้งแต่การอบรมและการศึกษา รวมถึงพัฒนาเครื่องมือมีความพร้อม

หลังสมาชิกรัฐสภาอภิปรายเสร็จสิ้น นายวันมูหะมัดนอร์ให้ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการหรือไม่รับหลักการทีละฉบับ โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับ ครม.เป็นผู้เสนอ เห็นด้วย 493 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนนไม่มี ถือว่าที่ประชุมรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 35 คน แปรญัตติ 15 วัน จากนั้นลงมติร่าง พ.ร.บ.ฉบับนายวิโรจน์ เห็นด้วย 354 เสียง ไม่เห็นด้วย 129 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง จึงถือว่าที่ประชุมเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยใช้ กมธ.ชุดเดียวกับฉบับ ครม.เสนอ โดยใช้ร่างของ ครม.เป็นร่างหลัก

ก่อนปิดประชุม นายวันมูหะมัดนอร์ได้แจ้งว่า  จะประชุมรัฐสภาอีกครั้งเพื่อพิจารณาวาระเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บรรจุระเบียบวาระไปแล้ว  โดยจะมีการประชุมในวันที่ 14-15 ม.ค.2568.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดักคอ‘ชิตตู’กุมความลับไทยเทา

เงื้อค้างหมายจับ “ชิตตู” เลื่อนพิจารณาไป 17 ก.พ. “โรม” ดักคอเป็นผู้กุมความลับโยงไทยเทา ตั้งข้อสังเกตรอให้ถ่ายเททรัพย์สินออกไปหมดหรือไม่