“ในหลวง” พระราชทานสิ่งของเป็นกำลังใจแก่ทหาร กกล.สุรนารี ทภ.2 ที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย-กัมพูชา “นายกฯ อิ๊งค์” ประชุมหน่วยความมั่นคง ประกาศท่าทีแข็งกร้าวไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ให้ใครมาใส่ร้ายหรือข่มขู่ หลัง “ฮุน เซน” ขีดเส้น 24 ชม.ให้ไทยเปิดด่าน นายกฯ สั่งตั้งทีมไทยแลนด์ให้ “บิ๊กเล็ก” ดูแล พร้อมซัด “เขมร” ชอบสื่อสารแบบไม่เหมือนที่ตกลงกันไว้ “กต.” ต้วมเตี้ยมแถลงรัวๆ ยืนยันเขมรไม่จริงใจ “ประธานเจบีซีไทย” ลั่นเป็นการเจรจาทางเทคนิคที่ราบรื่นที่สุด “คำนูณ-อดีตบิ๊กข่าวกรอง” เตือนอย่าใจดีกับงูเห่า
เมื่อวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย. 2568 ที่ปราสาทตาเมือนธม ฐานปฎิบัติการกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ลงพื้นที่ชายแดนช่องบก ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดน พร้อมน้อมนำพระราชกระแสห่วงใย ขวัญและกำลังใจมายังประชาชนตามหมู่บ้านชายแดน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และฝ่ายทหารในการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ข้าราชการฝ่ายปกครอง ตำรวจ และประชาชนร่วมให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ หลังมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อเป็นกำลังใจแก่ทหารเสร็จ พล.อ.ไพบูลย์ได้ล้อมวงพูดคุยกับนายอนุทิน, พล.ท.บุญสิน และ พล.ต.สมภพ รวมทั้งข้าราชการถึงสถานกาณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานว่า เช้าวันนี้สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ประกาศว่าไทยต้องเปิดด่านชายแดนทั้งหมดกับกัมพูชาภายใน 24 ชั่วโมงนี้ มิฉะนั้นกัมพูชาจะปิดด่านชายแดนทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทั้งหมดเข้าสู่ราชอาณาจักรกัมพูชา
โดยสมเด็จฮุน เซน ยื่นคำขาดดังกล่าว ขณะกล่าวข้อความพิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาเมื่อเช้าวันที่ 16 มิ.ย.ว่า กัมพูชาควรปิดพรมแดนทั้งหมดกับไทยในวันนี้ แต่รัฐบาลกัมพูชาได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่ตัวเขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย แต่หากไทยยังไม่เปิดด่านชายแดนกับกัมพูชาทั้งหมดตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะห้ามไม่ให้ผลไม้และผักของไทยเข้ามาในด่านตรวจชายแดนทั้งหมดของเรา
ในประเด็นการปิดพรมแดน สมเด็จฮุน เซนระบุว่า ขอให้ประชาชนไทยอย่าโกรธรัฐบาลกัมพูชา เพราะทุกอย่างเริ่มต้นจากกองทัพไทย หากประชาชนไทยต้องการประท้วงก็ควรประท้วงทหารไทย
“โปรดจำไว้ว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชากับไทยได้ทวีความรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นข้อพิพาทที่ดุเดือด หลังจากกองทัพไทยได้ยิงปืนเข้าไปในสนามเพลาะของกัมพูชา เป็นเหตุให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ในที่สุดกัมพูชาได้ยื่นฟ้องคดีในพื้นที่ 3 จุด คือ ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2025”
ส่วนที่บ้านพิษณุโลก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนหน่วยงานความมั่นคง และได้เลื่อนกำหนดการให้ น.ส.สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 และคณะมิสเวิลด์เข้าเยี่ยมคารวะออกไป เป็นวันอังคารที่ 17 มิ.ย.นี้แทน เวลา 14.00 น.
และในเวลา 12.00 น. น.ส.แพทองธารแถลงภายหลังการประชุมด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า ในที่ประชุมเห็นตรงกันว่าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เป็นผลสำเร็จที่ได้พูดคุยกันและยอมรับกรอบการประชุม โดยได้พูดคุยทุกระดับทั้งหน้างานจนถึงนายกฯ พูดคุยติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่อง วันนี้ที่ประชุมมีเรื่องการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์เป็นทีมไทยแลนด์ โดยให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นคนนำทีมมอนิเตอร์ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดเพื่อดำเนินการต่างๆ และยืนยันในเรื่องศาลโลกประเทศไทยไม่ยอมรับเรื่องศาลโลก โดยตอนนี้มีการตั้งทีมทำงานว่าเราจะปกป้องและตั้งรับอย่างไร และหาข้อมูลต่างๆ ว่าจะปกป้องประเทศหรือตอบโต้อะไรยังไงบ้าง เราต้องมีกรอบในการทำงานนี้ ตอนนี้เราศึกษาในเรื่องของกฎหมายและประวัติความเป็นมา มีข้อมูลครบแล้ว
ซัดเขมรสื่อสารผิดข้อตกลง
เมื่อถามว่า กรณีสมเด็จฮุน เซน ประกาศปิดด่านชายแดนทุกด่านที่ประชุมได้หารือเรื่องนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องการปิดด่านยืนยันว่าเราไม่ได้ปิด เพียงแต่กำหนดเวลาการเปิด-ปิด เปลี่ยนไปจากเดิม และเราได้ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้กองทัพเป็นผู้ดูสถานการณ์ ยืนยันว่าเราได้พูดคุยตลอด โดยคุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต ครั้งแรกวันที่ 28 พ.ค. ตกลงความเห็นร่วมกันว่าเราต้องการสันติภาพระหว่างสองประเทศ ไม่ต้องการความขัดแย้ง ต้องการรักษาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงไม่ต้องการให้เสียเลือดเนื้อของทหารทั้งสองประเทศ คือสิ่งที่เห็นตรงกันและพูดคุยกันมาเรื่อยๆ และพยายามให้อยู่ในกรอบทวิภาคี ที่ทุกประเทศเมื่อมีการสื่อสารกันเราก็ต้องมีกรอบความเข้าใจร่วมกัน แน่นอนว่าการพูดคุยหลังไมค์มีแน่นอน โดยตกลงกันว่าอะไรอย่างไร แต่สิ่งที่สื่อสารออกมาทางโซเชียลที่นอกกรอบ และเป็นการสื่อสารที่ไม่มืออาชีพที่ออกมาเรื่อยๆ ทำให้เกิดความวุ่นวายในการจัดการ ทั้งสิ่งที่คุยกันหลังไมค์และอย่างเป็นทางการ คิดว่าการสื่อสารแบบนี้ทำให้เกิดผลลบกับทั้งสองประเทศ
“ข้อความที่กัมพูชาโพสต์ประกาศเรื่องการปิดด่านเลยหรือใดๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ เราห่วงใยทั้งเรื่องการค้าขายตรงนั้น ซึ่งได้ส่งข้อความถึงนายกฯ กัมพูชาว่า เสนอให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ซึ่งเป็นการประชุมระดับกองทัพของทั้งสองประเทศ ให้พูดคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ว่าเพิ่งส่งไป และถึงได้เห็นข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่อยู่ในกรอบ”
เมื่อถามว่า มีปฏิกิริยาอย่างไรหลังประชุม JBC ไทยพยายามใช้วิธีเจรจาแบบทวิภาคี แต่เหมือนกัมพูชาไม่มีความจริงใจในการพูดคุย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การประชุม JBC เราประชุมด้วยกันทั้งคู่ ถือเป็นผลสำเร็จ ถือว่ายอมรับกรอบนี้คือกรอบของ JBC นั่นคือเราต้องการสันติภาพร่วมกัน จะทำอย่างไรได้บ้างให้เกิดขึ้น ความจริงแล้วในเรื่องของ JBC คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรอย่างที่กระทรวงต่างประเทศแถลงมา ในเนื้อความทุกอย่างเราได้ชี้แจงแล้ว ไม่ได้ติดขัดหรือพลิกล็อกอะไรทั้งสิ้นใน JBC
เมื่อถามว่า ตอนนี้กัมพูชากำลังเล่นสงครามข่าวสาร จะมีการรับมืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า บอกแล้วว่าการสื่อสารแบบนี้ไม่ได้เกิดผลดีกับทั้งสองประเทศ การปล่อยข่าวและข่าวที่ออกมาหลายๆ ข่าวได้ตกลงกันแล้วว่าอย่าเพิ่งปล่อยข่าว เพราะเราจะต้องคุยกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร เพราะคนที่อยู่หน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสารเป็นคนละคนกัน การที่เรากำหนดเวลาเปิดปิดด่านใหม่ ในตอนแรกเป็นเพราะว่ามีอาวุธหนักอาวุธใช้ระยะไกลเริ่มมีจำนวนมากขึ้น เราจึงต้องมีกำหนดเวลาเปิดปิดด่าน เพราะมีประชาชนทั้งสองประเทศอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก
เมื่อถามว่า จะทำให้ทั่วโลกรู้ได้อย่างไรว่าแผ่นดินเราใช้กลไกทวิภาคี เราไม่ได้โกงเอาแผ่นดินของใครมา นายกฯ กล่าวว่า อันนี้ถูกจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะการประชุม JBC หรือสิ่งที่เสนอไปให้มีการประชุม RBC จะเป็นการประชุม RBC หรือ JBC ก็ได้ แต่ต้องเป็นการประชุมที่เราสามารถจะจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะมันไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ว่าคุยกันแล้วแยกย้าย แต่สิ่งที่เราประชุมทั้งหมดนี้จะต้องถูกจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร และทั่วโลกสามารถรับรู้ได้ว่าเราตกลงอะไรกันบ้าง
“ถ้ามีการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการเกิดขึ้นอย่างมากมาย เราก็ต้องบอกจุดยืนของเราเช่นกัน ว่าเราไม่เคยที่จะยั่วยุหรือพูดเพื่อให้เกิดการปะทะใดๆ การปล่อยข่าวหรือปล่อยคำพูดอะไรออกมาที่ไม่เป็นทางการและส่งผลกระทบ ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่เป็นผลดีกับทั้งสองประเทศ”
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรเมื่อกัมพูชาเล่นสงครามข่าวสารแบบนี้ นายกฯ กล่าวว่า ชี้แจง คนไทย ประเทศไทย นายกฯ กองทัพ ที่ประชุมวันนี้เห็นตรงกันในทุกๆ ส่วน ทางกองทัพเองคิดเหมือนเราว่าเราต้องปกป้องอธิปไตยไว้ แต่จะทำอย่างไรให้ยืดการปะทะการเสียเลือดเนื้อออกไปไม่ให้เกิดขึ้น แต่ยังคงต้องรักษาอธิปไตยของเราไว้ ตรงนี้เห็นตรงกันทั้งรัฐบาลและกองทัพ ใครจะปล่อยข่าวว่าตีกันเราไม่เคยตีกัน กองทัพกับรัฐบาลตอนนี้คุยกันทุกเรื่องว่าจะทำอย่างไร ให้เกียรติกองทัพเสมอ เพราะเป็นคนหน้างาน และเป็นคนรู้ในเรื่องของอาวุธทุกอย่าง
อิ๊งค์เดือดไม่ให้ใครมาขู่
“ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน และขอให้ทุกคนช่วยซัพพอร์ตกองทัพกับรัฐบาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะวันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารักษาอธิปไตยของเราไว้ เราพูดในข้อความที่มันตรง พูดในข้อความที่รู้ได้ว่าประเทศไทยเป็นปึกแผ่น และเราก็จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ให้ใครมาใส่ร้ายให้ใครมาขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน เราก็เป็นประเทศแข็งแรงเช่นกัน จุดนี้เองจะทำให้เราทุกคนรู้ว่า วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกาก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก” นายกฯ กล่าว
ต่อมา น.ส.แพทองธารโพสต์เฟซบุ๊กและเขียนลงเอ็กซ์ ตอกย้ำการแถลงการประชุมของหน่วยงานความมั่นคง ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก และไม่เข้าร่วมกระบวนการดังกล่าว เพราะรัฐบาลเชื่อมั่นในกลไกทวิภาคีที่มีความจริงใจของทั้ง 2 ประเทศ คือแนวทางที่มีประสิทธิภาพและคาดหวังผลสำเร็จได้ พร้อมระบุถึงการตั้งคณะทำงานทีมไทยแลนด์
