พิชัยรับคนเบื่อเข้ากาสิโน สธ.ให้ผับอยู่ใกล้วัด-รร.ได้

"รมว.คลัง" กินยาผิด! แบ่งรับแบ่งสู้นโยบายขายเหล้าทุกวัน ดื่มมากไปไม่ดี ส่วนกาสิโนเดี๋ยวนี้คนเบื่อที่จะเข้าไปเล่นแล้ว ด้าน "สมศักดิ์" อ้างสถานการณ์เปลี่ยน จ่อให้ผับอยู่ติดวัดติดโรงเรียนได้ เพื่อสร้างรายได้ประเทศ    ชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารขอบคุณรัฐบาล  จีดีพีปีนี้โตแน่ แต่ "ชิดตะวัน" ชี้สุดท้ายภาพลักษณ์ประเทศไทยจะเป็นดินแดนอโคจร

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาหามาตรการในการแก้ไขปัญหาเรื่องการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระหว่างเวลา 14.00-17.00 น. และการห้ามจำหน่ายในวันสำคัญทางพุทธศาสนา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่ออังคารที่ผ่านมาว่า  เชื่อว่าคณะทำงานคงมีการพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเรื่องของการดื่มแอลกอฮอล์เป็นพฤติกรรมส่วนตัว แต่การที่ดื่มเป็นจำนวนมากเกินไปก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี โดยเฉพาะคนไทย แต่หากดื่มแล้วอยู่ในกฎเกณฑ์ก็คิดว่าน่าจะสามารถดำเนินการได้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลัง หากดูในภาพรวมแล้ว และเป็นนโยบายที่มีผลได้มากกว่าเสีย รวมทั้งผลข้างเคียงไม่มี ก็พร้อมสนับสนุน

รมว.การคลังยังปฏิเสธว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันดังกล่าวไม่มีรัฐมนตรีแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เนื่องจากมีวาระพิจารณาหลายเรื่อง จึงไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด

ส่วนนโยบายการทำสถานบันเทิงครบวงจร  หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากสังคมให้ความสนใจในเรื่องนี้ นายพิชัยระบุว่า  เรื่องนี้สามารถมองได้ 2 มุม โดยในประเทศที่ได้ทำสถานบันเทิงครบวงจรแล้ว หากควบคุมได้ไม่ดี และไม่ทำให้ตรงตามเป้าหมาย ก็อาจจะไม่ดี  แต่หากมีการกำกับที่ดี ทำเพื่อเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์จริงๆ เนื่องจากคนสมัยใหม่ยกครอบครัวไปเที่ยว โดยมองจากพฤติกรรมในหลายๆ  ประเทศที่ได้ทำ เช่น 1 ครอบครัวไปเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 7-8 คน แต่จะมีเพียง 1 คนที่เข้าไปเล่นกาสิโน และอีกอย่างเดี๋ยวนี้คนเบื่อที่จะเข้าไปเล่นกาสิโนแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็มุ่งไปที่การมีกาสิโน ซึ่งเป็นจุดหลักที่จะดึงเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รองนายกฯ  ตอบว่า ไม่หรอก คิดว่าอย่างมากเป็นแค่ส่วนประกอบ ซึ่งเดี๋ยวนี้คิดว่าเป็นสถานที่พักผ่อน,  ร้านอาหาร และขายสินค้า เป็นต้น จากนั้นก็ออกไปท่องเที่ยวภายนอก เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่ต้องการมาเที่ยวเพียงสถานที่เดียว

ส่วนมองว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ เพราะเพิ่งเริ่มต้นก็มีคนคัดค้านแล้ว นายพิชัยกล่าวว่า เป็นทุกโครงการที่มีทั้งคนสนับสนุนและคัดค้าน และตนเข้าใจว่า จากการที่ไปสำรวจก็พบว่ามีผู้สนับสนุนมากกว่า

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข  กล่าวว่า เราเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลกฎระเบียบต่างๆ เช่นเรื่องบุหรี่ ที่มีผู้ต้องการห้องสูบบุหรี่ ก็ควรเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่พูดคุยกันโดยที่ไม่ได้ไปดูเหตุการณ์ข้อเท็จจริง เมื่อดูทั้งหมดแล้วก็จะหาข้อสรุปได้ รวมถึงเรื่องแอลกอฮอล์ ที่มีกฎหมายแอลกอฮอล์มาหลายปีแล้ว กำหนดให้สถานบริการต้องอยู่ห่างไกลวัด โรงเรียน 500 เมตร แต่วันนี้สถานการณ์และพื้นที่ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปหมด เนื่องจากบ้านเรือนแออัดขึ้น และสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการสร้างรายได้เข้าประเทศก็คือเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งในสมัยตนเป็น รมว.การท่องเที่ยวฯ มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 2-3 ล้านคน แต่วันนี้เราต้องการนักท่องเที่ยว 30-35 ล้านคน

