กัมพูชาถอนกำลัง! ภูมิธรรมรีบขอบคุณเขมร กองทัพจ่อดาบสองตัดไฟ

"ฮุน เซน" โวยประเทศไทยต้องรับผิดชอบ ปิดด่านเองโดยไม่ถามมีแต่คนไทยเดือดร้อน  เหตุมูลค่าส่งออกมากกว่ากัมพูชาส่งมาไทย กต.จี้ให้กัมพูชาลดความตึงเครียด ยันไม่ต้องให้ประเทศที่ 3 มาช่วย "อนุทิน" ลุยชายแดนอุบลฯ ปลุกใจชาวบ้านปกป้องดินแดน มิลเดียวก็ยอมไม่ได้ กำชับผู้ว่าฯ นอภ.อยู่ในพื้นที่ตลอด ทบ.เริ่มมาตรการจำกัดการผ่านแดน ยกระดับขั้นตอนตามพื้นที่ “มทภ.2”   ฮึ่ม! หากเขมรเพิ่มกำลัง-ปะทะชายแดนตัดไฟฟ้า 9  จุด ขณะที่ทหารกัมพูชาถอนกำลังแล้ว พร้อมกลบคูเลตให้อยู่ในสภาพเดิม จัดเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2   ฝ่ายมาพูดคุยสัปดาห์ละ1 ครั้ง "ภูมิธรรม” ขอบคุณรัฐบาลกัมพูชา หวัง JBC 14 มิ.ย.นี้คลี่คลายปัญหาอย่างสันติ

เมื่อวันอาทิตย์ มีความคืบหน้าภายหลังทางการไทยสั่งปิดด่านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา  ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ของวันที่ 7 มิ.ย.เป็นต้นไป   เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ทหารกัมพูชารุกล้ำดินแดนไทย โดยสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ทรงอิทธิพลของกัมพูชา ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก โดยแปลเป็นไทยได้ว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าเห็นว่า Duong Chhay โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาหลักเป็นการเรียกร้องให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ของไทย   นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และข้าพเจ้า ได้เคยร้องขอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า โปรดอย่าทำให้ข้อพิพาทรุนแรงขึ้นจนลามไปสู่ภาคส่วนอื่นๆ และปลุกปั่นความเกลียดชังทางชาติพันธุ์”

 “วันนี้ กองทัพไทยได้ปิดด่านตรวจคนเข้าเมืองปอยเปตโดยฝ่ายเดียวก่อนกำหนด ดังนั้น ประเทศไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่สำหรับการกระทำนี้  สำหรับพลเมืองกัมพูชา สิ่งสำคัญคือต้องมีสติสัมปชัญญะ และหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ” ข้าพเจ้าเพียงต้องการเตือน ทั้งชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าหากสินค้าของไทยหายไปจากตลาดกัมพูชา นั่นไม่ใช่เพราะชาวกัมพูชาร่วมกันเลือกที่จะคว่ำบาตรสินค้า แต่เป็นผลที่ตามมาจากการปิดพรมแดน เพราะเมื่อผู้คนถูกปิดกั้น สินค้าก็จะถูกปิดกั้นไปด้วย

ตามสถิติการค้าปี ค.ศ.2024 กัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่ากว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมายังประเทศไทย ในขณะที่ไทยส่งออกสินค้ามายังกัมพูชามากกว่า 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่า การส่งออกของไทยเกินมูลค่าของกัมพูชามากกว่า 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้เพียงปีเดียว กัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มายังประเทศไทย ขณะที่ไทยส่งสินค้ามูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มายังกัมพูชา หากสินค้าที่นำเข้าไม่เข้าสู่กัมพูชาอีกต่อไป คนไทยควรแก้ไขปัญหานี้โดยตรงกับรัฐบาลของตนเอง เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือคนไทยเอง

 “สำหรับพลเมืองกัมพูชา ในกรณีที่ไม่มีสินค้าของไทย โปรดอย่าตำหนิรัฐบาลกัมพูชา เพราะการขาดแคลนนี้เป็นผลโดยตรงจากการตัดสินใจของประเทศไทยในการปิดพรมแดน ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้เพื่อนชาวกัมพูชาทุกคนรักษาความสงบ ความเป็นผู้ใหญ่ ความอดทน และความสุภาพ แต่ด้วยความแน่วแน่ หลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่จะเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเรา” สมเด็จฮุน เซน ระบุ

