"สรวงศ์" อ้าง "กาสิโน" แค่ส่วนเล็ก แทบไม่มีตัวตน ย้ำ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับท่องเที่ยวไทยสู่เวทีโลก นักวิชาการจับพิรุธเร่งรีบผิดสังเกต ลุยทำพร้อมกันถึง 10 แห่ง โกย 10 ล้านหาทุนเลือกตั้ง แห่ลงชื่อ "ไม่เอากาสิโน" ทะลุครึ่งแสน! เอ็นจีโอชี้หลุมดำ ให้อำนาจล้นฟ้า "ซูเปอร์บอร์ด" ตีเช็คเปล่าออกใบอนุญาตให้ใครก็ได้
เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..... หรือร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการ วันที่ 13 ม.ค.67 ว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยตอบสนองความต้องการสถานที่จัดงานระดับโลก และสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม
ส่วนข้อกังวลที่มองว่าโครงการนี้อาจนำไปสู่การฟอกเงินนั้น รัฐบาลได้กำหนดหลักเกณฑ์การควบคุมไว้อย่างรัดกุม มีองค์กรกลางที่ทำหน้าที่กำกับดูแลโดยเฉพาะ และจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การขับเคลื่อนนี้เป็นการนำสิ่งที่เคยอยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน ขอให้ประชาชนไว้วางใจ เราไม่ได้ผ่านกฎหมายเพื่อเปิดกาสิโน แต่เป็นการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรที่มีองค์ประกอบหลากหลาย โดยกาสิโนเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ซึ่งแทบไม่มีตัวตนในโครงการนี้
รมว.การท่องเที่ยวฯ อธิบายว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ เพื่อตอบโจทย์การจัดงานระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต งานกีฬา หรือเวิลด์คลาสอีเวนต์ที่ประเทศไทยยังไม่มีโครงสร้างรองรับ สิ่งที่รัฐทำไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เอกชนสามารถทำได้ เราจึงต้องเดินหน้าโครงการนี้เพื่อสร้างจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบใหม่ ทั้งนี้ ปัจจุบันการท่องเที่ยวของไทยยังพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวเดิม เช่น โบราณสถานและธรรมชาติ ซึ่งถูกทำลายลงทุกวัน การสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะช่วยเสริมศักยภาพให้ไทยสามารถแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวโลก เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนหลังการเปิดตัวสถานบันเทิงครบวงจร
จากการคาดการณ์เบื้องต้น โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะสามารถดึงดูดการลงทุนมากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อโครงการ และสร้างรายได้ให้ประเทศไทยประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดค่าใบอนุญาตไว้ที่ 5,000 ล้านบาทต่อสัมปทาน และค่าธรรมเนียมรายปีอีก 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของภาครัฐ ทั้งนี้ โครงการยังสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ถึง 5-20% และเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวจาก 40,000 บาท เป็น 60,000 บาทต่อคนต่อทริป
“เราไม่ได้มองเพียงแค่จำนวนของนักท่องเที่ยว แต่เราต้องการนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง หากเราขับเคลื่อนแหล่งท่องเที่ยวเดิมควบคู่กับแหล่งใหม่ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ทั้งเศรษฐกิจ การจ้างงาน และภาพลักษณ์ที่ยกระดับขึ้นสู่มาตรฐานโลก โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จึงถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย ที่พร้อมจะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระยะยาว" นายสรวงศ์ระบุ
อ้างกาสิโนล้อมไทย
ด้านนายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องยอมรับความจริงเกี่ยวกับการบริหารจัดการการพนันในบริบทที่เหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย ประเทศไทยถูกล้อมรอบด้วยกาสิโนที่ถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเมียนมา ที่มี 14 แห่ง, กัมพูชา 21 แห่ง, ลาว 4 แห่ง, มาเลเซีย 1 แห่ง รวมถึงสิงคโปร์อีก 2 แห่ง โดยเงินจำนวนมหาศาลของคนไทยไหลออกนอกประเทศทุกปี ขณะเดียวกันประเทศไทยยังปล่อยให้มีบ่อนเถื่อนเล็กๆ ในพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่มีการควบคุมดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ
"วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดบนโต๊ะ และทำให้ถูกต้อง มากกว่าการมองแค่ว่าเป็นเรื่องมอมเมาประชาชน เราต้องยอมรับว่ากาสิโนคือโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องปิดตาไม่มอง อย่างกรณีของลาสเวกัส ในสหรัฐอเมริกา ที่สามารถเปลี่ยนพื้นที่ทะเลทรายให้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่" นายอัครนันท์กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม การผลักดันโครงการนี้จะต้องมาพร้อมกับมาตรการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อป้องกันปัญหาสังคม
ขณะที่ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ออกบทความเรื่อง "กาสิโนใต้เงามืด" ระบุว่า กาสิโนเฉกเช่นเดียวกับสรรพสิ่งในโลกนี้ ที่มีทั้งด้านที่เป็นประโยชน์และด้านที่เป็นโทษต่อสังคม ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม กาสิโนอาจช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศได้ ในทางตรงกันข้าม ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม หากนำมาใช้ สามารถทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้ล่มจมได้เช่นเดียวกัน หากกาสิโนเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขของระบบการเมืองและระบบราชการที่ขาดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง นักการเมืองมุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากกาสิโนให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง กาสิโนสามารถจะแสดงบทบาทด้านลบออกมาได้เช่นเดียวกัน ดังที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศอาเซียนรอบๆ ประเทศไทย
หากรัฐบาลยึดถือหลักคุณธรรมทางด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการแสดงออก และการกระทำว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้นเป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส เชื่อถือได้ ดังนั้น ประการแรก หากรัฐบาลต้องการทำกาสิโนหรือการพนันที่ถูกกฎหมาย รัฐบาลควรออกเป็น "พระราชบัญญัติกาสิโน" ไม่ใช่ "พระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร" เพราะการกระทำดังกล่าวของรัฐบาล เป็นการบิดเบือนและซ่อนเร้นความต้องการที่แท้จริงของรัฐบาลเอาไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะกล่าวอ้างว่าพื้นที่ของสถานกาสิโนมีไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่ความเป็นจริงแล้วกาสิโนเป็นที่มาของรายได้ราว 70% ของรายได้ทั้งหมดของสถานบันเทิงครบวงจร กิจกรรมบันเทิงอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมด ที่ใช้พื้นที่ราว 95% สามารถสร้างรายได้ราว 30% เท่านั้น
ประการที่สอง การกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีนักการเมืองเป็นกรรมการอีกจำนวนหนึ่ง มีอำนาจการออกใบอนุญาตใบละหนึ่งหมื่นล้านบาท จำนวนอย่างน้อย 10 แห่ง และกฎหมายยังเปิดช่องให้ออกใบอนุญาตได้มากกว่านั้นอีกในอนาคต การให้อำนาจในการใช้ดุลยพินิจอย่างเลยเถิดโดยขาดหลักธรรมาภิบาล ในกรณีนี้จะสร้างปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองให้กับประเทศไทย เป็นอย่างมากในอนาคต
โกยแสนล้านทุนเลือกตั้ง
การกำหนดให้เงินรายได้จากการขายใบอนุญาตกาสิโน ซึ่งคาดว่าจะมีอย่างน้อยที่สุด 100,000 ล้านบาท เข้าไปที่กองทุนของสถานบันเทิงครบวงจร อาจทำให้การใช้จ่ายเงินของกองทุนนี้เป็นไปโดยไม่สุจริต และถูกนำไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเมือง กลายเป็นแหล่งเงินทุนของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทำให้ระบบการเมืองและราชการเสื่อมทรามเลวร้ายลงมากกว่าเดิม สิงคโปร์แก้ปัญหาภาพรวมของการพนันโดยการตั้งคณะกรรมการการพนันระดับชาติ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลปัญหาในภาพรวมของประเทศ แต่คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้องเลย ซึ่งแตกต่างจากคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงวงจรของไทย" รศ.ดร.สังศิต ระบุ
ประการที่สาม การกำหนดให้มีสถานบันเทิงครบวงจรถึง 10 แห่งทั่วทุกภาคของประเทศ น่าจะมีจำนวนมากจนเกินไป จนเกินกว่าศักยภาพของหน่วยงานภาครัฐจะบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบการฟอกเงินจากยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการคอร์รัปชันในสถานกาสิโนได้ หากภาครัฐไม่สามารถตรวจสอบและควบคุมเงินผิดกฎหมายในกาสิโนทั้ง 10 แห่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กาสิโนจะเป็นตัวทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างร้ายแรงที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศจนยากที่จะแก้ไขได้
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลกำลังจะอนุญาตเปิดให้มีการเล่นการพนันทางออนไลน์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลควรตระหนักถึงเยาวชนของชาติในอนาคตที่จะถูกดึงเข้าสู่ตลาดการพนันได้ง่าย การที่ภาครัฐยังไม่มีการปฏิรูประบบการทำงาน ของหน่วยงานการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้ให้มีความโปร่งใสและสุจริต รัฐบาลจะสามารถให้ความมั่นใจแก่สังคมได้อย่างไรว่า จะไม่ให้มีเงินสีเทาหรือเงินสีดำเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดการพนันออนไลน์
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ขณะนี้มีเสียงคัดค้านต่อ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรจากทุกทิศทุกทาง ส่วนใหญ่ที่คัดค้านไม่ใช่เพียงเพราะไม่ชอบการพนัน แต่เป็นเพราะพฤติกรรมของรัฐบาลในเรื่องนี้ เป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ ดังนั้นหากจะทำให้คนส่วนใหญ่หยุดการคัดค้าน รัฐบาลจะต้องมีคำตอบให้คำถามต่อไปนี้ให้เป็นที่น่าพอใจก่อน
1.เพราะเหตุใดรัฐบาลจึงต้องออกกฎหมายพิเศษเป็นการเฉพาะสำหรับสถานบันเทิงครบวงจร ในขณะที่สามารถแก้กฎหมายว่าด้วยการพนันเดิม ที่มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2478 เพื่อเอื้อให้จัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรได้ ดังเช่นที่มีการอนุญาตให้มีการพนันกันได้ในสนามมวย สนามม้า สนามชนไก่ เป็นต้น 2.เพราะเหตุใด ใน พ.ร.บ.จึงกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร และจัดตั้งสำนักงานซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกออกเป็นเอกเทศ และดูเหมือนจะมีอำนาจในการออกใบอนุญาตจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรด้วย เพราะเหตุใดจึงไม่ให้กระบวนการออกใบอนุญาต และกำกับดูแลสถานบันเทิงครบวงจร เป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่มีอยู่แล้ว
3.แทนที่จะออกใบอนุญาตให้เอกชน เพราะเหตุใดจึงไม่จัดตั้งรัฐวิสาหกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชันในการออกใบอนุญาตจัดตั้ง 4.เพราะเหตุใดจึงให้จัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรถึง 10 แห่งทั่วภูมิภาคพร้อมๆ กัน แทนที่จะเริ่มด้วยการจัดตั้งเพียงแห่งเดียวเพื่อเป็นการนำร่องก่อน 5.เพราะเหตุใดจึงไม่เลือกสถานที่ตั้งในเมืองรองที่ยังไม่เจริญ แต่ไปเลือกสถานที่ตั้งในเมืองใหญ่ที่มีสถานบันเทิงอื่นๆ นอกจากบ่อนกาสิโนครบอยู่แล้ว 6.เพราะเหตุใดจึงไม่มีการศึกษาโดยละเอียดว่า การจัดตั้งสถานบันเทิงหรือสถานกาสิโนครบวงจร ว่าจะทำให้บ่อนกาสิโนเถื่อนที่มีอยู่ทั่วไปต้องหมดไป หรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ 7.เพราะเหตุใดจึงไม่มีการศึกษาก่อนร่าง พ.ร.บ.ว่า กาสิโนจะมีผลกระทบทางลบต่อสังคมมากจนไม่คุ้มค่าหรือไม่ 8.เพราะเหตุใดจึงกล้าออกกฎหมายลูกอย่างมีเงื่อนงำและไม่มีปี่มีขลุ่ยให้การพนันออนไลน์เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย
พฤติกรรมทั้ง 8 ข้อ ทำให้น่าสงสัยว่า การรีบผลักดันเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรอย่างผิดสังเกต และจะทำพร้อมๆ กันถึง 10 แห่ง จึงน่าจะไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง แต่มีผลประโยชน์ของบุคคลและของพรรคการเมืองเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ประหนึ่งจะกลัวว่าจะพ้นจากอำนาจก่อนได้ทำ หากรัฐบาลตอบคำถามทั้ง 8 ข้อนี้ไม่ได้ และยังเดินหน้า พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และกฎหมายลูกอีก 24 ฉบับ และยังผลักดัน MOU 44 ต่อไปโดยไม่ฟังใคร จุดจบของรัฐบาลชุดนี้จะมาถึงอีกไม่นาน
ไม่เอาบ่อนทะลุครึ่งแสน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจของมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวคัดค้านการเปิดกาสิโน หลังจากมีการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้านนโยบายการเปิดกาสิโนผ่านช่องทางในเพจของมูลนิธิฯ ล่าสุดระบุว่า “เสียงคนไทยไม่เอากาสิโน 4 วัน ยอดพุ่งทะลุ 50,000 รายชื่อ #เราไม่เอากาสิโน”
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เผยว่า ที่ผ่านมา มีการสำรวจที่เป็นงานวิชาการที่น่าเชื่อถือของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน สำรวจมาห้าครั้งในรอบสิบปีที่ผ่านมา กับคำถามที่ว่า "เห็นด้วยหรือไม่ที่ประเทศไทยจะมีกาสิโนถูกกฎหมาย" พบว่าเกินกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ในการสำรวจทุกครั้งในรอบสิบปีที่ผ่านมาไม่เห็นด้วย จะมีคนไทยอยู่ประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่เกินสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมาย มีกลางๆ ประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ที่ตอบว่าไม่แน่ใจ เป็นการบอกแล้วว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้มีการเปิดกาสิโน
“ถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรออกมาช่วยกันส่งเสียงว่าไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโน ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ ภาคประชาสังคมได้ชวนประชาชนให้ร่วมกันลงชื่อ ก็อยากให้มาร่วมกันลงชื่อให้ได้มากที่สุดในช่วงนี้ 3-4 เดือน ที่เราพอมีเวลาส่งเสียงไปถึงรัฐบาลและรัฐสภา” นายธนากรระบุ
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ในร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีหลายจุดที่น่าเป็นห่วง โดยเรื่องหนึ่งคือ ความไม่มีธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ เหมือนกับการตีเช็คเปล่าให้กับคณะบุคคล หรือคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่เรียกกันว่า Super Board เพราะเป็นผู้กำหนดทิศทางทั้งหมด เช่น จะให้เปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่ใดบ้าง แล้วจุดที่เปิด จะให้มีขนาดใหญ่หรือเล็กแค่ไหน รวมถึงจะให้ใครได้รับใบอนุญาต ซึ่งกฎหมายไม่ได้เขียนให้ใช้ระบบประมูล แต่ให้ใช้ระบบใบอนุญาต จึงเป็นการให้อำนาจไว้กับ Super Board เยอะมาก ใช้อำนาจได้เต็มที่ว่าจะชี้เป็นชี้ตายสถานบันเทิงครบวงจรให้ออกมาเป็นอย่างไร
แม้กระทั่งเรื่องอัตราภาษี ในกฎหมายไม่ได้มีการเขียนไว้อย่างชัดเจน แต่ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ Super Board จะเป็นผู้เสนอแนะให้แก่รัฐบาล คณะรัฐมนตรี ซึ่งประธานในที่ประชุมที่นั่งหัวโต๊ะของ Super Board กับคณะรัฐมนตรี คือนายกรัฐมนตรี ทำให้ Super Board เหมือนกับเป็น ครม.ชุดเล็ก ที่จะเสนอความเห็นต่อ ครม.ชุดใหญ่ ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนเลยว่าประเทศชาติจะได้ประโยชน์จากเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรแค่ไหน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขีดเส้น15ปีล่าตัว‘หมอบุญ’
อัยการคดีพิเศษยื่นฟ้องลูก-เมียหมอบุญ กับพวกรวม 13 คน ผิดเเชร์ลูกโซ่-ฉ้อโกง
ล่มอีก!รื้อรธน.ค้าง พท.รับจงใจหวังรักษาญัตติ/ปชน.ชงยุบสภาให้ปชช.ตัดสิน
สภาล่มซ้ำสอง! แก้ รธน.ไม่ถึงฝั่ง "ชลน่าน" ชิงนับองค์ประชุม "สส.-สว." มาแค่ 175 คน
อนุทินฉุนซัดหน้าตัวเมีย คุ้ยสนามกอล์ฟปากช่อง
“เสี่ยหนู” เดือดซัดหน้าตัวเมีย การเมือง 500 ล้านเปอร์เซ็นต์คุ้ยสนามกอล์ฟครอบครัวที่ปากช่อง
‘อิ๊งค์’ปลื้มซีลชายแดน
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกฝ่ายมั่นคง-ผู้นำเหล่าทัพ ขอบคุณร่วมแก้ปัญหาทุกมิติ
ดักคอ‘ชิตตู’กุมความลับไทยเทา
เงื้อค้างหมายจับ “ชิตตู” เลื่อนพิจารณาไป 17 ก.พ. “โรม” ดักคอเป็นผู้กุมความลับโยงไทยเทา ตั้งข้อสังเกตรอให้ถ่ายเททรัพย์สินออกไปหมดหรือไม่
สีน้ำเงินคว่ำแก้รธน. สกัดส่งตีความ-วอล์กเอาต์สภาล่ม!ประธานฯนัดถกใหม่14กพ.
สภาล่ม! ถกแก้รัฐธรรมนูญสะดุด "สส.-สว." วอล์กเอาต์ องค์ประชุมไม่ครบเหลือแค่ 204 คน