เรียก‘ภท.’แจงฮั้วสว. ขู่ฟ้องกลับชุดไต่สวน

"แกนนำ ภท." ยอมรับ กก.บห.รวมทั้ง "เนวิน" ได้รับหมายเรียกจาก กกต. ให้เข้าชี้แจงปมถูกโยงฮั้วเลือกสว. "เสี่ยหนู" รับหมายเรียกส่งไปบ้านที่บุรีรัมย์ โวยเป็นการเมืองแน่ จะมองเกี่ยวกับ พท.ปรับ ครม.ขอ มท.คืนก็ได้ แต่ไม่มีปัญหาพร้อมไปชี้แจง ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าเล่าให้ “อิ๊งค์” ฟัง เหตุผู้ไม่หวังดีต้องการให้มีแผล "ไชยชนก” เผยเซ็นรับหมายแล้ว ชี้คำกล่าวหาไม่ปกติเหมือนถูกก๊อบวาง โต้รับผลประโยชน์ 400 ล้าน แค่บัญชีทรัพย์สินก็มีไม่ถึง "ชาดา" ลั่นอย่าใช้อำนาจรัฐมาเบนข่มขู่กัน ป้อง "เจเศรษฐ์" ไม่รู้เรื่อง "บิ๊กเกรียง" ไม่กังวลแต่ยังไม่ได้คุย "อนุทิน"  

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน มีรายงานข่าวแจ้งว่า คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ซึ่งเป็นกรรมการร่วมระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีการออกหนังสือเรียกตัวบุคคลเข้าไปชี้แจงต่อคณะกรรมการฯ กรณีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคการเมืองใหญ่หรือเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองใหญ่ อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย (ภท.), นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท. และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการ พรรค ภท., นายกรวีร์  ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท., นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ อดีต สส.ศรีสะเกษ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ, นายธนยศ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรค ภท., นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรค ภท., น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรค ภท., นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์  สส.พัทลุง พรรค ภท. เป็นต้น

มีรายงานว่า หากคณะกรรมการฯ สรุปให้ออกหมายเรียกแล้ว เมื่อได้รับหมายแล้วบุคคลเหล่านี้มีโอกาสเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งจะมีการสรุปสำนวนว่ามีมูลพอส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไปหรือไม่

ที่ จ.อุบลราชธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนชุดที่ 26 สำนักงาน กกต.ออกหมายเรียก "บิ๊กพรรคภูมิใจไทย" ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือก สว.ว่า “ผมได้รับหมายเรียกตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแล้ว ก็ยืนยันจะไปชี้แจง แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด เราก็ทำตามกฎหมาย เคารพกฎหมาย มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรเสียหาย“

"ผมนี่ไงบิ๊กภูมิใจไทยที่โดนหมายเรียก เพราะหมายส่งไปที่บ้าน จ.บุรีรัมย์ ยืนยันว่าก็จะไปตามหมายเรียกแน่นอน  ไปตามกฎหมาย พร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่างไม่ต้องกังวล"

เมื่อถามว่า เป็นการส่งสัญญาณรอยร้าวของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินยืนยันว่า "ไม่เกี่ยว แต่ถามว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือเปล่า ผมมั่นใจว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่มาจากใครหรือมายังไง คนในวงการก็รู้กันอยู่แล้ว แต่เราพูดไม่ได้ เราก็สู้ตามกฎหมายไป เพราะอย่างไรก็ตามมันก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย มั่นใจไม่ได้ทำอะไรผิด"

ต่อมาที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเรื่องนี้เกี่ยวกับกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องการทวงคืนเก้าอี้กระทรวงมหาดไทยหรือไม่ว่า ถ้าจะมองให้เกี่ยวก็เกี่ยวกันหมด แต่ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร อะไรที่เกี่ยวกับกฎหมายเราก็ทำตามกฎหมายไป เราไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร เราไปห้ามไม่ให้คนกล่าวหาเราไม่ได้ และไม่สามารถทราบได้ว่าเขามีวัตถุประสงค์อะไร ถ้าอันไหนแก้ไขไม่ได้ก็ต้องรับผิดไป แต่ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างไรก็ไม่ผิด

และเวลา 16.30 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้าว่า ตนได้รายงานต่อนายกฯ เกี่ยวกับกรณีคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ชุดที่ 26 ออกหมายเรียกตนไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว. ว่ามีผู้ไม่หวังดีต้องการให้ตนมีแผลหรือมีเรื่องอะไร แต่ไม่เป็นไรทุกคนต้องไปแก้ข้อกล่าวหา คนที่ไม่ได้ทำความผิด คนที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เราก็ต้องแก้ตามข้อเท็จจริงที่เรามีอยู่ ซึ่งในเรื่องนี้นายกฯ ก็ส่ายหัว และตนได้เล่าให้นายกฯ ฟังว่าที่มาที่ไปมันเป็นอย่างไร 

 ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีฮั้ว สว.ที่ชัดเจนว่าเป็นการเล่นงานการเมือง จะไม่กระทบต่อการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คดีฮั้ว สว.ที่มีหมายออกมาเป็นการแจ้งข้อกล่าวหา ยังไม่ใช่เป็นผู้ต้องหา  ใครกล่าวหาอย่างไรก็ได้ อย่างเรื่องของตนโดนข้อกล่าวหาว่ามีเจตนาล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตนเป็น สส.ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย มันก็ขัดแย้งกัน  ตนก็ไปแก้ข้อกล่าวหาเรื่องนี้ เรื่องฮั้ว สว.มีเส้นทางการเงินไปสนับสนุน สว. แต่ตนรู้จัก สว.ไม่เกิน 5 คน สว.ที่ตนรู้จักและสนิทที่สุดคือ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นเพื่อนที่หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร  (วปอ.) อีก 1 คนคือ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร เป็นเพื่อนหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รวมถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ที่มีบ้านอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ เคยเป็นอธิบดีกรมการปกครอง ตนน่าจะรู้จักอยู่แค่นี้ 

ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายไชยชนก ชิดชอบ สส. บุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการ พรรค ภท. เดินทางเข้าร่วมประชุมประจำสัปดาห์ ผู้สื่อข่าวได้พยายามขอสัมภาษณ์ถึงประเด็นการไปรับทราบข้อกล่าวหาการฮั้วเลือก สว. นายไชยชนกกล่าวว่า ตนได้รับหมายเรียกจาก กกต.แล้ว ซึ่งตนเป็นผู้ลงชื่อรับให้นายอนุทินและครูใหญ่ภายในพรรคอีกด้วย ส่วนการชี้แจงนั้นตนจะไปด้วยตัวเอง และขอให้ปล่อยเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ส่วนข้อกล่าวหาที่ กกต.แจ้งนั้น นายไชยชนกระบุว่า เท่าที่ตนได้อ่านข้อกล่าวหาเหมือนกับถูกการคัดลอก วางดูไม่ค่อยเจาะจง และเป็นไปตามคำกล่าวหาปกติของคดีสักเท่าไหร่ กล่าวถึงการพาดพิงหญิงรายหนึ่ง ที่ระบุว่าตนได้รับผลประโยชน์จากการฮั้วเลือก สว. 400 ล้านบาทนั้น แต่การยื่นบัญชีทรัพย์สินของตนต่อ ป.ป.ช.ก็มีไม่ถึงแล้ว ส่วนช่วงกระบวนการเลือก สว. ตนก็ไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย ก็ไปดูงานกับคณะกรรมาธิการฯ ที่ประเทศเอสโตเนีย ซึ่งมองว่ามีความไม่จริงเยอะ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้พูดคุยกับนายเนวินบิดาแล้วหรือยัง นายไชยชนกกล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องคุย เนื่องจากตนไม่มีส่วนร่วมแน่นอน ที่จะส่งผลให้การเลือก สว.ออกเป็นแบบไหน ตนเป็นคนไม่ทำเหนือกฎหมาย  

 ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า กฎหมายคือกฎหมาย การทำงานของเจ้าหน้าที่เขาก็มีระบบของเขา เราก็มีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของเรา เพียงแต่อย่าพยายามเบี่ยงเบนแล้วใช้อำนาจรัฐมาข่มขู่กัน อย่าทำแบบนั้นและอย่าคิดอย่างนั้น ในส่วนของ ภท.เมื่อถูกหมายเรียกก็ต้องไปชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของพรรค เป็นเรื่องที่ยังต้องไปว่าตามกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ที่รัฐสภา นายชาดาให้สัมภาษณ์ว่า นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรค ภท. บุตรชาย ได้รับหมายเรียกแล้วเช่นกัน ทั้งนี้จะมีการเดินทางไปชี้แจงต่อ กกต.ตามกระบวนการ แต่กรณีของนายเจเศรษฐ์เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย

"แต่ก็ถือว่าคนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ เขาก็ทำหน้าที่ของเขา เราก็มีข้อที่จะแก้ต่าง ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย เรื่องนี้เป็นหน้าที่ใครหน้าที่มัน แต่จะมีผลกระทบอะไรก็ว่ากันไป แต่ผลสุดท้ายจะมีผลกระทบแน่นอน ส่วนจะมีผลแบบไหนผมก็ไม่ทราบ ว่าจะเป็นบวกหรือเป็นลบกับใคร" นายชาดากล่าว

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรค กรณีที่มีจดหมายเชิญไปรับทราบข้อกล่าวหาของหัวหน้าพรรคและกก.บห.ทุกคน พรรค ภท.พร้อมชี้แจงและมั่นใจว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ข้อกล่าวหาที่ได้แจ้งมี 4 ประเด็น คือ 1.การเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ 2.การจ่ายเงินให้เป็นค่าจ้าง จ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการเลือก สว. 3.การทำโพยฮั้วเลือก สว. 4.การให้ผู้สมัครเลือก สว.ที่ผ่านการเลือกระดับจังหวัด เขียนใบลาออกล่วงหน้าโดยไม่ลงวันที่ ทั้ง 4 ประเด็นนี้ทำให้การเลือก สว.ไม่สุจริต แจ้งข้อกล่าวหาการกระทำผิดเป็นการขัดหลักพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นข้อหาที่รุนแรงและร้ายแรง

 "การประชุมและการดำเนินการสอบสวนไต่สวนของคณะที่ 26 ถูกชี้นำหรือครอบงำโดยพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษใช่หรือไม่ เป็นไปตามแผนยุบพรรคภูมิใจไทย และสังเกตว่าการแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ที่กระทำผิดร่วมกัน มีการกระทำเป็นขบวนการ ทั้งบุคคลที่เปิดเผยตัวและบุคคลที่ยังเป็นทางลับ หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค จะขอใช้สิทธิ์ดำเนินการตามกฎหมายที่แจ้งความเท็จให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องสิทธิ์และรักษาเกียรติของพรรคภูมิใจไทย” โฆษกพรรค ภท.กล่าว

 ด้าน พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องฮั้ว สว.ก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ เราทุกคนที่ได้รับทราบข้อกล่าวหาก็ไปชี้แจงมาแล้ว ขอบคุณมากที่เป็นห่วง

เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวมีชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีความเป็นห่วงหรือไม่ เพราะเป็นเพื่อนซี้กัน พล.อ.เกรียงไกรกล่าวว่า ไม่ทราบครับ ท่านอนุทินอยู่หน้าแนว ยังไม่ได้มีโอกาสได้คุยกัน และไม่กังวลใจว่าเรื่องนี้อาจนำไปสู่การยุบพรรค.