สภาสูงจวก‘รมว.สธ.’ ทำลายวิชาชีพแพทย์

"กมธ.สธ." สว.ซัด "สมศักดิ์" วีโตมติแพทยสภา ได้รับเกียรตินั่งสภานายกพิเศษ  กลับทำลายวิชาชีพแพทย์ ห่วงการเมืองแทรกแซงบั่นทอนความน่าเชื่อถือทั้งระบบ "อังคณา"  มั่นใจไม่มีผลต่อการพิจารณาคดี "ทักษิณ" ในศาลฎีกา "กวีอีสานใต้" ปลุกมวลชนหนุนแพทยสภา "ทนายชวภณ" โร่ร้องสอบจริยธรรมปมแชตหลุด

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นพ.ประพนธ์  ตั้งศรีเกียรติกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข วุฒิสภา แถลงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา วีโตมติแพทยสภาว่า ขอแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อกรณีดังกล่าว การวีโตดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปีนับแต่มีการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ การเป็นสภานายกพิเศษ เป็นการที่สภาวิชาชีพแพทย์ให้เกียรติ รมว.สาธารณสุข ในฐานะที่มาจากประชาชน ดังนั้นกรุณาอย่าใช้เกียรติที่สภาวิชาชีพให้มาทำร้ายวิชาชีพ

"ผมในฐานะ สว.ที่เป็นแพทย์ และคนในสายวิชาชีพด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ขอยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบของแพทยสภาไม่ใช่ของเล่น ไม่ควรถูกแทรกแซงจากอำนาจหรือการเมือง  เพราะข้อมูลที่ใช้ตรวจสอบ เช่น ใบเวชระเบียน ใบรับรองแพทย์ หรือความเห็นแพทย์ ไม่ใช่แค่กระดาษธรรมดา แต่คือพยานหลักฐานที่ศาลใช้ตัดสินคดีจริงๆ ถ้าข้อมูลเหล่านี้ถูกบิดเบือนหรือถูกเบี่ยงเบนไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ย่อมทำให้ความยุติธรรมและความไม่น่าเชื่อถือของระบบทั้งหมด ไม่เพียงแต่ในมิติของวิชาชีพแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงศรัทธาของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมในประเทศด้วย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพบทบาทขององค์กรวิชาชีพ ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง และร่วมกันรักษาความน่าเชื่อถือของระบบแพทยสภาไทยเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทั้งประเทศ" นายประพนธ์ระบุ

ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร สว. กล่าวถึงกรณีที่การวีโตมติแพทยสภา​ของ รมว.สาธารณสุข อาจลดทอนน้ำหนักหลักฐานการพิจารณาคดีของศาลฎีกาในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ว่า มติของแพทยสภาไม่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร หรือกรมราชทัณฑ์ แต่มติที่ออกมาเป็นการกล่าวถึงการป่วยของนายทักษิณว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่ ในการเข้ารักษาแบบพิเศษที่ชั้น 14 จากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งนายทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤต​ถึงขั้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สามารถรักษาได้ ดังนั้นการวีโตดังกล่าวไม่มีผลต่อการพิจารณาของศาลฎีกา​ และจริงๆ แล้วนายสมศักดิ์​ไม่ควรที่จะวีโต เพราะหากไม่เคารพต่อมติของแพทยสภา ที่ประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ​ที่มีความอาวุโส​ จะมีแพทยสภาไว้ทำไม และใครจะเป็นผู้กำกับจริยธรรมแพทย์ให้มีมาตรฐานเดียวกัน

ส่วนการไต่สวนของศาลฎีกาในวันที่ 13 มิ.ย.นั้น นางอังคณากล่าวว่า ยังเดาใจศาลไม่ได้ แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้จำคุก นายทักษิณได้จำคุกหรืออยู่ในสภาพที่เจ็บป่วย และจำเป็นต้องได้รับการดูแลพิเศษเช่นชั้นที่ 14 จริงหรือไม่ มองว่าศาลจะดูในลักษณะเช่นนี้ พร้อมมองว่า​ การตรวจสอบของแพทยสภา ถูกนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานว่า​นายทักษิณ​ไม่ได้มีภาวะอาการเจ็บป่วยถึงขั้นที่จะต้องเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ​ แต่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ปกติก็สามารถรักษาได้ คิดว่าศาลจะชั่งน้ำหนักดูเรื่องสัดส่วน และหวังว่าศาลจะพิจารณาโดยนำกรณีอื่นมาพิจารณาเพื่อเป็นบรรทัดฐาน ว่าต่อไปเมื่อมีนักโทษท่านอื่นที่ไม่ใช่นายทักษิณที่เจ็บป่วยมาก และขอรักษาตัวนอกกรมราชทัณฑ์จะเป็นไปได้หรือไม่

ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวงศกร ไชยศรีหา เป็นตัวแทนของนายชวภณ กมลคณาวุฒิ ทนายความ ยื่นหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เพื่อยื่นร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรมของคณะกรรมการแพทยสภา กรณีแชตไลน์แพทยสภาที่มีการชี้นำการลงมติแพทยสภาให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่ให้การรักษานายทักษิณ โดยมีนายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข รับหนังสือดังกล่าว

นายวงศกรกล่าวว่า ช่วงเช้าได้ไปยื่นต่อแพทยสภามาแล้ว และจากนี้จะไปยื่นต่อที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป

ขณะที่นายธนกฤตกล่าวว่า จะนำเรื่องให้สภานายกพิเศษเป็นผู้วินิจฉัยเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของแพทยสภาในการแสวงหาข้อเท็จจริงว่าเป็นแชตไลน์จริงหรือไม่ และอยู่ในกลุ่มของใคร ทั้งนี้ ตนมีตัวตนของคนที่ให้ข้อมูลและคนที่ส่งข้อมูลให้นายทักษิณต้องสอบถามอีกครั้งหนึ่ง กระบวนการนี้เริ่มต้นจากอคติ การจะวินิจฉัยใครต้องไม่มีอคติ และส่งผลให้เป็นปัญหาในเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ เพราะหากมุ่งจะทำให้เกิดความเสียหายจะไปต่อในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบได้

เมื่อถามว่า การตรวจสอบกรณีแชตไลน์ หากมีข้อมูลว่าไม่เหมาะสม จะทำให้มติแพทยสภาที่ผ่านมาต้องโมฆะหรือไม่ นายธนกฤตกล่าวว่า  อยากให้แยกส่วนกับการลงมติ เพราะประเด็นนี้เป็นเรื่องการตรวจสอบจริยธรรม ต้องดูว่าเป็นแพทย์คนใด หรือหากไม่ได้ ทางกระทรวงอาจทำหนังสือถึงตำรวจไซเบอร์ เช็กเส้นทางคนเกี่ยวข้องได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่การดิสเครดิต แต่ถามว่าทำทำไม ไม่ชอบใจก็เก็บไว้ แต่เมื่อออกสู่สาธารณะ และกลุ่มแชตไลน์ก็เป็นกลุ่มที่มีอำนาจหน้าที่ มีส่วนได้เสีย เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ ยิ่งเป็นกลุ่มที่เป็นแพทย์ มีต้นทุนทางสังคมสูง ควรเป็นแบบอย่างที่ดี และยิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงด้วย เป็นผู้นำองค์กร ก็ยิ่งต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ต้องทำเป็นบทเรียนว่าเรื่องนี้เอามาล้อเล่นไม่ได้

 “เรื่องนี้เกี่ยวข้องหลายกฎหมาย มีการเอ่ยชื่อบุคคลอื่น มีเอ่ยชื่อท่านทักษิณ ท่าน รมต.สมศักดิ์ และเอ่ยชื่อผม ก็ต้องดูว่าใครเสียหายอย่างไรบ้าง” นายธนกฤตระบุ

วันเดียวกัน นายวีระ สุดสังข์ กวีชื่อดังภาคอีสานและนักเคลื่อนไหวทางสังคม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เวลา 17.00-18.00 น. ที่สถานีรถไฟจังหวัดศรีสะเกษ ขอเชิญชวนพี่น้องจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ไปให้กำลังใจแก่ "แพทยสภา" กรณีคดีชั้น 14 และให้กำลังใจทหารหาญกองทัพภาคที่ 2 ที่ปกป้องคุ้มครองอีสานใต้ผืนแผ่นดินไทยโดยพร้อมเพรียงกัน "ยกย่องคนทำดี กล้าหาญ ดำรง พิทักษ์ไว้ซึ่งคุณธรรม".