“ทุกคนคือทีมไทยแลนด์ วันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารู้สึกเหมือนพี่น้องคนไทยทุกคนว่าการรักษาอธิปไตยของชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน คือภารกิจอันสำคัญสูงสุด รัฐบาลจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ วันนี้ถ้าไม่เคารพกติกาก็จะไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลกค่ะ” นายกฯ ย้ำทิ้งท้าย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้ออกแถลงการณ์ช่วงกลางดึกวันที่ 15 มิ.ย.ถึงการประชุมเจบีซี ครั้งที่ 6 หลังจากที่กัมพูชาได้แถลงผลประชุมทันทีและระบุว่าไทยยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 โดย กต.ระบุว่า ผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อการที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมร่วมมือกับไทย ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะและลดความตึงเครียดระหว่างกัน แต่ยังเดินหน้านำเรื่องพื้นที่ 4 จุดไปสู่การพิจารณาของ ICJ ซึ่งสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีต่างๆ ที่มีอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
ในการนี้ ประธานฝ่ายไทยได้ย้ำท่าทีไทยจะตอบโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา โดยได้บันทึกแนบไว้ในเอกสารผลลัพธ์ Agreed Minutes ของการประชุมครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่ามิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในประเด็นเทคนิคในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเท่านั้น
ในเวลา 13.00 น. นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ในฐานะประธานเจบีซีฝ่ายไทย แถลงผลประชุมว่า การประชุมเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยเจอ แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้มาก ซึ่งทุกครั้งเราพยายามจะหาข้อประนีประนอมที่จะทำงานต่อให้ได้ ซึ่งครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จในแง่เทคนิค พร้อมยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 หรือ 1:50,000 ในที่ประชุม การทำถ่ายภาพทางอากาศไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เพราะสองฝ่ายจะทำร่วมกันเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เท่านั้น
ซัดกัมพูชาไม่จริงใจ
ส่วนนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษก กต. แถลงว่า รัฐบาลได้แถลงยืนยันมาโดยตลอดว่า ไทยยึดมั่นในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ด้วยความจริงใจและสุจริตใจ ซึ่งรวมไปถึงการเข้าร่วมประชุมเจบีซีที่ผ่านมา ที่ไทยเข้าร่วมด้วยความตั้งใจจริงและเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบสนอง และยังคงเลือกเสนอพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ)
“ย้ำว่ากลไกทวิภาคีผ่านเจบีซียังดำเนินการได้อยู่ และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ และนำไปสู่การแก้ไขอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเจบีซีสมัยพิเศษในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบตกลงที่จะเข้าร่วมแล้ว” นายนิกรเดชกล่าวและว่า รัฐบาลไทยไม่รับเขตอำนาจศาลของไอซีเจ ซึ่งประธานเจบีซีได้ย้ำในถ้อยแถลงในการประชุม และประธานฝ่ายกัมพูชารับทราบท่าทีไทยในเรื่องนี้
ส่วนเรื่องมาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะคำขู่ปิดด่านและห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย หากไทยไม่เปิดด่านทั้งหมดนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลในการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี และจะไม่ยื่นคำขาดต่อกันโดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายมากที่สุด และมาตรการของไทยที่ผ่านมาเป็นการตอบโต้ในระดับรัฐบาล ไม่มีเป้าหมายโจมตีประชาชน ขณะที่แนวทางการสื่อสารผ่านทางโซเชียลมีเดียไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดต่อกันและข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชน สะท้อนถึงว่ากัมพูชาการขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เรียนว่ารัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง
ส่วนนายอนุทินยืนยันว่า พื้นที่แนวหน้าเขาเฝ้าระวัง เตรียมพร้อมกันด้วยความพร้อมเต็มอัตราศึกอยู่แล้ว ส่วนที่กัมพูชาประกาศอาจปิดด่าน 24 ชั่วโมงนั้น เรื่องด่านก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องเฝ้าระวังก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วน มท.ต้องดูเรื่องแนวหลัง เรื่องประชาชนไม่ให้เขาเดือดร้อน ส่วนเรื่องเปิดด่านปิดด่านเป็นเรื่องนโยบาย เราต้องฟังหัวหน้ารัฐบาล ขณะที่เรื่องตัดไฟฟ้า มท.โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) พร้อมอยู่ ถ้า สมช.และผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก สมช.ได้สั่งการมาเราก็พร้อมตัดทันที
นายโสภณ ยนจอหอ ผู้จัดการ กฟภ.จังหวัดตราด กล่าวว่า กฟภ.ได้ทำสัญญาขายไฟฟ้าให้กัมพูชา โดยกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานเป็นผู้บริหารจัดการ และสถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่มีคำสั่งจากหน่วยเหนือให้ตัดไฟฟ้าที่ส่งไปยังกัมพูชาแต่อย่างใด แต่หากมีคำสั่งก็พร้อมที่จะตัดกระแสไฟฟ้าทันที ไม่ได้กังวลเรื่องรายได้แต่อย่างใด โดยหน่วยที่ตัดกระแสไฟฟ้าจะอยู่ที่ จ.ชลบุรี
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ฮุน เซนยิ้มกริ่ม ตัดเน็ต ตัดไฟจากไทย ก็เพื่อให้บริษัทในเครือข่ายตระกูลฮุนผูกขาดการขายไฟ ขายเน็ต” เนื้อหาระบุว่า "ต้องยอมรับแผนแยบยลของฮุน เซน และฮุน มาเนต จริงๆ ที่ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.จะยุติการซื้ออินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าจากไทย เพราะนอกจากเป็นการปลุกกระแสชาตินิยมแล้ว ยังเป็นสร้างสภาวะผูกขาด ดึงเม็ดเงินมหาศาลภายในประเทศ ให้มาซื้อไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตของเครือข่ายตระกูลฮุนของตนเอง เราต้องอ่านเกมให้ขาด และต้องกำหนดมาตรการทางการเมืองระหว่างประเทศให้เจาะจง พุ่งเป้าไปที่กลุ่มทุนในเครือข่ายของตระกูลฮุนเป็นสำคัญคือ LYP Group"
“เราต้องมองข้อพิพาทในครั้งนี้ให้ออก ว่าเป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับตระกูลฮุน ถ้าเราตีโจทย์ผิด แล้วผลักสถานการณ์ไปสู่ความขัดแย้งเกลียดชัง ระหว่างประชาชนชาวไทยและประชาชนชาวกัมพูชา จะยิ่งเข้าทางฮุน เซน และฮุน มาเนต ให้สองพ่อลูกนี้ยิ้มมุมปากชนแก้วไวน์” นายวิโรจน์ระบุ
บี้นายกฯ ปรับปรุงสื่อสาร
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า มาตรการที่รัฐบาลมอบหมายฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง หรือกองทัพบก ในการประกาศการดำเนินการใดๆ ที่จะตอบโต้ ทั้งในเรื่องของการเปิดปิดด่านชายแดน ต้องกระชับ เข้มงวด และให้อำนาจในส่วนของการปฏิบัติ ฝ่ายความมั่นคงที่เขาอยู่หน้าแนวอย่างทันท่วงที ไม่เช่นนั้นแล้วผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่เราตอบโต้ไป ถ้าเราไม่เข้มงวดหรือไปผ่อนปรน ฝ่ายกัมพูชาเองก็ไม่สนใจ
