โจรใต้ป่วนอีกพุ่งเป้าอส. ‘บิ๊กอ้วน’มึนคุยไม่ถูกคน

"ในหลวง-พระราชินี" พระราชทานตะกร้าสิ่งของแก่ญาติ จนท.กองอาสารักษาดินแดนที่เสียชีวิตในเหตุร้ายสุไหงโก-ลก ป่วนอีกระลอกพุ่งเป้า อส.ยะลา ผูกระเบิดติดเสาไฟฟ้า “บิ๊กอ้วน” มึนหนักยอมรับคุยไม่ถูกคน เร่งควานหาผู้เจรจาตัวจริงเข้ากระบวนการสันติสุข ด้าน "มท.1" จัดทัพงานข่าวปกครองในพื้นที่ เกณฑ์ "อส.จชต." เข้ารับการฝึกให้มากที่สุด “อังคณา” ทุบไอโอกองทัพ โละทิ้งแนวทางทหารนำการเมือง

เมื่อวันจันทร์ เวลา 09.00 น. ที่บ้านเลขที่ 1/181 ตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ญาติของเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนทศพล ผายพิมพ์ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เหตุเกิดบริเวณภายในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก  อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2568

ต่อจากนั้น ที่บ้านเลขที่ 6/2 ตำบลปูโยะ อำเภอสุไหงโก-ลก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ญาติของนายหมู่ใหญ่ มูฮำหมัดซาบรี นะสวัน เจ้าหน้าที่ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกัน การได้รับพระราชทานพระกรุณาในครั้งนี้ ครอบครัวของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนทศพล  และนายหมู่ใหญ่ มูฮำหมัดซาบรี ต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ที่ จ.ยะลา เวลาประมาณ 02.50 น. บริเวณบ้านเลขที่ 73/3 หมู่ 3 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง นายหมู่ใหญ่ (มญ.) ซาอูดี มาฮะ อายุ 45 ปี อส.ประจำอำเภอกรงปินัง จ.ยะลา ถูกยิงนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง  ปลอกอาวุธปืน AK 47 ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.

 สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้เสียชีวิตเดินทางกลับจากปฏิบัติหน้าที่ ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนซึ่งซุ่มอยู่ในมุมมืด ใช้อาวุธปืนลูกซองและ AK 47 ยิงกระหน่ำระหว่างผู้เสียชีวิตกำลังจะเข้าบ้าน ส่งผลให้เสียชีวิตทันที  โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขโมยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย นอกจากนี้ยังได้เผารถยนต์ของผู้ตายที่จอดในบริเวณบ้านได้รับความเสียหาย ส่วนสาเหตุในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุไว้ 2 สาเหตุ คือสร้างสถานการณ์และเรื่องส่วนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นได้ทิ้งจดหมายเขียนเป็นภาษาไทย ทิ้งไว้ตามมัสยิดหลายแห่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เตือนให้เจ้าหน้าที่ อส.ลาออก ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย

ต่อมาประมาณ 06.55 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้ประกาศแจ้งเตือนงดใช้เส้นทาง 410 ปารามีแต-พงยือไร หลังพบวัตถุต้องสงสัยผูกติดเสาไฟฟ้า บริเวณสะพานคลองปารามีแต แยกพงยือไร  ม.7 ต.บุดี อ.เมืองยะลา โดยพบวัตถุต้องสงสัยจำนวน 3 จุด และได้ประสานชุด EOD ชุดศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 เข้าตรวจสอบ

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ควรตั้งคำถามว่าชุดเจรจาของเราสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ได้ขอในช่วงเดือนรอมฎอนเป็นช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิม ไม่ควรมีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ยังมีอะไรเกิดขึ้นอีก

เมื่อถามว่า จะมีการปรับหัวหน้าคณะพูดคุย หรือร่วมอำนวยความสะดวกพูดคุยสันติสุขหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า หากชัดเจนว่าคู่เจรจาใช่คู่เจรจาตัวจริงหรือไม่ ซึ่งยอมรับว่าเป็นข้อสงสัยเหมือนกัน และขณะนี้มีการติดต่อไว้หลายส่วน เพราะไม่แน่ใจว่าใครคือตัวจริงที่จะเจรจา แต่ยังไม่ได้หยุดและเราเดินหลายทางอยู่

นายภูมิธรรมระบุว่า พยายามเช็กให้แน่นอน ซึ่งตัวคณะกรรมการของเราตั้งไม่ยาก แต่ตั้งให้ถูกคนอันนี้ยาก ซึ่งกำลังสรุปเรื่องนี้อยู่ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเพิ่งได้รับรายงาน และแจ้งกลับไปว่าให้ขอเดินหน้าพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ ต่อ โดยเป็นการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการว่าใช่คนที่เราจะคุยต่อหรือไม่

 “ขณะนี้สิ่งที่เราพูดชัดเจนต่อสาธารณะ ขอให้ยุติสักช่วงหนึ่ง ซึ่งหากสามารถยุติได้ช่วงหนึ่งแสดงว่าต้องการที่จะเจรจา เพราะไม่ว่าสงครามที่ไหนเมื่อมีการเจรจาเขาก็ให้หยุดยิงก่อน รวมถึงหยุดเหตุการณ์รุนแรงก่อนถึงจะพูดคุยเจรจากัน ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้หยุดอยู่ในคณะเจรจาเดิม กำลังประสานและหาจุดใหม่ รวมถึงหาผู้เจรจาตัวจริง” นายภูมิธรรมระบุ

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์เหตุการณ์ที่ถูกพุ่งเป้าไปที่ อส.ว่า ช่วงหลังๆ เราพยายามให้ อส.ซึ่งมีความใกล้ชิดกับชาวบ้านดูแลเรื่องต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นำมาฝึกอบรมให้ทำงานด้านมวลชน และเฝ้าระวังพื้นที่ คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น

ต่อมานายอนุทินเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภายใต้ ณ ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย และประชุมผ่านระบบ Zoom Meeting ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 5 จังหวัด ประกอบด้วย นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา และสตูล โดยกำชับให้ ผวจ.เป็นผู้นำในการบริหารราชการ ควบคู่กับการป้องกันและแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างเข้มข้น

โดยนายอนุทินระบุช่วงหนึ่งว่า ได้กำชับให้นายอำเภอ กำกับการทำงานของปลัดอำเภอประจำตำบล ในการลงพื้นที่สร้างความคุ้นเคยกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ใช้กลไกด้านการข่าวของพื้นที่ให้เป็นประโยชน์ สรุปข้อมูลรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมกับดำเนินการประสานกับกองทัพภาคที่ 4 เพื่อนำเจ้าหน้าที่ อส.จังหวัดชายแดนใต้ (อส.จชต.) เข้ารับการฝึกให้มากที่สุด ให้มีกำลังพลที่มีทักษะพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ

ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ตั้งข้อสังเกตว่า วิธีการพูดคุยคงต้องคุยทั้งบนโต๊ะและในพื้นที่ เจ้าหน้าที่และคนที่ทำงานภาคใต้ก็รู้ว่าเราควรทำงานกับใคร ปัญหาคือรัฐบาลไม่ได้ส่งสัญญาณในการที่จะคุยกับคนที่เขาเห็นต่างทางความคิด แต่กลับไปมุ่งที่จะส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาคนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลมากกว่า จึงทำให้ปัญหายืดเยื้อ และอีกส่วนที่ต้องไม่ลืม เพราะมีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของการรายงานข่าว เพราะมีการพูดมานานว่าการรายงานข่าวไม่น่าเชื่อถือ

 “ต้องไม่ลืมว่าผู้ก่อเหตุหรือผู้ที่คิดต่างพวกบีอาร์เอ็น ก็คือลูกหลานของคนในพื้นที่ ฉะนั้นความเป็นพี่น้องยังมีอยู่ จะทำอย่างไรที่จะคุยกันให้เข้าใจ อย่างกรณีตากใบแทนที่จะขอโทษ คุณทักษิณควรจะพูดมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ให้ สส.ในพรรคเพื่อไทยมาขึ้นศาล อย่างน้อยควรเปิดเผยความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตากใบมีคนหาย และมีการฆ่านอกกระบวนการยุติธรรม” นางอังคณาระบุ

เมื่อถามว่า คณะเจรจาพูดคุยควรประกอบไปด้วยฝ่ายไหนเพื่อให้เกิดสันติสุข นางอังคณากล่าวว่า ส่วนตัวมองไปที่คณะพูดคุยชุดที่แล้วที่มีนายทหารระดับสูงด้วย เพราะนี่คือคู่ขัดแย้ง แล้วเราเอาคนที่เป็นคู่ขัดแย้ง ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าละเมิดเข้าไปนั่งอยู่บนโต๊ะ อย่างนี้จะพูดคุยกันได้อย่างไร เพราะหลักการสำคัญของการพูดคุยคือทั้ง 2 ฝ่ายต้องเท่ากัน และสร้างความไว้วางใจกัน เหมือนกรณีที่นายภูมิธรรมพูดว่าอาจจะคุยไม่ถูกคน ซึ่งก็เห็นด้วยว่าน่าจะคุยไม่ถูกคน ทั้งในระดับพื้นที่และการพูดคุยบนโต๊ะ

 “สิ่งที่อยากให้ตามคือ ที่สภาได้มีมติยกเลิกคำสั่ง คสช.เรื่องการตั้งสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉะนั้นอยากให้มีการตั้งสภาที่ปรึกษาฯ เข้ามาดำเนินการ และใช้การเมืองนำการทหารให้เต็มที่ เพราะที่ผ่านมาทหารนำการเมืองมาตลอด อะไรที่ไม่พอใจไม่ถูกใจก็ใช้ไอโอคุกคามคนที่เห็นต่าง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แก้ปัญหาเลย" นางอังคณาระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไหมแนะรบ.ทบทวนงบปี2569

“รทสช.” มาแต่ไก่โห่หนุนงบปี 69 เชื่อไร้ปัญหาไม่มีสะดุด “เจ๊ไหม” แนะรัฐบาลนำร่างไปทบทวน

ปรับรมต. เศรษฐกิจ โพลหนุนขยับ‘พณ.-กษ.’/วิสุทธิ์ปัดแลกเก้าอี้‘ภท.’

แกนนำ พท.ยันไร้สัญญาณปรับ ครม. ไม่รู้มีดีลแลกเก้าอี้ รมต. "พท.-ภท." ย้ำเป็นอำนาจตัดสินใจของ "นายกฯ" แต่ยอมรับ สส.พท.อยากให้ปรับกระทรวง ศก. แก้ปัญหาการค้าขาย