
ประเดิมสงกรานต์วันแรกดุ เกิดอุบัติเหตุแล้ว 211 ครั้ง ดับแล้ว 27 ราย มุกดาหารครองแชมป์เกิดเหตุ กทม.ยึดแชมป์ตาย “สมศักดิ์” แนะระวังเหตุจมน้ำช่วงเทศกาล เส้นทางขึ้นเหนือ-อีสานยังคล่องตัว แต่เชื่อคืนวันเสาร์อ่วมแน่ “ถนนข้าวเหนียว” พร้อมจัดเทศกาล 100%
เมื่อวันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2568 ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 ได้แถลงข้อมูลอุบัติเหตุประจำวันที่ 11 เม.ย. ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ว่าเกิดอุบัติเหตุ 211 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 201 คน ผู้เสียชีวิต 27 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว 40.76%, ตัดหน้ากระชั้นชิด 24.64% และดื่มแล้วขับ 22.75% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 83.64% ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 86.26%, ถนนกรมทางหลวง 51.66%, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน 22.75%, ถนนในเมือง (เทศบาล) 13.27% ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่เวลา 15.01-18.00 น., เวลา 18.01-21.00 น. และเวลา 12.01-15.00 น. ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 60-69 ปี 20.18% โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ มุกดาหาร (11 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ มุกดาหาร (12 คน) และจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (5 ราย)
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้คงเป็นวันที่ประชาชนออกเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือไปท่องเที่ยวกันในเทศกาลวันหยุดเทศกาลสงกรานต์กันอย่างคับคั่ง โดยพบว่าถนนหลายที่มุ่งสู่ต่างจังหวัด สภาพจราจรเริ่มติดขัด มีรถบนถนนจำนวนมาก จึงอยากเน้นย้ำถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
“อีกสาเหตุของอุบัติเหตุคือการดื่มสุราหรือของมึนเมาขณะขับขี่ เราได้เน้นย้ำและรณรงค์กันทุกปีเรื่องเมาไม่ขับ เพื่อจะได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ไม่เฉพาะคนขับขี่ แต่รวมถึงผู้โดยสารอยู่ในรถด้วย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะนอกจากทำให้เกิดอันตรายแล้ว ยังมีความผิดตามกฎหมาย โดยหากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ยังมีเรื่องห่วงกังวล เพราะข้อมูลกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2558-2567 พบว่า เดือน เม.ย. มีคนจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 327 คน กลุ่มอายุ 45-59 ปี เสียชีวิตสูงที่สุด (84 คน) รองลงมาเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี (70 คน) โดยช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13-15 เม.ย. มีคนจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยวันละเกือบ 15 คน มากกว่าวันปกติถึง 1.5 เท่า เฉพาะวันที่ 13 เม.ย. มีการจมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุดเฉลี่ย 18 คน ซึ่งกรมควบคุมโรคยังพบว่า การจมน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์มากกว่าครึ่งเกิดจากการเล่นน้ำ (58.6%) และเกิดเหตุมากสุดในแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแหล่งน้ำตามธรรมชาติ 79.3% ที่สำคัญคือ คนที่จมน้ำมีการดื่มแอลกอฮอล์ถึง 12% และทั้งหมดไม่สวมเสื้อชูชีพ ดังนั้น ถ้าอยากจะลงเล่นน้ำควรมีสภาพร่างกายที่พร้อม มีเสื้อชูชีพ หรือใช้อุปกรณ์ช่วยลอยน้ำ ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันระวังป้องกันไม่ให้มีความสูญเสียขึ้น
สำหรับบรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนานั้น ในเส้นทางขึ้นสู่ภาคเหนือถนนสายเอเชีย รถยนต์เริ่มหนาแน่น แต่ยังคล่องตัว แต่คาดว่าช่วงบ่าย-เย็นจะมีปริมาณรถยนต์สะสมเพิ่มจำนวนมากขึ้น ในขณะที่เส้นทางเดินกลับภาคอีสาน การจราจรบนถนนมิตรภาพตั้งช่วงผ่าน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ปริมาณรถหนาแน่น เคลื่อนตัวได้ช้า และคาดว่าปริมาณรถจะมากขึ้นในช่วงค่ำและช่วงกลางคืนจนเช้าวันที่ 13 เม.ย.
ขณะที่ ถนนทางหลวง 24 ช่วง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ที่รองรับรถจากภาคกลางและภาคตะวันออก เส้นทางหลักมุ่งสู่อีสานใต้มีรถสัญจรกลับภูมิลำเนาหยุดยาวสงกรานต์คับคั่ง แต่ยังสามารถเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่และกู้ภัยนำแบริเออร์ปิดจุดกลับรถเสี่ยงอันตรายป้องกันอุบัติเหตุและระบายรถไม่ให้ติดสะสม
ส่วนบรรยากาศการจัดงานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสาน เทศกาลดอกคูนเสียงแคนและถนนข้าวเหนียวในปีนี้ ถือว่ามีความพร้อม 100% โดยเทศบาลนครขอนแก่นได้ปิดถนนศรีจันทร์ตั้งแต่ช่วง 4 แยกประตูเมือง ถนนมิตรภาพ ไปจนถึงสี่แยกเตียวฮง ถนนหน้าเมือง ระยะทางกว่า 1.5 กิโลเมตร พร้อมติดตั้งเวทีขนาดใหญ่มหึมาเท่ากับถนน 6 เลน เพื่อใช้เป็นเวทีกลางของงานและเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นคลื่นมนุษย์ ท่ามกลางมาตรการ สนุก ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่องทุกปี
ด้านการจราจรเส้นทางถนนเพชรเกษมไปยัง จ.ระนอง ฝั่งทะเลอันดามัน และถนนเอเชีย 41 ไปทาง จ.สุราษฎร์ธานี ฝั่งทะเลอ่าวไทย การจราจรค่อนข้างหนาแน่น มีทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตำรวจทางหลวง ฝ่ายปกครอง หน่วยกู้ภัย ตั้งด่านคอยอำนวยความสะดวก บริการที่พักชั่วคราว ห้องน้ำ อาหารเครื่องดื่มไว้บริการเพื่อพักผ่อนระหว่างเดินทาง
วันเดียวกัน ในเวลา 04.15 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ได้รับแจ้งจากสายด่วน 1465 ว่ามีเรือท่องเที่ยวแบบดำน้ำลึกเกิดเหตุไฟไหม้ บริเวณจุดดำน้ำ (บุญสูง) พิกัด Lat 08°46.1531'N Long 098°11.451'E หรือพิกัด แบริ่ง 351 ระยะ 13 ไมล์ทะเล จากท่าเทียบเรือทับละมุ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และอยู่ทางทิศตะวันตกของปลายแหลมปะการัง แหล่งท่องเที่ยวย่านเขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา มีคนบนเรือ 26 คน เป็นนักท่องเที่ยว 16 คน และลูกเรือ 10 คน ได้ลงเรือชูชีพและรับการช่วยเหลือจากเรือในพื้นที่นำขึ้นฝั่งปลอดภัยแล้ว
ส่วนบรรยากาศในเขตเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา ช่วงเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและคนไทยที่เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางเทศบาลเมืองเบตงจัดขึ้น ภายใต้ชื่อโครงการอนุรักษ์สืบสานประเพณีสงกรานต์ 2568 Betong Song Kran Festival @betong Clock Tower โดยปีนี้ทางเทศบาลเมืองเบตงผสานความสนุกสุดมันส์และกิจกรรมแบบจัดเต็มไว้ให้ครบในที่เดียว ชมการแสดงดนตรีจากศิลปิน ปาร์ตี้โฟม อุโมงค์น้ำแฟนซี ยาว 50 เมตร และการประกวด Betong Senior Contest นักท่องเที่ยวเล่นน้ำคลายร้อนตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12-14 เม.ย.2568 ทำให้โรงแรม ที่พัก ถูกจองเต็มยาวไปถึงวันที่ 17 เม.ย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


