ทีมงาน “วันนอร์” แห่แจงประธานสภาฯ มีอำนาจเขี่ยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหากไม่แก้ไข “มุข” แนะฝ่ายค้านถอยหนึ่งก้าว บอกไม่ระบุชื่อ “ทักษิณ” ก็ชำแหละให้เห็นภาพได้ “เท้ง” บอกรอลุ้นประชุมสภาพุธนี้ที่จะถกเหตุผล ตอกประธานต้องวางตัวเป็นกลาง! คาดมีข้อสรุปสัปดาห์นี้ “แพทองธาร” ยกตรรกะแบบเจนวาย ชี้ สทร.เป็นแค่พ่อนายกฯ คนที่ 31 ไม่ใช่ดาราฮอลลีวูด ไม่ควรมีชื่อ แนะฝ่ายค้านอย่าใช้อารมณ์ ยึดตามกฎกติกา!
เมื่อวันอังคารที่ 11 มีนาคม 2568 นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกรณีหนังสือโต้แย้งของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร วินิจฉัยให้แก้ไขข้อบกพร่องในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่าข้อบังคับการประชุมสภา พ.ศ.2526 กำหนดอำนาจและหน้าที่ให้แก่ประธานสภาฯ ไว้ชัดเจนในการตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ จึงเป็นอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัย
นายคัมภีร์กล่าวอีกว่า ประธานสภาฯ ต้องการให้การประชุมและการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประโยชน์แก่ชาติและประชาชน จึงเห็นว่าหากปล่อยให้ชื่อบุคคลภายนอกอยู่ในญัตติต่อไป จะเกิดความเสียหายและความไม่เรียบร้อยในที่ประชุมจนยากจะแก้ไข เนื่องจากอาจเกิดการประท้วงไปมาหรือประท้วงประธานสภาฯ ว่าทำผิดข้อบังคับด้วยไม่ควบคุมรักษาความสงบในที่ประชุม ซึ่งท่านต้องรับผิดชอบด้วย จึงต้องใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของญัตติดังกล่าว
“จากการตรวจสอบในญัตติพบว่ามี สส.ฝ่ายค้าน 10 ราย ที่ลายมือชื่อไม่ตรงกับที่เคยให้ไว้กับสภา จึงให้ไปแก้ไข ซึ่งแก้ไขกลับมาวันที่ 28 ก.พ. แต่เดือน ก.พ.มี 28 วันเท่านั้น และเมื่อนำเสนอเรื่องต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เพื่อพิจารณาก่อนส่งเรื่องไปถึงประธานสภาฯ ตามขั้นตอน จึงพบว่าญัตติมีการกำหนดชื่อบุคคลภายนอกไว้ ซึ่งไม่สามารถทำได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถบรรจุเข้าระเบียบวาระได้ ดังนั้น นายพิเชษฐ์จึงเสนอต่อประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของกรอบเวลาการที่นายณัฐพงษ์ระบุว่าเกินกำหนดวันที่ 28 ก.พ.” นายคัมภีร์ระบุ
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ กล่าวเสริมว่า ในทางปฏิบัติสำนักการประชุมได้ชี้แจงมาว่าการยื่นญัตติของฝ่ายค้านนับรวมวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ซึ่งจะตรงกับวันที่ 6 มี.ค.พอดี โดยญัตติสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ทั้งนี้ ข้อบังคับการประชุมระบุว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งด้วยหนังสือ แต่ประธานสภาฯ ให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้านฯ จึงเรียนให้นายณัฐพงษ์แก้ไขก่อน ถ้าไม่แก้ไขก็ให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ทำหนังสือส่งไป เผื่อนายณัฐพงษ์จะเปลี่ยนใจแก้ไข
ถามย้ำว่า ตามระเบียบหากไม่แก้ไขญัตติ จะไม่สามารถบรรจุวาระได้ใช่หรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯ ว่าบรรทัดฐานที่ทำมา ไม่ใช่เพิ่งคิดในครั้งนี้ แต่ท่านได้ให้สำนักการประชุมตรวจสอบดูในอดีต ซึ่งการกล่าวถึงบุคคลภายนอกนั้นไม่มี แต่ใช้คำว่าบุคคลในครอบครัว อดีตสมาชิกจะไม่ระบุชื่อโดยตรง เฉพาะในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องอยู่ในกรอบนี้ ไม่ใช่ญัตติทั่วไป ซึ่งญัตติทั่วไปอาจมีการเอ่ยถึงบุคคลภายนอกได้ ประธานสภาฯ ถือเป็นบรรทัดฐานครั้งนี้
ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์กล่าวต่อว่า นายวันมูหะมัดนอร์ระบุว่าจริงอยู่ที่ผู้เสนอญัตติพร้อมรับผิดชอบในการกล่าวถึงบุคคลภายนอก แต่ว่าในฐานะประธานสภาฯ ท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ถ้าชื่อของบุคคลภายนอกไปปรากฏอยู่ในญัตติและปรากฏอยู่ในสาธารณชน เพราะเป็นคนใช้อำนาจในการอนุญาตให้บรรจุญัตติ ซึ่งประธานสภาฯ เล็งเห็นส่วนนี้ ซึ่งมีความสำคัญ จึงเห็นว่าควรให้ตัดการที่มีบุคคลภายนอกออกไป
ถามย้ำว่า หากไม่แก้ญัตติก็คือไม่บรรจุวาระการประชุม เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า "ครับๆ ตอนนี้ท่านประธานสภาฯ มีดำริให้นโยบายมา ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ภายในวันที่ 11-12 มี.ค.นี้ ก็จะทำหนังสือชี้แจงในข้อที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ โต้แย้งมา ยืนยันหนังสืออย่างเป็นทางการไปอีกครั้งหนึ่ง"
ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ยังกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านต้องส่งญัตติที่แก้ไขแล้วให้สภาก่อนวันที่ 19 มี.ค. เพื่อให้ทันการบรรจุวาระ ว่าเดดไลน์ที่ฝ่ายค้านจะต้องส่งญัตติที่แก้ไขแล้วไม่ได้กำหนดตายตัวว่าต้องส่งกลับมาให้สภาเมื่อใด แต่หากเป็นไปตามกระแสข่าวว่าจะอภิปรายวันที่ 24 มี.ค. ฝ่ายค้านก็ควรจะส่งญัตติที่แก้ไขแล้วมาให้สภาภายในวันที่ 17 มี.ค. เพื่อให้สภาแจ้งเรื่องให้ ครม.ทราบทันการประชุม ครม.วันที่ 18 มี.ค. แต่ถ้าฝ่ายค้านส่งญัตติที่แก้ไขกลับมาหลังวันที่ 17 มี.ค.ไปแล้ว สภาก็ส่งเรื่องให้ ครม.ทราบได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ครม.จะพร้อมมาตอบให้หรือไม่
แนะฝ่ายค้านถอยก้าวหนึ่ง
ขณะที่ นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาฯ กล่าวว่า ฝ่ายค้านน่าจะถอยไปก้าวหนึ่ง ซึ่งเมื่ออภิปรายแม้ไม่มีการระบุชื่อและนามสกุลของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ก็สามารถอภิปรายแล้วทำให้ประชาชนเข้าใจว่าบุคคลที่กำลังพูดถึงเป็นใคร ฉะนั้น จึงคิดว่าไม่มีข้อแตกต่างในการที่จะระบุชื่อหรือไม่ระบุในญัตติเปิดอภิปรายในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดการประชุม เพราะหากไม่มีการอภิปรายก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และประชาชนก็อยากฟัง จึงฝากให้ฝ่ายค้านพิจารณาให้คำนึงถึงสาระสำคัญในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่าเอาเรื่องอื่นที่มีความสำคัญน้อยกว่าเป็นประเด็นหลัก
"ประธานสภาฯ จำเป็นต้องคำนึงความสำคัญในการอภิปรายว่าจะทำอย่างไรให้วันนั้นสงบเรียบร้อย อย่าให้มีการประท้วงวุ่นวายจนกระทั่งอาจไม่มีโอกาสอภิปราย เพราะลักษณะของความวุ่นวายในสภาเคยเกิดขึ้น ที่เคยล็อกคอประธานลงจากบัลลังก์ก็เคยมี ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ประธานก็ต้องคิดว่าควรระงับก่อนเหตุเกิด จึงพยายามมองว่าอะไรที่น่าจะเกิดก็สมควรระงับไว้ก่อน” นายมุขกล่าว
ด้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ กล่าวถึงกระแสข่าวนายวันมูหะมัดนอร์ให้ถอนชื่อของบุคคลที่ถูกกล่าวในญัตติฝ่ายค้านเพราะมีบุคคลไปขอว่า ขอยืนยันว่านายวันมูหะมัดนอร์ตัดสินใจด้วยวิจารณญาณของท่านเอง ไม่มีใครไปขอ ข่าวนั้นไม่เป็นความจริง ตนอยู่กับท่านมา 40 ปี ยืนยันว่านายวันมูหะมัดนอร์ไม่ใช่ประเภทที่ใครจะขอให้ทำความผิดแล้วจะทำตาม แม้ว่าจะใกล้ชิดหรือไม่ก็ตาม และเดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอนที่มุสลิมถือศีลอด เขาจะไม่พูดปด
ขณะที่นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ขอให้รอการประชุมสภาในวันที่ 12 มี.ค. เชื่อว่าพวกเราจะสะท้อนเสียงต่อประธานสภาฯ โดยตรง ตามหลักการและเหตุผลที่ได้ระบุไว้ในหนังสือคัดค้าน โดยเฉพาะญัตติที่ได้แสดงให้เห็นว่าในประวัติศาสตร์หลายครั้งก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกได้ถ้าหากจำเป็น เพราะฉะนั้นอยากจะให้ประธานได้รับฟังเหตุผลของเรา และลองตัดสินใจดูอีกสักครั้งหนึ่ง แต่หลังจากรับฟังแล้วประธานสภาฯ จะตัดสินใจอย่างไร ก็เป็นอำนาจของประธาน ซึ่งก็ยังมีกรอบเวลาหารืออยู่ภายในสัปดาห์นี้
“ญัตติธรรมดาสามารถกล่าวถึงบุคคลภายนอก ระบุชื่อบุคคลภายนอกในญัตติได้ แล้วทำไมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เป็นการกล่าวหา จึงจะไม่สามารถระบุลงไปได้ เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ผมเองก็คิดว่าอำนาจในการตีความต่างๆ ก็เป็นของท่านประธาน แต่เราเองก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการให้เหตุผล” นายณัฐพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า จะตัดชื่อนายทักษิณออกแล้วใส่เพียงแค่บิดาหรือคนในครอบครัวของนายกฯ ได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า คิดว่าการใช้คำในการระบุลงไปในญัตติอาจไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือกระบวนการอภิปรายในสภา แน่นอนที่สุดว่าถ้าระบุชื่อนายทักษิณอย่างตรงไปตรงมา การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็สามารถกล่าวถึงนายทักษิณได้อย่างตรงไปตรงมามากขึ้น และการประท้วงก็ทำได้ยากมากขึ้น
“อยากให้ท่านประธานวางตัวเป็นกลาง ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่อยากให้ใช้อำนาจของท่านที่ดูเหมือนเป็นการปกป้องคุณทักษิณหรือฝั่งรัฐบาลมากไปกว่านี้” นายณัฐพงษ์กล่าว และว่า เรายังมีกรอบระยะเวลาภายในสัปดาห์นี้ที่จะเดินหน้ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป ซึ่งภายในวันศุกร์นี้จะได้รับความชัดเจนแน่นอน
ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ยืนยันว่า การอภิปรายคงเกิดขึ้นอยู่แล้ว หากการอภิปรายไม่เกิดขึ้นภายในสมัยประชุมนี้ ประชาชนคงต้องตั้งคำถามว่า รัฐบาลพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบถ่วงดุลในระบบสภาหรือไม่
“เรายืนยันว่าถูกต้องตามข้อบังคับ แต่ถ้าจะใช้อำนาจหรือขอความร่วมมืออะไร คิดว่ามาพูดคุยกัน เราไม่ได้พูดคุยอะไรไม่ได้เลย ถ้าสุดท้ายต้องทำให้ราบรื่นลองมาพูดคุยกันก่อนว่าจะหาทางออกกันตรงไหน แต่ไม่ใช่การใช้อำนาจหรืออ้างข้อกฎหมาย ข้อบังคับ แบบที่ไม่ตรงไปตรงมาหรือทำตามอำเภอใจตนเอง” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานการประชุมพรรค โดย พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะการถกเถียงว่าในญัตติไม่สามารถมีชื่อของนายทักษิณได้
ส่วนความเคลื่อนไหวของรัฐบาลนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ยังมีประเด็นการตัดชื่อคนนอกอยู่ ได้พูดคุยกับนายทักษิณบ้างหรือไม่ว่า เขาไม่ว่าอะไรเลย เพียงแต่ถามเฉยๆ ว่าเข้าได้หรือ เพราะไม่ได้อยู่ในสภา หรือจะให้เขาไปสภา เป็นการถามเล่นๆ ไม่ได้มีอะไร พร้อมบอกด้วยว่าหรือจะให้ไปตอบในสภาหรืออย่างไร แต่ก็เข้าไม่ได้อยู่แล้ว
อ้างไม่ใช่ดาราฮอลลีวูด
เมื่อถามว่า ส่วนตัวติดหรือไม่หากมีชื่อนายทักษิณในญัตติ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อันนี้เอาข้อเท็จจริง อย่าใช้อารมณ์เลย หลักการ กฎ คืออะไรดีกว่า ถ้าเราไม่ทำตามกฎตามหลักการ ตั้งกฎตั้งหลักการไว้ทำไม ถ้าสมมุติว่าหลักการมันเข้าได้ ได้เลย เราจะห้ามอย่างไร แต่ถ้าหลักการเข้าไม่ได้ จะฝืนหลักการก็ไม่ได้
เมื่อถามว่า จะชี้แจงสาธารณชนว่านายทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการบริหาร โดยให้ตั้งโต๊ะแถลงเลยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ท่านทักษิณจะแถลงเพื่ออะไรหรือคะ แต่ถ้าเพื่อให้มีประเด็นอื่นต่อไปไม่จำเป็น ท่านทักษิณเป็นคุณพ่อของนายกฯ คนที่ 31 เท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นนายกฯ ด้วย จะไปอภิปรายท่านหรือให้ท่านตั้งโต๊ะแถลง แต่ถ้าฮอลลีวูดชวนท่านไปเป็นดาราท่านแถลงได้ แต่พ่อคงไม่เป็นดาราเพราะแก่แล้ว"
เมื่อถามว่า ถ้าฮอลลีวูดติดต่อพ่อให้เป็นดาราจะเป็นหรือไม่ นายกฯ หยอกกลับว่า ถ้าพ่อมีคิวว่าง
เมื่อถามอีกว่า มองเป็นการเมืองเกินไปหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า อยากรู้สุดท้ายจะเหลืออภิปรายกี่วัน สื่อจึงกระเซ้าว่า 5 วัน นายกฯ หัวเราะก่อนกระเซ้ากลับว่า เดือนหนึ่งเลยไหมล่ะ ก่อนบอกอีกว่า “ก็แล้วแต่ ได้หมด กี่วันก็มา”
นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ญัตติที่มีการกล่าวอ้างโดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นญัตติขอตั้งกรรมาธิการศึกษารถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน อ้างอิงเพียงข้อบังคับสภา แต่ญัตติอภิปราย ต้องเป็นไปตามข้อบังคับสภาและรัฐธรรมนูญ การเอารายชื่อบุคคลภายนอกเข้ามารวมในญัตติจึงเป็นการไม่ชอบ เนื่องจากบุคคลภายนอกไม่มีโอกาสขึ้นมาต่อสู้ และอาจถูกกล่าวถึงในทางเสียหาย
“ประธานสภาฯ สามารถพิจารณาถึงความเหมาะสม ข้อความรายละเอียดในญัตติได้ ถ้าประธานพิจารณาไม่ได้ลองคิดดู หากมีการยื่นญัตติอะไรไปในสภาคงประท้วง และถ้าเป็นญัตติที่ไม่มีความเหมาะสมเรื่องนี้ก็จะเกิดความเสียหาย ซึ่งประธานได้ทำหนังสือเตือนไปยังผู้นำฝ่ายค้านฯ แล้วให้มีการแก้ไข ไม่ใช่เสนอญัตติอะไรมาก็ได้ ซึ่งข้อเสนอของประธานที่แจ้งไปยังผู้นำฝ่ายค้านฯ มีความชอบธรรม เป็นไปตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ ถูกต้องแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้อยากให้ฝ่ายค้านทำตามคำแนะนำของประธานสภาฯ จะได้มีการอภิปรายอย่างถูกต้องต่อไป”
พท.ลั่นพร้อมเกิน 100%
ส่วนที่พรรค พท. มีการประชุมพรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ โดยนายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค แถลงว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอเรียนว่าพรรคได้เรียกคณะทำงานหลายส่วน ทั้งในส่วนของการเตรียมข้อมูล การดูแลเรื่องข้อบังคับต่างๆ รวมถึงนโยบายพรรค เราได้เชิญทุกกลุ่มมาพูดคุย ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมเกิน 100% ที่จะซัพพอร์ต น.ส.แพทองธารและคณะรัฐมนตรีทุกท่านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“เรายังเป็นกังวลในเรื่องที่พรรคประชาชนได้ทำหนังสือตอบไปถึงประธานสภาฯ ว่ามีแนวคิดที่จะไม่แก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เคยยื่นไว้เดิม ดังนั้นพรรคขอเรียกร้องว่า เราพร้อมเข้าร่วมเป็นองค์ประชุมในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ขอให้พรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านฯ รีบพูดคุยและแก้ปัญหาในเรื่องของญัตติกับทางประธานสภาฯ ซึ่งนายกฯ ได้กันวันและเวลาในการอภิปราย คือสัปดาห์ในวันที่ 24 มี.ค. อย่าปล่อยเนิ่นนานไป ซึ่งใกล้จะปิดสมัยประชุมในช่วงต้นเดือน เม.ย.”
นายดนุพรกล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐเรายินดีที่ พล.อ.ประวิตรจะลุกขึ้นอภิปราย ก็ขอต้อนรับท่านเข้าสู่สภาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจากสายข่าวทราบว่าท่านจะอภิปรายเรื่องอะไร มีคนส่งข้อมูลให้เราแล้ว เราก็จะเตรียมข้อมูลเพื่อที่จะตอบท่านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถ้า พล.อ.ประวิตรมาอภิปราย เราจะคุยกับทางสภาว่าอย่าเปิดแอร์เย็นมากนัก เดี๋ยวท่านจะหลับเสียก่อน
“เราพร้อมเกิน 100% ที่จะเดินหน้าไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนจะได้กี่วันขึ้นอยู่กับพรรคประชาชนเองว่ายื่นญัตติให้ท่านประธานสภาฯ ได้มีการบรรจุญัตตินี้เข้าไปในสภาก่อน จากนั้นจะมีการประชุมวิปสามฝ่าย แต่วันนี้เรายังเดินไปไม่ถึงตรงนั้น” นายดนุพรกล่าว
วันเดียวกัน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายณัฐพงษ์พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมเรือนจำ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยมาดูในเรื่องของระบบยุติธรรม สวัสดิภาพ และสวัสการต่างๆ ของผู้ต้องขังในเรือนจำ พร้อมทั้งดูภาพรวมของระบบยุติธรรมต่างๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


