โค้งสุดท้ายเลือกซ่อมเดือด ร้องพท.โม้รถไฟฟ้า20บาท

กกต.มั่นใจพร้อม 100%  จัดเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร 30 ม.ค.นี้  เชื่อ ปชช.ตื่นตัวใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่า  60.49% เบื้องต้นคาด 4 ทุ่มรู้ผลคะแนน   ระบุปมร้องหาเสียงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายต้องตรวจสอบอย่างละเอียด “โฆษก พท.” ยัน 20 บาทตลอดสายทำได้จริง อัด “สิระ” ขัดขวางผลประโยชน์ประชาชน โค้งสุดท้ายเลือกตั้งเดือด! “เพื่อไทย” ระดมแกนนำขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ช่วย “สุรชาติ” 28 ม.ค.  “ไตรรงค์” เชียร์ “อรรถวิชช์” มั่นใจคนเลือก ปชป.ยังผูกพัน “หมอวรงค์” ร่อนจม. 2 หมื่นฉบับขอคะแนน

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 27 ม.ค. นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 9 หลักสี่-จตุจักร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ม.ค.นี้ว่า มีความพร้อม 100% โดยได้มีการซักซ้อมทั้งการประมวลผลคะแนนการลงคะแนนที่ถูกต้องชอบธรรมตามระเบียบแบบแผน โดยจะมีการซักซ้อมเน้นย้ำประธานกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งในแต่ละหน่วยเลือกตั้ง เกี่ยวกับข้อพึงระวังเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น และจะมีการซ้อมอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 29 ม.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันที่รับอุปกรณ์ในการเลือกตั้ง

นายสำราญกล่าวว่า ปัจจัยชี้วัดที่จะส่งผลต่อการรวมผลคะแนน นอกจากศักยภาพของเจ้าพนักงานแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าออกมาใช้สิทธิจำนวนมากก็จะใช้ระยะเวลานานขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าถ้าหากจะให้มีการลงคะแนนโดยละเอียดรอบคอบ ถูกต้องและไม่เกิดประเด็นสงสัยน่าจะเป็นช่วงเวลา 22.00 น. เหมือนกับการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ชุมพร หรือสงขลา

 “การตื่นตัวของประชาชนในการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ คาดว่าจะมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากว่างเว้นจากการเลือกตั้งมา 3 ปีแล้ว และอีกประการคือผลจากการเลือกตั้ง 2 จังหวัดภาคใต้ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ใช้สิทธิในกรุงเทพฯ มีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้นระดับหนึ่ง จากครั้งที่แล้วร้อยละ 60.49 แต่ในครั้งนี้คาดว่าไม่ต่ำกว่าเดิม” นายสำราญกล่าว

ถามถึงการร้องเรียนซื้อสิทธิขายเสียง ผอ.กกต.กทม.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี มีแค่เสียงการพูดกันไปจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งเรามีความพร้อมในระดับหนึ่ง มีทั้งหน่วยสอบสวน บก.น.2 ซึ่งประกอบไปด้วยตำรวจ 5 สถานี และเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วที่ กกต.แต่งตั้งไว้ รวมทั้งยังมีผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ฝังตัวอยู่ในพื้นที่มาตลอด หากได้รับแจ้งก็จะไปขยายผลตรงนั้นทันที

ซักถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ อดีตส.ส.กทม.เขต 9 ได้ร้อง กกต.กรณีที่มีผู้สมัครรายหนึ่งได้ขึ้นป้ายนโยบายหาเสียงรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ว่าเข้าข่ายการหาเสียงเกินจริงหรือไม่ นายสำราญ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่านัยความหมายข้อความดังกล่าวนั้นแปลความว่าอย่างไร อาจจะเป็นนโยบายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ส.ส.พึงมีที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือถ้าแปลความอีกอย่าง ก็อาจจะหมิ่นเหม่ได้ ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนต่อไป

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษกพรรค พท. กล่าวถึงเรื่องที่นายสิระร้องว่า อยากให้นายสิระเข้าใจสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้สื่อสารกับประชาชน เรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายที่ได้ประกาศหาเสียงตั้งแต่ปี 2544 สมัยพรรคไทยรักไทย รวมทั้งการเลือกตั้งปี 2550 โดยพรรคพลังประชาชน จนมาถึงการเลือกตั้งในปี 2562 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศหาเสียง ซึ่งยืนยันว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทำได้จริง  เนื่องจากก่อนการประกาศหาเสียงด้วยนโยบายนี้ พรรคได้หารือแนวทางและวิธีการร่วมกันกับหลายหน่วยงานมาอย่างรอบด้าน ทั้งสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กระทรวงคมนาคม  และกระทรวงการคลัง ในการเตรียมความพร้อมทางด้านการคลัง รวมทั้งบริหารและการจัดเก็บรายได้ โดยได้แนวทางร่วมกันว่าหากมีการเพิ่มเส้นทางการเดินรถไปยังเส้นทางอื่นๆ ให้ครอบคลุมประชากรในหลากหลายพื้นที่มากขึ้น  

 “สิ่งที่นายสิระทำคือการขัดขวางสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน อยากเรียนนายสิระให้เข้าใจบทบาทของ ส.ส. เราอยากเห็นการเมืองสร้างสรรค์ การเมืองที่ต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อจะได้เปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ในอนาคต นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท เป็นนโยบายที่ไม่ยาก แต่นายสิระคิดไม่ออก นโยบายหลายอย่างที่ว่ายาก เราทำมาแล้ว เพราะเราหาเงินเป็น รู้ว่าจะหารายได้ด้วยวิธีการใด ยืนยันว่านายสุรชาติไม่ได้หาเสียงเกินจริง ทุกเรื่องผ่านมติของกรรมการบริหารของพรรคเพื่อไทย และยืนอยู่บนหลักการที่อยากจะทำให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด” โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุ

ต่อมานายสิระให้สัมภาษณ์ตอบโต้โฆษกพรรค พท.ว่า ขอเตือนให้หยุดโกหกประชาชน การเลือกตั้งในปี 2562 นโยบายของพรรคเพื่อไทยทั้ง 15 ข้อ ไม่มีข้อไหนเลยที่พูดถึงค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านมา 3 ปี ก็ไม่เคยอภิปรายหรือพูดถึงเรื่องนี้ในที่ประชุมสภา ตนบอกแล้วว่านโยบายดังกล่าวไม่สามารถทำได้จริง เป็นการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง เพราะการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้จะเข้าไปเป็นผู้แทนราษฎร ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจไปยกเลิกสัมปทานรถไฟฟ้าหรือเปลี่ยนแปลงข้อสัญญา ส่วนที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยได้หารือแนวทางและวิธีการร่วมกันกับหลายหน่วยงานมาอย่างรอบด้าน ทั้งสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลังนั้น ขอให้ระบุว่าได้หารือกับใคร ได้ข้อสรุปว่าอย่างไร

"ผมไม่เคยขัดขวางสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชน ถ้าคุณทำได้จริงผมสนับสนุนเต็มที่ แต่นี่มันไม่ใช่ นี่คือโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงประชาชน และนโยบายนี้คือนโยบายของผู้สมัครเพื่อไทย ไม่ใช่นโยบายของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่ได้ถูกประกาศจากกรรมการบริหาร ถ้าจะกล่าวอ้างว่าเป็นนโยบายพรรค ผมจะไปยื่นยุบพรรคเพื่อไทยด้วย" นายสิระกล่าว

คึกคักหาเสียงโค้งสุดท้าย

ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวระบุว่า ในวันที่ 28 ม.ค. ที่สวนสาธารณะชุมชนเคหะหลักสี่ พรรคจะปราศรัยใหญ่ช่วยนายสุรชาติหาเสียง โดยมีทีมกรรมการผู้บริหารพรรค ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อบอกถึงแนวนโยบายสำหรับคนกรุงเทพมหานครและคนไทย เพื่อร่วมสร้างความหวัง คืนความฝันให้กับพี่น้องประชาชนอีกครั้ง

 “การปราศรัยในครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจัดทีมปราศรัยชุดใหญ่ มีทั้งผู้มากประสบการณ์ มากความสามารถ และคนรุ่นใหม่ที่จะทยอยกันขึ้นเวทีปราศรัยบอกเล่าแนวคิดและแนวนโยบายของพรรคในด้านต่างๆ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค ปราศรัยในประเด็นวิกฤตการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. ที่จะมาปราศรัยในประเด็นเกี่ยวกับความล้มเหลวในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล, นายดนุพร ปุณณกันต์ ตัวแทนจากเพื่อไทยมหานคร  ปราศรัยในหัวข้อ กรุงเทพฯ ในฝันของพรรคเพื่อไทย, น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ปราศรัยการเมืองกับคนรุ่นใหม่ และโอกาสที่เสียไปจากการบริหารงานของรัฐบาล ส่วนนายสุทิน คลังแสง ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พท. ปราศรัยในหัวข้อเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน, นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรค ปราศรัยในประเด็นตอกฝาโลงรัฐบาลพลังประชารัฐ, นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยในหัวข้อสุรชาติในมุมของสรวงศ์ เทียนทอง ปิดท้ายที่นายสุรชาติ เทียนทอง ปราศรัยในประเด็นเลือกตั้งเพื่อศักดิ์ศรีของชาวหลักสี่-จตุจักร ส่วนผมนั้นจะขึ้นมาปราศรัยและขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันเป็นหูเป็นตาและร่วมกันจับตาการทุจริตการเลือกตั้ง” โฆษกพรรคพท.กล่าว

ด้านนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมจตุจักร-หลักสี่ พรรคกล้า เข้าพบนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอพรก่อนการลงเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของนายอรรถวิชช์ช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งทุกครั้ง

นายไตรรงค์กล่าวว่า รู้จักนายอรรถวิชช์มาตลอดที่ทำการเมืองร่วมกัน เป็นคนพูดจามีเหตุผล ไม่หยาบคาย ไม่พูดเท็จ ไม่ส่อเสียด มีวิชาความรู้ในระดับชาติ ดูแลคนในเขตตลอด ถ้าตนมีสิทธิก็จะเลือกคนที่มีคุณภาพเป็นที่ประจักษ์ เลือกนายอรรถวิชช์ พร้อมฝากประชาชนให้เลือก ส.ส.ที่มีคุณภาพ เชื่อว่ามีคนอีกจำนวนหนึ่งที่คิดเหมือนตน อยากเลือกคนที่มีคุณภาพ และอยากให้นายอรรถวิชช์ได้รับเลือกตั้ง แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมรอบนี้ แต่เชื่อว่าสมาชิกประชาธิปัตย์ยังคงผูกพันกับอดีต ส.ส.คนนี้ พร้อมอวยพรให้นายอรรถวิชช์ชนะการเลือกตั้งในสนามนี้ ผลออกมาอย่างไร ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน

ส่วน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ส่งจดหมายถึงประชาชนเขตจตุจักร-หลักสี่ จำนวน 20,000 ฉบับ ในหัวข้อ “จดหมายจากคุณหมอวรงค์” เพื่อขอให้โอกาสนายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง หมายเลข 1 พรรคไทยภักดี เข้าสภาเป็นโซ่ข้อกลาง ประกาศจุดยืนปราบโกงและปกป้องสถาบัน

ทั้งนี้ จดหมายจากคุณหมอวรงค์ได้จัดทำออกมาเพื่อมอบให้แก่ประชาชนเขตจตุจักร-หลักสี่ โดยจัดส่งทางไปรษณีย์จำนวน 10,000 ฉบับ และมอบให้ประชาชนระหว่างการลงพื้นที่ของนายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง อีก 10,000 ฉบับ

วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธให้ความเห็นกรณีมีข่าวพรรค พปชร.จะทาบ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรค พปชร. โดย พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าเรียบเฉยและรีบเดินทางกลับทันที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง