แห่เชียร์‘กองทัพ’ เสริมกำลังชายแดนไทย/โต้ปลด‘มทภ.2’

อึ้ง! นายกฯ แพทองธารชิ่งตอบปัญหาชายแดน “บิ๊กอ้วน” ร่ายยาวท่องคาถาเดิมยึดมั่นสันติวิธี ขอให้รอเจบีซีถก 14 มิ.ย.นี้ โยน  สมช.ชงปิดด่าน เตรียมลงพื้นที่ 4 มิ.ย. ให้กำลังใจแม่ทัพภาค 2 ลั่นปฏิบัติตามกรอบ ประกาศไม่มีปลดแน่ พร้อมดีดปาก “เท้ง-กัณวีร์” เชียร์ให้ทำสงคราม “วิสุทธิ์” ขึงขังเตรียมให้ฝ่ายกฎหมายฟ้องคนโพสต์ปมปลด มทภ.2 “เขมร” มาอีกแล้ว  ปูดข่าวโดรนไทยล้ำน่านฟ้า “วินธัย” สวนไม่ต้องใช้ดูสื่อสังคมโซเชียลก็รู้แล้ว “สภาสูง” เริ่มขยับนัดไปช่องบก 9-12 มิ.ย.

เมื่อวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2568 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีประเทศกัมพูชามีท่าทีจะฟ้องศาลโลกเพื่อแย่งชิงพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต  (ช่องบก) อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควายนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังเป็นประธานนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ปฏิเสธให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าว โดยหลังจากนายกฯ เดินทักทายผู้มาร่วมงาน ได้เดินเลี่ยงจุดที่สื่อมวลชนรอสัมภาษณ์  รวมถึงเลื่อนจุดขึ้นรถ โดยเดินไปออกอีกทางหนึ่ง  ซึ่งสื่อมวลชนก็ได้วิ่งตามไปสอบถาม แต่นายกฯ   เพียงส่งยิ้มแต่ไม่ตอบคำถาม และขึ้นรถไปทันที

ขณะที่ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ​ กล่าวถึงจุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าได้บอกไปหลายครั้งแล้ว คือยึดมั่นในแนวทางแก้ไขแบบสันติวิธี พยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรง และยึดมั่นในการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชน ที่ผ่านมาเราได้พยายามแสดงจุดยืนเหล่านี้ และพยายามหาช่องทางในการเจรจาเพื่อหาทางยุติได้อย่างสงบ ขณะเดียวกันเราก็ไม่ประมาท มีการประสานงานกันอย่างทั่วถึงตลอดเวลากับทางกองทัพ กองทัพภาค ผู้บัญชาการทหารบก​ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

“สิ่งที่เราทำขณะนี้ในแง่ของกองทัพ เราเตรียมความพร้อม เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ เท่าที่ตรวจดูในรายละเอียดต่างๆ มีการวางกำลังที่สามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศได้ โดยมั่นใจ และกองทัพก็ได้มีการเตรียมการอย่างเหมาะสม ไม่มีความบกพร่อง” นายภูมิธรรมระบุ

นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ย้ำอีกครั้งว่า กองทัพ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ พูดคุยกันมาตลอด ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี อีกทั้งเรื่องนี้เกี่ยวพันกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ซึ่งอำนาจสูงสุดในการเสนอที่จะปิดด่านหรือไม่อยู่ที่ สมช. กรณีนี้อาจมีความเข้าใจผิดกัน เพราะเราได้พูดคุยกันแล้วว่ามาตรการปิดด่านถือเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะนำมาใช้ ซึ่งเราจะเริ่มต้นจากเบาไปหาหนัก และคิดว่าหนทางที่ดีที่สุด เรายึดมั่นในเอ็มโอยู 2543 ซึ่งถือเป็นข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้ว ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่าคุยอะไรกันมาอย่างไร เราคิดว่าการเจรจาเป็นหนทางที่เริ่มต้นที่ดีที่สุด เปิดช่องทางการทูตให้คุยกัน

นายภูมิธรรมยังกล่าวต่อว่า ในขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ มีเหตุการณ์และความตึงเครียดเกิดขึ้น ต้องทำหน้าที่ในการเตรียมกำลัง หากเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้นก็ต้องปกป้องอธิปไตยของประเทศให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 2 ยังอยู่ในกรอบ ต้องเห็นใจกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งทหารไม่ได้กลัวอะไรอยู่แล้ว เพราะมีหน้าที่ แต่ทั้งนี้สิ่งต่างๆ ที่ทำมา ก็คิดว่าจะค่อยๆ ยกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจา คิดว่าอะไรที่นำไปสู่ความรุนแรงขึ้นต้องคิดให้รอบคอบ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรตามอำเภอใจ หรือตามความรู้สึกของเรา

บิ๊กอ้วนดีดปาก ‘เท้ง-กัณวีร์’

“แกนนำพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายกัณวีร์ สืบแสง ออกมาพูดยั่วยุ ผมไม่อยากเห็น อย่านำเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมืองเพื่อเอาชนะกัน วันนี้ต้องมารวมพลังและช่วยกันดู และทหารกับเราก็ไม่มีปัญหากัน” นายภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ในวันที่ 4 มิ.ย. เตรียมเดินทางลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ อยากให้เข้าใจ คนเชียร์คนตัดสินใจที่จะให้เกิดสงครามอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แม้ทหารของเราจะเข้มแข็งกล้าหาญ และพร้อมปฏิบัติหน้าที่ เราต้องคำนึงความเหมาะสมและความจำเป็นถึงที่สุดที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ และเฝ้าระวัง อย่าไปอะไรเลย เรารู้อยู่แล้วว่าทั่วโลกมีความขัดแย้ง เขาก็เน้นเรื่องการสร้างสันติสุข หาทางออกด้วยการเจรจา การนำไปสู่ความรุนแรง อยากให้ขอเป็นสิ่งสุดท้าย ขณะนี้ต้องจำกัดพื้นที่ลดความขัดแย้งว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะทำ

"เรื่องอธิปไตยของประเทศ ไม่ต้องห่วง  รัฐบาลยึดมั่นในเขตแดนและอธิปไตยของประเทศเต็มที่ ไม่มีปัญหา สำคัญคนในประเทศต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่เอาประเทศมาเป็นเงื่อนไข  ไม่เกิดความรุนแรง ในขณะที่เรากำลังเจรจาแสดงท่าทีต่อสาธารณชน และต่อสายตาทั่วโลก  ยืนยันว่าไม่มีการปลด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เราไปปลดท่านทำไม เพราะท่านทำงานตามหน้าที่ดีอยู่แล้ว ยังมีรูปท่านฮุน เซน   ประธานสภากัมพูชาลูบหัวผม ไปดูให้ดีว่าเป็นการใช้ AI ทำทั้งนั้น ทั้งนี้ มีความพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง มีการดำเนินการทุกวิถีทาง เราต้องรอบรู้” นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามว่า เรายึดกติกาแต่กัมพูชาไม่ได้ยึดกติกาเลย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่จริง เรามีกระบวนการ ในการพูดคุยมีกระบวนการอยู่แล้ว  เราพยายามทำอย่างนุ่มนวล ไม่อยากให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แล้วก่อให้เกิดความเข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซีไทย-กัมพูชา มีขึ้น 14 มิ.ย.นี้ ที่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา โครงการดำเนินการต่างๆ ในแต่ละประเทศก็เป็นการบริหารจัดการภายในของเขา ก็ไม่ว่ากัน ก็ไม่มีผลอะไร

“ที่ท่านฮุน เซน แสดงท่าทีแข็งกร้าวด้วยถ้อยคำรุนแรง ผ่านการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย ก็ไม่เป็นอะไร ไม่มีผลทางกฎหมายระหว่างประเทศ เขาจะพูดอะไรก็เป็นเรื่องของเขา อยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ เรายึดถือผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศเป็นหลัก สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ยึดถืออธิปไตยของประเทศ มุ่งสู่สันติวิธี  พยายามเลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามให้มากที่สุด  เพราะจะส่งผลกระทบต่อกำลังพลและประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน เราทำงานสอดประสาน กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และ สมช. เราพร้อมที่จะปกป้องประเทศและผลประโยชน์ของเรา แต่ขอเลือกหนทางที่สูญเสียน้อยที่สุด”

   ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย  กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้มีข้อกำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีที่ตั้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง ดำเนินการตามภารกิจการดูแลความมั่นคงภายใน ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

น.ส.ไตรศุลีกล่าวอีกว่า ล่าสุดมีรายงานจากพื้นที่มายังนายอนุทินว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ได้จัดประชุมเตรียมพร้อมร่วมกับนายอำเภอ ตลอดจนฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับกรณีสถานการณ์มีความรุนแรงจนกระทบความปลอดภัยกับประชาชน โดย จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ว่าที่ พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี ได้ประชุมการเตรียมความพร้อมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์ จำนวนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ชี้แจงแผนอพยพประชาชน กำหนดจุดรวมพลและจุดพักพิงในพื้นที่ปลอดภัย ตลอดจนการดูแลประชาชนในจุดพักพิง ให้ทุกขั้นตอนปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ได้จัดประชุมเตรียมความพร้อมเช่นกัน

 “การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทยขณะนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การดูแลความปลอดภัยประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนสถานการณ์ตามแนวชายแดนนั้น มีเจ้าหน้าที่ทหารดูแลอย่างใกล้ชิด ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้นอีก ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก อย่าหลงเชื่อข่าวลือใดๆ ขอให้รับฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

เขมรตีข่าวโดรนล้ำดินแดน

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์รายงานว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ โดยขแมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิ.ย. ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหาร สามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา

ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่จริง และการใช้โดรน ปัจจุบันถือเป็นเรื่องปกติ การใช้โดรนในพื้นที่ดังกล่าวต่างฝ่ายก็ใช้กัน ทั้งไทยและกัมพูชา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนของใครหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไทยไม่มีการส่งโดรนเข้าไป และโดรนดังกล่าวก็ไม่ใช่ของไทย

 “การเคลื่อนกำลังพลหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านทางโซเชียลมีเดียเต็มว่อนไปหมด จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โดรน ดังนั้นการดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง” พล.ต.วินธัยกล่าว  

ที่ภูมะเขือ ต.หนามแท่ง อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสินได้เดินทางไปยังฐานปฏิบัติการภูมะเขือ เพื่อให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บนฐานปฏิบัติการภูมะเขือ โดยได้อัญเชิญพระพุทธรูปสมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ  (หลวงพ่อใหญ่โชคดี) ขึ้นไปประดิษฐานบนฐานปฏิบัติการภูมะเขือ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาผืนแผ่นดินไทย

พล.ท.บุญสินได้กล่าวให้โอวาทและกำลังใจทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่บนฐานปฏิบัติการภูมะเขือ  โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท ให้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราเป็นการทำหน้าที่เพื่อรักษาอธิปไตยมิให้ใครมารุกราน ขณะนี้พี่น้องประชาชนได้ส่งกำลังใจมาให้พวกเราที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน ให้มีขวัญและกำลังใจที่ดี ปฏิบัติภารกิจสิ่งใดก็ขอให้สำเร็จลุล่วง โดยมีพี่น้องประชาชนได้มอบรถไถให้แก่ทางทหารเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามชายแดน

    จากนั้นแม่ทัพภาค 2 พร้อมผู้บังคับบัญชา ได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม มาม่า ปลากระป๋อง พร้อมมอบเหรียญหลวงพ่อโชคดี เหรียญหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน และมอบเงินทหารทุกนายคนละ 500 บาท หรือประมาณ 60,500 เรียลกัมพูชา

ส่วนเพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความของ พล.ท.บุญสิน ว่า “ขอบคุณพี่น้องคนไทยที่มีจิตใจรักชาติ รักบ้านเมือง ยามนี้เป็นหน้าที่ของทหารตามแนวชายแดน เรามุ่งมั่นและเชื่อมั่นในทหารของประเทศไทยว่าจะสามารถปกป้องอธิปไตย และไม่ยอมให้เสียดินแดนตามที่พี่น้องมุ่งหวังและเป็นกำลังใจให้”

ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี  นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาคจำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้แก่กองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ

สำหรับเงินทั้งหมดนี้จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆ ที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหารที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยทยอยเดินทางขึ้นมาท่องเที่ยวบนปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กันอย่างคึกคัก ซึ่งการเดินทางมาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธมในครั้งนี้ต่างไปจากครั้งก่อนๆ ที่ขึ้นมาแล้วเดินชมปราสาทก่อนเข้าไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในปราสาท โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับนำสิ่งของ เครื่องใช้ ข้าวสารอาหาร แห้ง มาม่า ปลากระป๋อง และน้ำดื่มมามอบให้แก่ทหารกองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก เพื่อเป็นกำลังใจแก่ทหารผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ด้านกองทัพอากาศ โดยความร่วมมือของกรมสรรพาวุธทหารอากาศ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในประเทศ ได้พัฒนาระบบอาวุธขึ้นประกอบปืนเล็กยาวอัตโนมัติแบบ M4 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโดรน นอกเหนือจากการลาดตระเวนและตรวจจับ และยังได้ดัดแปลงให้โดรนดังกล่าว สามารถติดตั้งอาวุธและวัตถุระเบิดอื่นๆ ได้เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งได้นำไปทดสอบในพื้นที่จริง ซึ่งสามารถโชว์ศักยภาพการทำงานของระบบได้อย่างน่าพอใจ

พท.ขึงขังฟ้องข่าวปลด มทภ.2

สำหรับความคิดเห็นของนักการเมืองนั้น  นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสโซเชียลมีเดียจะปลดแม่ทัพภาค 2 ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะวันที่ 4 มิ.ย.นี้ นายภูมิธรรมจะไปพบแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อวางนโยบายปกป้องผืนแผ่นดินไทย คนที่ปล่อยข่าวเท็จออกมาเช่นนี้ถือว่าสิ้นคิด มีเจตนาขายชาติบ้านเมือง เพราะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม เป็นพฤติกรรมที่จิตใจต่ำทราม สร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนในสภาวะวิกฤตประเด็นอ่อนไหวระหว่างประเทศ

“ในวันที่ 4 มิ.ย. ผมจะประสานให้ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไปแจ้งความดำเนินดคีกับผู้ที่โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จคนแรก เพราะถือว่ามีความผิดนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และหากยังมีการแชร์ข้อมูลดังกล่าวกันต่อ ก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่ส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จต่อไปด้วย เนื่องจากทำให้ประเทศชาติเสียหาย” นายวิสุทธิ์ยืนยัน

 น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขอส่งพลังใจถึงเหล่าทหารกล้าทุกนาย ที่ยืนหยัดปกป้องผืนแผ่นดินไทย และธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยแห่งราชอาณาจักร เพื่อความสงบสุขของประชาชนทั้งประเทศ และในฐานะชาวอุบลราชธานี โดยกำเนิดและเติบโตมาในพื้นที่ที่มีพรมแดนติดต่อกับ 2 ประเทศ รู้สึกอุ่นใจเสมอที่ได้เห็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและเสียสละของทหารไทย

 “ขอให้ทุกภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี ขอให้ความสงบสุขหวนคืนสู่บ้านเมืองโดยเร็ว และขอเป็นกำลังใจแด่ทหารหาญทุกนาย ที่ยืนหยัดอยู่แนวหน้าเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย” น.ส.แนนกล่าว และว่า เราชาวไทยขอความร่วมมือ ร่วมใจ งดโพสต์ภาพที่เกี่ยวข้องทางการทหาร และอย่าตื่นตระหนก คอยติดตามข่าวสารจากทางภาครัฐอย่างใกล้ชิด

นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สส.ศรีสะเกษ พรรค ภท. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ในยามที่บ้านเมืองเผชิญความไม่แน่นอน ผู้นำต้องนิ่งด้วยสติ และมั่นคงในหลักการ ขอยืนเคียงข้างทหารทุกนาย ที่เสียสละและกล้าหาญยืนปกป้องผืนแผ่นดินไทย และขอส่งแรงใจไปถึงพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน สถานการณ์นี้ไม่ใช่เวลาสำหรับถ้อยคำอันร้อนแรง แต่เป็นเวลาของความมั่นคงทางจิตใจ เราปรารถนาสันติ แต่เราจะไม่ยอมให้ศักดิ์ศรีของชาติถูกดูแคลน ในฐานะผู้แทนราษฎร จะทำทุกอย่างภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ กฎหมายระหว่างประเทศ และเกียรติของประเทศไทย เพื่อปกป้องทั้งอธิปไตยและสันติภาพ นี่คือสิ่งที่ผู้นำต้องทำ และจะไม่ถอยจากหน้าที่นี้

สภาสูงจ่อลงพื้นที่

พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ ระบุว่า กมธ.การทหารฯ จะลงพื้นที่เพื่อรับทราบสถานการณ์ที่เป็นจริงจากกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 9-12 มิ.ย.2568 และได้ออกแถลงการณ์ถึงรัฐบาลเพื่อให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น

สำหรับแถลงการณ์ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของ กมธ.การทหารฯ มีดังนี้ 1.ขอให้รัฐบาลใช้กฎหมายและการเจรจาเป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้น 2.ควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่อย่างมืออาชีพ 3.สร้างความเข้าใจและแสวงหาความร่วมมือในทุกระดับ 4.ขอยกย่อง และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารและข้าราชการทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ อดทน ต่อการยั่วยุ และ 5.ขอเน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหา ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนและสื่อมวลชน โดยยึดหลักสันติวิธี กลไกทางกฎหมาย และการสื่อสารข้อเท็จจริง เพื่อรักษาอธิปไตยผลประโยชน์ของชาติ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อบ้าน

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว. และเลขาธิการ กมธ.การทหารฯ กล่าวว่า กมธ.ได้ติดตามปัญหามาอย่างต่อเนื่อง และได้นัดประชุมในวันที่ 4 มิ.ย. เพื่อขอมติเดินทางไปดูสถานที่จริง เพราะขณะนี้ประชาชนไม่มั่นใจในรัฐบาลที่บริหารประเทศโดยตระกูลชินวัตร อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการทำเอ็มโอยู 2543 ซึ่งเกิดขึ้นจากการทำกันระหว่างนายฮุน เซน กับนายทักษิณ และมีกระแสข่าวออกมาว่ากองทัพกับรัฐบาลมีความขัดแย้งมาตลอด จนสร้างความสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และที่น่าห่วงปัญหาที่จะเกิดตามคือการคลั่งชาติ ที่เกิดจากการแถลงข่าวของนายฮุน เซน อาทิ การนำปัญหาช่องบกขึ้นศาลโลก และสั่งให้กองทัพเขมรประชิดเขตแดน

นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พ.ศ.2556 นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เสียพระวิหาร รอบ 2 พ.ศ.2568 นายกฯ แพทองธาร อาจเสียปราสาทตาเมือนธม ทั้งทางบกยันกลางทะเลถึงเกาะกูด

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ กัมพูชานำหน้าเรา 1 ก้าวเสมอ ระบุว่า ขณะที่ข้อตกลงระหว่าง ผบ.ทบ.ทั้ง 2 ประเทศ ระบุให้ทหารทั้ง 2 ฝ่าย ถอยจากพื้นที่จุดปะทะที่ช่องบก หลังจากนั้นไม่เกิน 24 ชม. กัมพูชาบอกว่าถอยไม่ได้หรอก เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขา หลังจากนั้นไม่นาน ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ได้เรียกประชุมสภาเป็นการฉุกเฉิน และมีมติให้นำข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ขึ้นสู่ศาลโลกเรียบร้อยแล้ว มติที่ประชุมรัฐสภากัมพูชาจึงเหมือนยกเลิกข้อตกลงระหว่าง ผบ.ทบ.ของทั้ง 2 ประเทศไปเรียบร้อยแล้ว แต่รัฐสภาไทยและรัฐบาลไทยทำอะไรอยู่

  “ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างคุณทักษิณกับฮุน เซน ใช้ไม่ได้หรอก เพราะนี่เป็นผลประโยชน์ของชาติ เรื่องแบบนี้ กัมพูชาไม่เคยรักษาข้อตกลง และทำอะไรนำหน้าเราไป 1 ก้าวเสมอ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่อดีตแล้ว” นายนิพิฏฐ์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม

'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