 “ดังนั้น ถ้าใช้หลักเกณฑ์เดิมในการดำเนินการต่างๆ จะสามารถยึดโยงนักท่องเที่ยวได้หรือไม่ โดยผมขอถามผู้รู้และสื่อมวลชนว่า ถ้าไปเที่ยวโบราณสถาน เช่น นครวัด จะคิดไปซ้ำทุกเดือนทุกปีได้หรือไม่ แต่ถ้าไปเที่ยวเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬา เช่น ฟุตบอล ก็สามารถไปได้ทุกอาทิตย์ ดังนั้นการที่รัฐบาลเน้นการท่องเที่ยวก็ต้องเน้นในเรื่องของอาหารการกิน ซึ่งแอลกอฮอล์ ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไร” นายสมศักดิ์กล่าว

 ขณะที่ นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ขอบคุณนายกฯ ที่รับฟังเงื่อนไขที่ทางชมรมได้เรียกร้องมาตลอดปีหลายปีที่ผ่านมา ในเรื่องของการยกเลิกคำสั่งคณะปฏิวัติ 2515 ที่ไม่ให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. ซึ่งเป็นความล้าที่ทางชมรมได้เรียกร้องมาจนวันนี้ โดยวัตถุประสงค์ของคณะปฏิวัติ 2515 อันนี้ วัตถุประสงค์เดิมที่ประกาศออกมาคือ ไม่ต้องการให้ข้าราชการออกไปนั่งดื่มในเวลางาน ซึ่งใช้กันมา 53 ปี ขณะนี้บริบททางสังคมนั้นเปลี่ยนไปอย่างที่บอก

นายสรเทพกล่าวต่อว่า ทางชมรมได้เรียกร้องไปก่อนหน้านั้นหลายครั้งแล้ว ล่าสุดได้เรียกร้องไปอีกครั้งว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่เปลี่ยนมาเป็นประเทศที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและมีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก รวมถึงเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่อยากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว  บริบทอันนี้ไม่สามารถนำไปใช้กับคำสั่งคณะปฏิวัติ 2515 เรื่องห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร 14.00-17.00 น.อีกต่อไป

"จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มภาคธุรกิจร้านอาหารให้สามารถเติบโต และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง GDP ให้กับประเทศไทยสามารถเติบโตได้ในปีนี้" ประธานชมรมฯ กล่าว  และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ใช้ทัน 1 เมษายน 2568 นี้

รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)  กล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยระบุว่าจะสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน ซึ่งเป็นแหล่งการพนันในทุกภูมิภาคของประเทศ และจะแก้กฎหมายเพื่อให้มีการขายเหล้าได้ทุกวันไม่มีวันหยุด โดยมีเป้าประสงค์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว  ย่อมเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในสายตาของคนทั่วโลกว่าประเทศไทยเป็นดินแดนอโคจร ซึ่งเป็นเรื่องน่าอาย และมีผลเสียต่อประเทศ ทั้งในเชิงการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และการดึงเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่นักลงทุนย่อมมองสภาพแวดล้อมของประเทศที่ปลอดภัย แรงงานมีคุณภาพ มีปัญหาอาชญากรรม และปัญหาทางสังคมต่ำ เป็นสำคัญ อาทิ ผลการศึกษาของกระทรวงการคลังประเทศฟิลิปปินส์พบว่า อาชญากรรมจากการพนันทำให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลงประมาณ 16-26 พันล้านเปโซ

เธอบอกว่า จากการรายงานของสื่อต่างประเทศระบุว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวบางชาติไม่นิยมมาไทย เพราะมองว่าเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัย เช่น ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ในสายตาชาวจีนว่าเป็นดินแดนอันตราย เป็นทางผ่านของการค้ามนุษย์ การมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะโดนลักพาตัว เป็นต้น ซึ่งหากรัฐบาลยังปล่อยปละละเลย ไม่ปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายอย่างจริงจัง อีกทั้งยังผลักดันนโยบายการท่องเที่ยวที่ใช้อบายมุขเป็นธงนำ  ย่อมทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวผีพนันขี้เหล้า เป็นฐานที่มั่นของอาชญากรมาเฟียข้ามชาติและทุนดำทุนเทา ฯลฯ

"นอกจากจะทำให้ประเทศไทยไม่สามารถดึงการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมอื่นๆ  ได้แล้ว ยังส่งผลให้ไม่ใช่ดินแดนยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจด้วย ทั้งหมดนี้ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจประเทศไทยโดยรวม และหายนะเหล่านี้ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้" รศ.ดร.ชิดตะวันกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เก่งกว่านายใหญ่! 'พิชัย' เผยคิดไอเดียซื้อหนี้ธนาคารได้ก่อน 'ทักษิณ' ระบุ มี​ 2-3 แผน​

ที่ทำเนีบรัฐบาล นายพิชัย​ ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงแนวคิดของนายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่อง​ ซื้