“เกมการเมืองต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น ผมก็ขอให้คิดคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ คิดคำนึงถึงอธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดน ที่บรรพบุรุษของเราเอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิต เข้าแลกเอาไว้ เราต้องปกปักรักษาถึงที่สุด”
ด้าน พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา อ่านแถลงกรณีพิพาทชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ฉบับที่ 2 และย้ำว่าควรเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงกรณีปัญหาแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร็วที่สุด
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กล่าวว่า กระบวนการสื่อสารทางการเมืองของรัฐบาลไทยสอบตกตั้งแต่เริ่มมีข้อพิพาท จนกระทั่งถึงการเจรจาเจบีซี รัฐบาลสื่อสารช้าเกินไป น้อยเกินไป ขาดเอกภาพ ขาดประสิทธิภาพ เห็นได้ชัดจากการสื่อสารที่ไม่รู้ว่าจะฟังใคร เพราะมีทั้ง กต. มีทั้งแถลงการณ์ของ รมว.กลาโหม แถลงการณ์ของทหาร รวมทั้งทวิตเตอร์ของนายกฯ ตกลงแล้วไม่รู้ว่าอันไหนคือการสื่อสารอย่างเป็นทางการ ทำให้การรับรู้ข้อมูลเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ
“นายกฯ ต้องสื่อสารอย่างเป็นทางการ ไม่อาจแค่ใช้โซเชียลมีเดียออกมา เพราะเราไม่แน่ใจว่านั่นคือตัวของนายกฯ ที่เป็นนายกฯ ประเทศไทย แล้วเป็นการสื่อสารเฉพาะกลุ่มที่ต้องการให้คนในโลกโซเชียลรู้เท่านั้น ไม่ใช่คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งนี่จะเป็นปัญหา สุดท้ายก็จะรู้สึกไม่มั่นใจในรัฐบาล” น.ส.นันทนากล่าว
นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ว่าด้วยแผนที่ 1:2 แสน ถูกข่มขืนมาตั้งแต่ปี 2505 แต่กลับพลีกายให้อีกในปี 2543 จะบอกคนไทยทั้งประเทศว่าไง?" โดยเขาได้เล่าความเป็นมาของแผนที่ 1:2 แสน พร้อมระบุว่า กต.แถลงตั้งแต่เมื่อวานนี้ว่า มิได้มีการหารือประเด็นแผนที่ 1:200,000 คณะกรรมการปักปันสยาม-อินโดจีน ตามที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแต่อย่างใด ฟังดูดีเหมือนเริ่มแข็งขึ้นมาบ้าง แต่พิจารณาให้ดีข้อความนี้ไม่เหมือนกับข้อความที่ควรเป็นว่า “ประเทศไทยไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 เพราะเป็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว" เลย และวันนี้ตรงกับวันครบรอบ 25 ปี MOU 2543 เสียด้วย เรื่องราวของแผนที่ 1:200,000 ก็เอวังด้วยประการฉะนี้ ไทยช้ากว่าเขมรกี่ก้าว เลิกใจดีกับงูเห่า อย่ามัวสาละวนปรับ ครม.
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการ รมว.กต. และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กเตือนว่า "หากไทยยังนิ่งเฉยและรักษามารยาททางการทูตแบบไทยๆ ปล่อยให้ประเทศเล็กข่มขู่และขีดเส้นให้ไทยเดิน เมื่อฝ่ายนั้นประกาศไม่รับแผนที่ 1:50,000 ไทยต้องประกาศไม่รับแผนที่ 1:200,000 อย่าอ่อนปวกเปียก อย่าใจดี อย่าสุภาพมากเกินไป ไม่อยากเป็นเพื่อนบ้านที่ดีก็ไม่ต้องเป็น มีคำถามว่าคนไทยทั้งชาติห่วงใยชายแดน กลัวเสียดินแดน คนไทยพร้อมใจกันสนับสนุนกองทัพ เรียกร้องให้ปิดด่านถาวร ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต แต่นักการเมืองทำอะไรกันอยู่ ความมั่นคงของชาติบ้านเมือง ปืนใหญ่ตั้งประจันหน้า ข้าศึกประชิดชายแดน นักการเมืองสาละวนห่วงปรับ ครม. รักษาเก้าอี้กระทรวงนั้นกระทรวงนี้ เพื่อนบ้านเปรียบเหมือนชาวนากับงูเห่า เลี้ยงไม่เชื่อง เผลอจะถูกแว้งกัด ต้องจับตาระวังตัวตลอดเวลา".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ในหลวง พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ รัชกาลที่ 9
ในหลวง พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง


