คลังคาดจีดีพี4% เหตุส่งออกฟื้นตัว ท่องเที่ยวกระฉูด

คลังประเมินจีดีพีปีเสือโต 4% อานิสงส์ส่งออกโต 3.6% ท่องเที่ยวฟื้นแรง 1,536% ยังจับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงฉุดรั้ง ทั้ง “โควิด-เศรษฐกิจโลก-ตลาดแรงงาน-การผลิตชะงัก-ราคาพลังงาน”

เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มกราคม นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า สศค.คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ 4% โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.6% และการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ 7 ล้านคน ขยายตัว 1,536% ซึ่งสร้างรายได้ 400,000 ล้านบาท ขณะที่การนำเข้าคาดว่าจะขยายตัว 5.4% ด้านการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ 4.5% การบริโภคภาครัฐขยายตัว 1.2% ด้านการลงทุนภาคเอกชนคาดโต 5% และการลงทุนภาครัฐคาดโต 3.7%

 “อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.9% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.4% ขณะที่สมมติฐานการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้ ประเมินว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าอยู่ที่ 33.1 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนน้ำมันดิบดูไบคาดว่าจะอยู่ที่ 72.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล”

 นายพรชัยกล่าวอีกว่า การดำเนินนโยบายของภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ภาครัฐจะมีการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีก 3.07 แสนล้านบาท รวมทั้งเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโควิด วงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนที่เหลือคาดว่าจะเบิกจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง

 “เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม 5 ด้านคือ 1.ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของโควิด-19 2.ความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก 3.ตลาดแรงงานที่ยังคงฟื้นตัวไม่เต็มที่ 4.ปัญหาข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทานการผลิต และ 5.ราคาพลังงานและน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง”

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2564 สศค.คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 0.9-1.4% โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2% โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 19% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 0.2% การลงทุนเอกชนขยายตัว 3.7% ด้านการบริโภคภาครัฐขยายตัว 2.6% และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 5.9% ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 64 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.2% และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.2%

ด้านนายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค. ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน การท่องเที่ยวภายในประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมถึงการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอย่างใกล้ชิด

 “เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ธ.ค.2564 อยู่ที่ 2.17% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.29% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน พ.ย.2564 อยู่ที่ 59.6% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2564 อยู่ในระดับสูงที่ 246.0 พันล้านดอลลาร์”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง