ตีเช็คเปล่าให้ซูเปอร์บอร์ดบ่อน

"สรวงศ์" อ้าง "กาสิโน" แค่ส่วนเล็ก  แทบไม่มีตัวตน ย้ำ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับท่องเที่ยวไทยสู่เวทีโลก นักวิชาการจับพิรุธเร่งรีบผิดสังเกต ลุยทำพร้อมกันถึง 10 แห่ง โกย 10 ล้านหาทุนเลือกตั้ง แห่ลงชื่อ "ไม่เอากาสิโน"  ทะลุครึ่งแสน! เอ็นจีโอชี้หลุมดำ ให้อำนาจล้นฟ้า  "ซูเปอร์บอร์ด" ตีเช็คเปล่าออกใบอนุญาตให้ใครก็ได้

เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..... หรือร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์  ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการ วันที่ 13 ม.ค.67 ว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยตอบสนองความต้องการสถานที่จัดงานระดับโลก และสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม

ส่วนข้อกังวลที่มองว่าโครงการนี้อาจนำไปสู่การฟอกเงินนั้น รัฐบาลได้กำหนดหลักเกณฑ์การควบคุมไว้อย่างรัดกุม มีองค์กรกลางที่ทำหน้าที่กำกับดูแลโดยเฉพาะ และจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การขับเคลื่อนนี้เป็นการนำสิ่งที่เคยอยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน ขอให้ประชาชนไว้วางใจ เราไม่ได้ผ่านกฎหมายเพื่อเปิดกาสิโน  แต่เป็นการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรที่มีองค์ประกอบหลากหลาย โดยกาสิโนเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ซึ่งแทบไม่มีตัวตนในโครงการนี้

รมว.การท่องเที่ยวฯ อธิบายว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ เพื่อตอบโจทย์การจัดงานระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต งานกีฬา หรือเวิลด์คลาสอีเวนต์ที่ประเทศไทยยังไม่มีโครงสร้างรองรับ  สิ่งที่รัฐทำไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เอกชนสามารถทำได้ เราจึงต้องเดินหน้าโครงการนี้เพื่อสร้างจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบใหม่ ทั้งนี้ ปัจจุบันการท่องเที่ยวของไทยยังพึ่งพาแหล่งท่องเที่ยวเดิม เช่น โบราณสถานและธรรมชาติ ซึ่งถูกทำลายลงทุกวัน การสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะช่วยเสริมศักยภาพให้ไทยสามารถแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวโลก เช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนหลังการเปิดตัวสถานบันเทิงครบวงจร

 จากการคาดการณ์เบื้องต้น โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะสามารถดึงดูดการลงทุนมากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อโครงการ และสร้างรายได้ให้ประเทศไทยประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดค่าใบอนุญาตไว้ที่ 5,000 ล้านบาทต่อสัมปทาน และค่าธรรมเนียมรายปีอีก 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของภาครัฐ ทั้งนี้ โครงการยังสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ถึง 5-20% และเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวจาก 40,000 บาท เป็น 60,000 บาทต่อคนต่อทริป

 “เราไม่ได้มองเพียงแค่จำนวนของนักท่องเที่ยว แต่เราต้องการนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง หากเราขับเคลื่อนแหล่งท่องเที่ยวเดิมควบคู่กับแหล่งใหม่ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ทั้งเศรษฐกิจ การจ้างงาน และภาพลักษณ์ที่ยกระดับขึ้นสู่มาตรฐานโลก โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จึงถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย ที่พร้อมจะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในระยะยาว" นายสรวงศ์ระบุ

อ้างกาสิโนล้อมไทย

ด้านนายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องยอมรับความจริงเกี่ยวกับการบริหารจัดการการพนันในบริบทที่เหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย ประเทศไทยถูกล้อมรอบด้วยกาสิโนที่ถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเมียนมา ที่มี 14 แห่ง, กัมพูชา 21 แห่ง, ลาว 4 แห่ง, มาเลเซีย 1 แห่ง รวมถึงสิงคโปร์อีก 2 แห่ง โดยเงินจำนวนมหาศาลของคนไทยไหลออกนอกประเทศทุกปี ขณะเดียวกันประเทศไทยยังปล่อยให้มีบ่อนเถื่อนเล็กๆ ในพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่มีการควบคุมดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ

"วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดบนโต๊ะ และทำให้ถูกต้อง มากกว่าการมองแค่ว่าเป็นเรื่องมอมเมาประชาชน เราต้องยอมรับว่ากาสิโนคือโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องปิดตาไม่มอง อย่างกรณีของลาสเวกัส ในสหรัฐอเมริกา  ที่สามารถเปลี่ยนพื้นที่ทะเลทรายให้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่" นายอัครนันท์กล่าว  และว่า อย่างไรก็ตาม การผลักดันโครงการนี้จะต้องมาพร้อมกับมาตรการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อป้องกันปัญหาสังคม

ขณะที่ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ออกบทความเรื่อง "กาสิโนใต้เงามืด" ระบุว่า กาสิโนเฉกเช่นเดียวกับสรรพสิ่งในโลกนี้ ที่มีทั้งด้านที่เป็นประโยชน์และด้านที่เป็นโทษต่อสังคม ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม กาสิโนอาจช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศได้ ในทางตรงกันข้าม ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม หากนำมาใช้ สามารถทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้ล่มจมได้เช่นเดียวกัน หากกาสิโนเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขของระบบการเมืองและระบบราชการที่ขาดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง นักการเมืองมุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากกาสิโนให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง กาสิโนสามารถจะแสดงบทบาทด้านลบออกมาได้เช่นเดียวกัน ดังที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศอาเซียนรอบๆ ประเทศไทย

หากรัฐบาลยึดถือหลักคุณธรรมทางด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการแสดงออก และการกระทำว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้นเป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส เชื่อถือได้ ดังนั้น ประการแรก หากรัฐบาลต้องการทำกาสิโนหรือการพนันที่ถูกกฎหมาย รัฐบาลควรออกเป็น "พระราชบัญญัติกาสิโน" ไม่ใช่ "พระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร" เพราะการกระทำดังกล่าวของรัฐบาล เป็นการบิดเบือนและซ่อนเร้นความต้องการที่แท้จริงของรัฐบาลเอาไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะกล่าวอ้างว่าพื้นที่ของสถานกาสิโนมีไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่ความเป็นจริงแล้วกาสิโนเป็นที่มาของรายได้ราว 70% ของรายได้ทั้งหมดของสถานบันเทิงครบวงจร กิจกรรมบันเทิงอื่นๆ ที่เหลือทั้งหมด ที่ใช้พื้นที่ราว 95% สามารถสร้างรายได้ราว 30% เท่านั้น

ประการที่สอง การกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีนักการเมืองเป็นกรรมการอีกจำนวนหนึ่ง มีอำนาจการออกใบอนุญาตใบละหนึ่งหมื่นล้านบาท จำนวนอย่างน้อย 10 แห่ง และกฎหมายยังเปิดช่องให้ออกใบอนุญาตได้มากกว่านั้นอีกในอนาคต การให้อำนาจในการใช้ดุลยพินิจอย่างเลยเถิดโดยขาดหลักธรรมาภิบาล ในกรณีนี้จะสร้างปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองให้กับประเทศไทย เป็นอย่างมากในอนาคต

โกยแสนล้านทุนเลือกตั้ง

การกำหนดให้เงินรายได้จากการขายใบอนุญาตกาสิโน ซึ่งคาดว่าจะมีอย่างน้อยที่สุด 100,000 ล้านบาท เข้าไปที่กองทุนของสถานบันเทิงครบวงจร อาจทำให้การใช้จ่ายเงินของกองทุนนี้เป็นไปโดยไม่สุจริต และถูกนำไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเมือง กลายเป็นแหล่งเงินทุนของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทำให้ระบบการเมืองและราชการเสื่อมทรามเลวร้ายลงมากกว่าเดิม สิงคโปร์แก้ปัญหาภาพรวมของการพนันโดยการตั้งคณะกรรมการการพนันระดับชาติ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลปัญหาในภาพรวมของประเทศ แต่คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้องเลย ซึ่งแตกต่างจากคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงวงจรของไทย" รศ.ดร.สังศิต ระบุ

ประการที่สาม การกำหนดให้มีสถานบันเทิงครบวงจรถึง 10 แห่งทั่วทุกภาคของประเทศ น่าจะมีจำนวนมากจนเกินไป จนเกินกว่าศักยภาพของหน่วยงานภาครัฐจะบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบการฟอกเงินจากยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการคอร์รัปชันในสถานกาสิโนได้ หากภาครัฐไม่สามารถตรวจสอบและควบคุมเงินผิดกฎหมายในกาสิโนทั้ง 10 แห่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กาสิโนจะเป็นตัวทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างร้ายแรงที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศจนยากที่จะแก้ไขได้

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลกำลังจะอนุญาตเปิดให้มีการเล่นการพนันทางออนไลน์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลควรตระหนักถึงเยาวชนของชาติในอนาคตที่จะถูกดึงเข้าสู่ตลาดการพนันได้ง่าย การที่ภาครัฐยังไม่มีการปฏิรูประบบการทำงาน ของหน่วยงานการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้ให้มีความโปร่งใสและสุจริต รัฐบาลจะสามารถให้ความมั่นใจแก่สังคมได้อย่างไรว่า จะไม่ให้มีเงินสีเทาหรือเงินสีดำเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดการพนันออนไลน์

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ขณะนี้มีเสียงคัดค้านต่อ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรจากทุกทิศทุกทาง ส่วนใหญ่ที่คัดค้านไม่ใช่เพียงเพราะไม่ชอบการพนัน แต่เป็นเพราะพฤติกรรมของรัฐบาลในเรื่องนี้ เป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ  ดังนั้นหากจะทำให้คนส่วนใหญ่หยุดการคัดค้าน  รัฐบาลจะต้องมีคำตอบให้คำถามต่อไปนี้ให้เป็นที่น่าพอใจก่อน

1.เพราะเหตุใดรัฐบาลจึงต้องออกกฎหมายพิเศษเป็นการเฉพาะสำหรับสถานบันเทิงครบวงจร ในขณะที่สามารถแก้กฎหมายว่าด้วยการพนันเดิม ที่มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2478 เพื่อเอื้อให้จัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรได้ ดังเช่นที่มีการอนุญาตให้มีการพนันกันได้ในสนามมวย สนามม้า สนามชนไก่ เป็นต้น 2.เพราะเหตุใด ใน พ.ร.บ.จึงกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร และจัดตั้งสำนักงานซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกออกเป็นเอกเทศ และดูเหมือนจะมีอำนาจในการออกใบอนุญาตจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรด้วย เพราะเหตุใดจึงไม่ให้กระบวนการออกใบอนุญาต และกำกับดูแลสถานบันเทิงครบวงจร เป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่มีอยู่แล้ว

3.แทนที่จะออกใบอนุญาตให้เอกชน เพราะเหตุใดจึงไม่จัดตั้งรัฐวิสาหกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชันในการออกใบอนุญาตจัดตั้ง 4.เพราะเหตุใดจึงให้จัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรถึง 10 แห่งทั่วภูมิภาคพร้อมๆ กัน แทนที่จะเริ่มด้วยการจัดตั้งเพียงแห่งเดียวเพื่อเป็นการนำร่องก่อน 5.เพราะเหตุใดจึงไม่เลือกสถานที่ตั้งในเมืองรองที่ยังไม่เจริญ แต่ไปเลือกสถานที่ตั้งในเมืองใหญ่ที่มีสถานบันเทิงอื่นๆ นอกจากบ่อนกาสิโนครบอยู่แล้ว 6.เพราะเหตุใดจึงไม่มีการศึกษาโดยละเอียดว่า การจัดตั้งสถานบันเทิงหรือสถานกาสิโนครบวงจร ว่าจะทำให้บ่อนกาสิโนเถื่อนที่มีอยู่ทั่วไปต้องหมดไป หรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ 7.เพราะเหตุใดจึงไม่มีการศึกษาก่อนร่าง พ.ร.บ.ว่า กาสิโนจะมีผลกระทบทางลบต่อสังคมมากจนไม่คุ้มค่าหรือไม่ 8.เพราะเหตุใดจึงกล้าออกกฎหมายลูกอย่างมีเงื่อนงำและไม่มีปี่มีขลุ่ยให้การพนันออนไลน์เป็นธุรกิจถูกกฎหมาย

พฤติกรรมทั้ง 8 ข้อ ทำให้น่าสงสัยว่า การรีบผลักดันเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรอย่างผิดสังเกต และจะทำพร้อมๆ กันถึง 10 แห่ง จึงน่าจะไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง แต่มีผลประโยชน์ของบุคคลและของพรรคการเมืองเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ประหนึ่งจะกลัวว่าจะพ้นจากอำนาจก่อนได้ทำ หากรัฐบาลตอบคำถามทั้ง 8 ข้อนี้ไม่ได้ และยังเดินหน้า พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และกฎหมายลูกอีก 24 ฉบับ และยังผลักดัน MOU 44 ต่อไปโดยไม่ฟังใคร จุดจบของรัฐบาลชุดนี้จะมาถึงอีกไม่นาน

ไม่เอาบ่อนทะลุครึ่งแสน

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจของมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวคัดค้านการเปิดกาสิโน หลังจากมีการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อคัดค้านนโยบายการเปิดกาสิโนผ่านช่องทางในเพจของมูลนิธิฯ ล่าสุดระบุว่า “เสียงคนไทยไม่เอากาสิโน 4 วัน ยอดพุ่งทะลุ 50,000 รายชื่อ #เราไม่เอากาสิโน”

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เผยว่า ที่ผ่านมา มีการสำรวจที่เป็นงานวิชาการที่น่าเชื่อถือของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน สำรวจมาห้าครั้งในรอบสิบปีที่ผ่านมา  กับคำถามที่ว่า "เห็นด้วยหรือไม่ที่ประเทศไทยจะมีกาสิโนถูกกฎหมาย" พบว่าเกินกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ในการสำรวจทุกครั้งในรอบสิบปีที่ผ่านมาไม่เห็นด้วย จะมีคนไทยอยู่ประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่เกินสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมาย มีกลางๆ ประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ที่ตอบว่าไม่แน่ใจ เป็นการบอกแล้วว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้มีการเปิดกาสิโน

 “ถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรออกมาช่วยกันส่งเสียงว่าไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโน ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ ภาคประชาสังคมได้ชวนประชาชนให้ร่วมกันลงชื่อ ก็อยากให้มาร่วมกันลงชื่อให้ได้มากที่สุดในช่วงนี้ 3-4 เดือน ที่เราพอมีเวลาส่งเสียงไปถึงรัฐบาลและรัฐสภา” นายธนากรระบุ

เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ในร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีหลายจุดที่น่าเป็นห่วง โดยเรื่องหนึ่งคือ ความไม่มีธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ เหมือนกับการตีเช็คเปล่าให้กับคณะบุคคล หรือคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่เรียกกันว่า Super Board เพราะเป็นผู้กำหนดทิศทางทั้งหมด เช่น จะให้เปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่ใดบ้าง แล้วจุดที่เปิด จะให้มีขนาดใหญ่หรือเล็กแค่ไหน รวมถึงจะให้ใครได้รับใบอนุญาต ซึ่งกฎหมายไม่ได้เขียนให้ใช้ระบบประมูล แต่ให้ใช้ระบบใบอนุญาต จึงเป็นการให้อำนาจไว้กับ Super Board เยอะมาก ใช้อำนาจได้เต็มที่ว่าจะชี้เป็นชี้ตายสถานบันเทิงครบวงจรให้ออกมาเป็นอย่างไร

แม้กระทั่งเรื่องอัตราภาษี ในกฎหมายไม่ได้มีการเขียนไว้อย่างชัดเจน แต่ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ Super Board จะเป็นผู้เสนอแนะให้แก่รัฐบาล คณะรัฐมนตรี ซึ่งประธานในที่ประชุมที่นั่งหัวโต๊ะของ Super Board กับคณะรัฐมนตรี คือนายกรัฐมนตรี ทำให้ Super Board เหมือนกับเป็น ครม.ชุดเล็ก ที่จะเสนอความเห็นต่อ ครม.ชุดใหญ่ ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนเลยว่าประเทศชาติจะได้ประโยชน์จากเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรแค่ไหน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดักคอ‘ชิตตู’กุมความลับไทยเทา

เงื้อค้างหมายจับ “ชิตตู” เลื่อนพิจารณาไป 17 ก.พ. “โรม” ดักคอเป็นผู้กุมความลับโยงไทยเทา ตั้งข้อสังเกตรอให้ถ่ายเททรัพย์สินออกไปหมดหรือไม่