ที่กระทรวงการต่างประเทศ เวลา 14.30 น.  นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังกำหนดมาตรการควบคุมปิด-เปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทว่า ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนยังคงสงบเรียบร้อยดี ยืนยันว่ามาตรการเหล่านี้ ไม่ใช่การปิดด่านทั้งหมดหรือในทันที แต่เป็นแนวปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอนเหมาะสมตามระดับของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน 1.การจำกัดการผ่านแดนโดยอนุญาตเฉพาบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย ขนส่ง แรงงาน และงานจำเป็นอื่นๆ เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย 2.ปรับลดช่วงเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดน พร้อมทั้งกำหนดวันเวลาเข้าออกอย่างชัดเจน 3.ปิดจุดผ่านแดนบางจุด (selective closure) และ 4.ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดน กรณีเกิดสถานการณ์วิกฤต เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด

นายนิกรเดชอธิบายว่า มาตรการเกี่ยวกับจุดผ่านแดนซึ่งเป็นการกระทำเพียงฝ่ายเดียว (uniliteral action) มีเป้าหมายเพื่อรักษาความสงบปลอดภัยในพื้นที่ และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่ง และแน่นอนว่า จำเป็นต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจ การค้าชายแดน ชีวิตความเป็นอยู่ และมนุษยธรรมควบคู่กันไป

 “รัฐบาลไทยขอยืนยันถึงความเชื่อมั่นในการใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชามีอยู่ เช่น JBC ที่จะมาถึงนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อลดความตึงเครียดในภาวะที่เปราะบางเช่นนี้ เพื่อหาทางออกอย่างสันติ เคารพซึ่งกันและกัน และด้วยความจริงใจต่อกันเพื่อให้ชายแดนกลับสู่ภาวะปกติ มีความสงบสุขและปลอดภัย จึงขอเรียกร้องอีกครั้งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน หันมาใช้กลไกทวิภาคีให้เป็นประโยชน์สูงสุดเพื่อมิให้สถานการณ์ลุกลามออกไป”

ประเทศที่ 3 ห้ามจุ้น

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการปิดด่านอาจจะกระทบถึงการขนส่งสินค้าของไทยมากกว่ากัมพูชา ตามที่สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียก่อนหน้านี้ นายนิกรเดชอธิบายว่า เหตุผลของการเปิด-ปิดด่านเป็นไปเพื่อความปลอดภัยของประชาชน อาจมีผลกระทบต่อการค้า ซึ่งรัฐบาลได้คำนึงถึงเรื่องนี้แล้ว จึงมอบอำนาจให้แต่ละจุดภายใต้การควบคุมของทหารเป็นผู้พิจารณาเปิด-ปิด

สำหรับสมาชิกอาเซียน นายนิกรเดชระบุว่า ใช่ว่ากัมพูชาจะสื่อสารออกไปฝ่ายเดียว ไทยได้สื่อสารไปถึงอาเซียนและมิตรประเทศอื่นๆ เช่นกัน เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องบนพื้นฐานความเป็นจริง

"สิ่งที่เราสื่อสารคือเราจัดการปัญหาเองได้ เราจะจัดการปัญหาด้วยกลไกทวิภาคี ถึงจุดนี้เรายังไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากประเทศที่ 3 ประเทศที่ 3 ที่สนใจแล้วอยากรู้ส่วนใหญ่ก็ขอซักถามข้อเท็จจริง เช่น มาเลเซีย ซึ่งไทยไม่มีปัญหาในการให้ข้อมูล" นายนิกรเดชกล่าว

มีรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ   และ รมว.กลาโหม ได้ยกเลิกภารกิจเดินทางไปปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อประชุมทางทหาร และงานปารีสแอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 15-19 มิ.ย.68 นี้ เนื่องจากเป็นห่วงสถานการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 12-13-14 มิ.ย.นี้

สำหรับวันที่ 12 มิ.ย.68 แพทยสภาประชุมว่าจะเห็นชอบมติเดิมคือ ลงโทษแพทย์ 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีรักษาตัวชั้น 14 หรือจะเห็นด้วยกับการยับยั้งมติแพทยสภาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ส่วนวันที่ 13 มิ.ย.68 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองนัดไต่สวน ส่งตัวนายทักษิณรักษาตัวชั้น 14 ถูกต้องหรือไม่ และ 14 มิ.ย.68 การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

 วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ปักเป้า พร้อมปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) และอธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกไปที่ศูนย์พัฒนาเขตพื้นที่ชายแดน บ้านทุ่งสมเด็จ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทันทีที่มาถึง นายอนุทินได้รับฟังรายงานจากกองอาสารักษาดินแดน ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้ทหาร ชรบ. อส.และหน่วยงานฝ่ายปกครอง ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่

จากนั้นนายอนุทินได้กล่าวกับประชาชน โดยเริ่มจากการแนะนำ สส.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียง โดยพบว่ามี สส.ต่างพรรคมาด้วยคือ นายสมศักดิ์ บุญประชม สส.อุบลราชธานี พรรคไทรวมพลัง และนายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง มาต้อนรับด้วย ทำให้นายอนุทินกล่าวว่า นี่คนละพรรคกับตนนะ แต่วันนี้พรรคไม่มี มีแต่พวกคนไทยเท่านั้น วันนี้ถือว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องสุดท้าย เรื่องทุกข์เรื่องสุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด วันนี้แม้กระทั่งการเมืองก็ต้องผนึกกำลังกัน ป้องกันประเทศไทย ป้องกันพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัย ทุกอย่างเรียบร้อย ค่อยไปฟัดกันใหม่ วันนี้เดี๋ยวขอกอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยความรักกันก่อน

'อนุทิน' ลั่นมิลเดียวก็ยอมไม่ได้

"มีความมั่นคงเชื่อมั่นว่าพี่น้องทหารของเราจะปกป้องดูแลอธิปไตยของประเทศของเราได้อย่างเต็มที่แน่นอน ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และรวมกำลังใจส่งไปยังพี่น้องทหารที่คอยตรึงกำลังอยู่ตามแนวชายแดน รับรองว่าจะไม่ให้ใครรุกรานเข้ามา อย่าว่าแต่ตารางเมตรเดียว หรือนิ้วเดียว มิลเดียวก็เข้ามาไม่ได้ "

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ขอให้มีความมั่นใจว่าตนเองจะมอบอำนาจเต็มให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในการดูแล ทั้งเรื่องความปลอดภัย คุณภาพชีวิต หากเกิดความจำเป็นที่จะต้องออกมายังที่พักพิงชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ก็จะไม่มีความรู้สึกแตกต่างจากการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ที่บ้าน ให้ความยืนยันว่า ทีมงาน อส.และ ชรบ.ที่เข้มแข็งของ มท.จะดูแลบ้านเรือนเคหสถานของพ่อแม่พี่น้องทุกคนเหมือนบ้านของเราเอง ไม่ต้องกังวลขอให้ปลอดภัยไว้ก่อน ตนใช้มาตรฐานดูแลพี่น้องที่ออกมายังศูนย์พักพิงชั่วคราว ได้บอกผู้ว่าฯ เป็นข้อสั่งการว่า ไม่ใช่ที่ซุกหัวนอน ต้องเป็นบ้านหลังที่สองของท่าน ซึ่งจะต้องมีความสะดวก มาตรฐานสุขอนามัย อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค จะต้องมีมาตรฐานสมกับเป็นศักดิ์ศรีของประชาชนคนไทย

รมว.มหาดไทยยืนยันว่า เราไม่ทิ้งกันอย่างแน่นอน ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องอยู่ในจังหวัดจนกว่าสถานการณ์จะสงบ ตนจะไม่เรียกประชุมใน กทม.เป็นอันขาด หากติดภารกิจต้องประชุมออนไลน์ ต้องอยู่กับพี่น้องเพื่อประชาชนในพื้นที่

จากนั้นนายอนุทินได้เดินทางไปที่โรงเรียนบ้านแปดอุ้ม ร่วมการซ้อมเสมือนจริงของนักเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เมื่อเปิดเสียงสัญญาณเตือนภัยเด็กๆ จะวิ่งเข้าหลุมหลบภัย พร้อมกับคุณครูและ ชรบ.ที่คอยดูแลความเรียบร้อย ซึ่งนายอนุทินได้เข้าไปนั่งในหลุมหลบภัยกับเด็กๆ ด้วย ซึ่งโรงเรียนนี้มีบังเกอร์เดิมอยู่แล้ว 2 จุด และมีการขนทรายเข้ามาเพิ่มเพื่อทำเป็นบังเกอร์ นายอนุทินยังได้แจกสิ่งของและ และให้ค่าขนมเด็กๆ จำนวน 185 คน คนละ 200 บาท จากนั้นได้เข้าไปตรวจเยี่ยมนักเรียนตามห้องเรียนต่างๆ

จากนั้นนายอนุทินได้ประชุมวงเล็กกับผู้ว่าฯ 7 จังหวัด ที่มีชายแดนติดกับกัมพูชา ฝ่ายทหาร และฝ่ายปกครอง และส่วนราชการที่ อบต.โดมประดิษฐ์

นายอนุทินกล่าวถึงมาตรการการปิดด่านว่า เป็นเรื่องของการใช้นโยบายในการรักษาสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดความปกติให้เร็วที่สุด และทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้มอบอำนาจการตัดสินใจให้กับฝ่ายทหารได้ดำเนินการตัดสินใจ ดังนั้น มท.ก็เป็นเรื่องของการสนับสนุน  แนวหน้าเป็นเรื่องของทหาร

ส่วนที่สมเด็จฮุน เซน ให้ไทยรับผิดชอบในเรื่องของการปิดด่าน นายอนุทินย้อนถามว่า แล้วอธิปไตยของไทยใครรับผิดชอบ ถ้าเราต้องรักษาดูแลรับผิดชอบอธิปไตยของประเทศของเราแล้ว อะไรที่เป็นเรื่องของเรา เราก็จะรับผิดชอบเองอยู่แล้ว ส่วนการเจรจารัฐบาลมีวิธีการและแนวทางอยู่ เราแยกหน้าที่กันทำงาน

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ มีความห่วงใย และได้มีคำสั่งไปยังพื้นที่เขตการศึกษาต่างๆ ให้ติดตามสถานการณ์และซักซ้อม พร้อมกำชับถึงผู้บริหารสถานศึกษา หากรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากร ให้โรงเรียนสามารถสั่งหยุดเรียนได้ ขณะที่เรื่องการเรียนการสอน หากไม่สามารถสอนที่โรงเรียนได้ จะให้เด็กนำการบ้านกลับไปทำที่บ้าน และหากโรงเรียนใดมีเทคโนโลยีก็จะให้ทำการเรียนออนไลน์

ยกระดับปิดด่านเข้มข้น

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก เริ่มมีการใช้มาตรการดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.68 เวลา 19.00 น.ที่ผ่านมา ดังนี้ พื้นที่รับผิดชอบกองกำลังบูรพา 1.จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก (อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-16.00 น. โดยอนุญาตเฉพาะการค้าขาย หรือการเดินทางเพื่อทำงาน ห้ามชาวไทยเดินทางออกนอกประเทศเพื่อเล่นการพนันหรือท่องเที่ยว และเอกสาร Border Pass / Passport ใช้ได้ไม่เกิน 7 วัน รวมทั้งห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปผ่าน

2.จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (หนองเอี่ยน-สตึงบท) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-16.00 น. โดยกำหนดให้ใช้เป็นจุดผ่านแดนหลักสำหรับรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป 3.จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน (อ.คลองหาด จ.สระแก้ว) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-16.00 น. โดยอนุญาตเฉพาะการค้าขายหรือการทำงาน ห้ามนักพนันและนักท่องเที่ยวเดินทางผ่าน และเอกสาร Border Pass / Passport ใช้ได้ไม่เกิน 7 วัน รวมทั้งห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปผ่าน 4.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา (อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-12.00 น. โดยทหารจะใช้ดุลยพินิจในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกเป็นรายกรณี และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปผ่าน 5.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ (อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ เป็น 08.00-12.00 น. โดยทหารจะใช้ดุลยพินิจในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกเป็นรายกรณี และห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปผ่าน

พื้นที่รับผิดชอบกองกำลังสุรนารี 1.จุดผ่อนปรนการค้าช่องอานม้า (ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี) กำหนดเวลาเปิด-ปิดใหม่ 2.จุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู (ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์) 3.จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ (ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ) 4. จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม (ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์) นอกจากนี้ในส่วนพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ของกองทัพเรือ มีการกำหนดให้จุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้าทุกแห่ง ตามแนวชายแดน จ.จันทบุรี และ จ.ตราด

สำหรับการใช้มาตรการตามแนวชายแดนดังกล่าวนั้น ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นที่ 1 และขั้น 2 ยังไม่ได้มีการปิดจุดผ่านแดนใดๆ เว้นช่องทางธรรมชาติที่ได้ปิดไปแล้ว เป็นไปตามสภาพแวดล้อม ความรุนแรงและภัยคุกคามในแต่ละพื้นที่ ที่ปัจจุบันพบว่าทางฝ่ายกัมพูชายังคงมีการเพิ่มกำลังทหารในบริเวณแนวชายแดน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งไทยและกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน

สำหรับวันนี้เข้าสู่วันที่ 2 ของการเข้มการเปิด-ปิดด่านตามมาตรการของกองทัพบก แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า บรรยากาศชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องการเข้มงวดปิด-เปิดด่านวันแรกวานนี้ ได้รับแจ้งว่าทางประชาชนกัมพูชาว่าไม่อยากให้ไทยใช้มาตรการเข้มงวดในลักษณะนี้ เพราะส่งผลกับการค้าขายชายแดนต้องดำเนินการเร่งรีบ ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา ต้องรีบเข้ารีบออก มิฉะนั้นหากถึงเวลาปิดด่าน จะต้องนอนค้างอยู่ฝั่งประเทศไทย จึงทำให้การค้าขายชายแดนของกัมพูชาสะดุด เช่นเดียวกับฝั่งไทย พ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าต้องเร่งรีบในการขายของทั้งหมด แต่ยินดีที่ให้ทางทหารมีมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องประเทศชาติ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 ระบุอีกว่า ขณะนี่รอประเมินสถานการณ์ นับจากนี้หากทหารกัมพูชามีการเติมกำลังเข้ามาอีก ทางแม่ทัพภาคที่ 2 จะสั่งการให้ใช้มาตรการเพิ่มเติมในเรื่องการตัดไฟฟ้า จำนวน 9 จุด อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก จำนวน 5 จุด และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ จำนวน 4 จุด

เขมรยอมถอยปิดกลบคูเลต

ต่อมามีรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณชายแดนช่องบก ทหารฝ่ายกัมพูชาได้ติดต่อมายังกองกำลังสุรนารีเพื่อขอเจรจา โดยทางกองกำลังสุรนารีได้รายงานไปยัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้รายงานไปยัง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. เพื่อขออนุมัติในการเข้าไปพูดคุย โดยทางผู้การทหารบกได้อนุมัติให้กองกำลังสุรนารีจัดทหารเข้าไปพูดคุย

โดยได้ข้อยุติว่า กำลังทหารทั้ง 2 ฝ่ายจะถอยกลับไปยังจุดที่เคยอยู่เมื่อปี 2567 พร้อมทั้งให้ฝ่ายกัมพูชาปิดกลบคูเลต ปรับพื้นที่อยู่ในสภาพเดิม ทำให้ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่ายได้ถอยกำลังกลับไปยังจุดเดิมแล้ว นอกจากนี้ยังได้จัดให้เจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาพูดคุย ณ บริเวณจุดดังกล่าวสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เราได้รับรายงานข่าวจากการเจรจากันทั้ง 2 ฝ่ายในทุกระดับ สรุปตรงกันว่า ขณะนี้กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย (ไทย-กัมพูชา) ได้ออกตรวจแนวพื้นที่ร่วมกัน ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามหาวิธีการในการลดความขัดแย้งและการเผชิญหน้า ซึ่งทำให้สถานการณ์ในพื้นที่เป็นไปในทางที่ดีมากขึ้น ในนามของกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทย   ขอขอบคุณรัฐบาลกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังส่วนหน้าของกองทัพกัมพูชา ที่ได้ร่วมกันเจรจาและช่วยคลี่คลายสถานการณ์ไปในทางที่ดี เป็นไปตามหลักการที่ยึดสันติเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย

ความคืบหน้าขณะนี้ กองกำลัง 2 ฝ่ายได้มีการออกสำรวจพื้นที่และแนวคูเลตร่วมกัน และได้มีการกลบฝังพื้นที่ตามข้อตกลงร่วมกัน พร้อมกับมีการปรับกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายไปอยู่ในแนวพื้นที่ที่ได้ตกลงกันไว้ในช่วงสถานการณ์ปกติเมื่อปี 2567 เรียบร้อยแล้ว

"เราทั้ง 2 ฝ่ายคาดหวังจะให้วิถีทางการแก้ปัญหาผ่านกลไก JBC ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เป็นการคลี่คลายปัญหาของทั้ง 2 ประเทศอย่างสันติ กระทรวงกลาโหมขอขอบคุณกองกำลังฝ่ายไทย แม่ทัพภาค 2 และกองทัพบก ที่อดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์และยึดสันติวิธีเป็นที่ตั้ง จากนี้ไปขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกฝ่ายระมัดระวังการให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อไม่นำไปสู่สถานการณ์ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่มากยิ่งขึ้น" นายภูมิธรรมระบุ

เมื่อเวลา 19.09 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กและทวีตผ่าน X ว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไกการประชุมเจบีซีไทย-กัมพูชาในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

“ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายกังวล  และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า  จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน” นายกฯ ระบุ

ด้านความเห็นฝ่ายการเมือง นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย  (พท.) กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยห่วงใยสถานการณ์อันกระทบกับประเทศชาติและประชาชน ขอยืนยันจุดยืนและแนวทาง ดังนี้ 1.สนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ด้วยกลไกทวิภาคีตามแนวทางของรัฐบาล 2.มุ่งรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ        3.มุ่งมั่นให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ 4.เชื่อมั่นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  รัฐบาลจะพิจารณาแก้ไขสถานการณ์อย่างรอบคอบและเหมาะสม 5.สนับสนุนการสื่อสารข้อมูลอย่างสร้างสรรค์เพื่อลดความขัดแย้ง เรียกร้องไปยังทุกฝ่ายลดการปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ขอให้ตระหนักถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า   รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการชดเชยเยียวยาคนไทย และกดดันกัมพูชาต่อเนื่อง พร้อมสื่อสารให้ชาวกัมพูชาเห็นถึงความไม่ชอบธรรมของฮุน เซน และฮุน มาเนต จากท่าทีของฮุน เซน ที่ระบุว่าประเทศไทยต้องรับผิดชอบต่อมาตรการปิดด่านที่เกิดขึ้น พร้อมมีท่าทีที่พยายามที่จะทำให้กระแสชาตินิยมที่ตนเองปลุกขึ้นมาให้สงบลง สะท้อนว่า “มาตรการการปิดด่าน” ของเราได้ผล และสร้างผลกระทบต่อกลุ่มทุนที่สนับสนุนตระกูลฮุน ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนวุฒิสภา ออกแถลงการณ์ ขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ให้ดำเนินการกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการเรียกประชุมรัฐสภา เป็นการประชุมสมัยวิสามัญตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 122  ประกอบมาตรา 175 เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตามมาตรา 165 เพื่อให้ฝ่ายบริหารได้แถลงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทยกับกัมพูชาต่อประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งสาเหตุของปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนเพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันเสนอแนวคิดและแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้รัฐบาลได้นำไปเป็นข้อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม