เปิดเกมเสี้ยม‘3ป.’ ชู‘ป้อม’นั่งมท.1แทน‘ป๊อก’ ‘ตุ๋ย-แป๊ะ’ขับเคลื่อนรทสช.

"แรมโบ้อีสาน" ขอเป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางราชสีห์ โบกมือลาพลังประชารัฐ เปิดบ้านใหม่ "รวมไทยสร้างชาติ" รอ "บิ๊กตู่" เป็นผู้นำ เปิดเบื้องลึกพรรคสำรองไม่ธรรมดา "พีระพันธุ์-บิ๊กแป๊ะ" ขับเคลื่อน ขณะที่นายกฯ ยังไม่รับมุก "บิ๊กป้อม" ปลุกขวัญลูกพรรคให้รักสามัคคีกัน ลั่นสมัยหน้าได้ 150 เสียง ส่วน "สันติ" ยืนยัน พปชร.ยังอยู่ สะพัดก๊วนธรรมนัสเปิดเกมเสี้ยม "3 ป." จี้ปรับ ครม.ชู "บิ๊กป้อม" นั่ง มท.1 แทน "บิ๊กป๊อก"

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เกิดกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า  นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี  ได้มีหนังสือถึงนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งแต่วันที่  27 มกราคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายเสกสกล​จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ถูกจับตามองว่าจะเป็นพรรคสำรองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หลังเกิดปัญหาในพรรคพลังประชารัฐจนยากเยียวยา

ต่อมานายเสกสกลให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปทำการเมืองในนามพรรค​รวมไทยสร้างชาติว่า ความจริงตนจดทะเบียนพรรครวมไทยสร้างชาติมาเป็นปีแล้ว ก่อนที่พรรคพลังประชารัฐจะมีปัญหา​ คำว่ารวมไทยสร้างชาติเป็นคำที่ พล.อ.ประยุทธ์ชื่นชอบและตั้งคำนี้ขึ้นมาเอง แต่เกรงว่าคนอื่นจะนำชื่อนี้ไปใช้ ได้ส่งทีมงานไปจดทะเบียนเป็นชื่อพรรคไว้ก่อน นายกฯ จะใช้หรือไม่ก็แล้วแต่ 

"ผมได้แจ้งให้ท่านนายกฯ รับทราบแล้ว ซึ่งท่านนายกฯ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ขณะนี้พรรครวมไทยสร้างชาติมีความเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมากแล้ว มีการตั้งสาขาและหาสมาชิก แจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นไปตามระเบียบทุกอย่าง ซึ่งเดือนมีนาคมจะมีการประชุมใหญ่และเปิดตัวผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง มีประวัติดี โปรไฟล์ดี"

นายเสกสกลเผยว่า การที่จดทะเบียนพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความชัดเจนว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป และคิดว่าอนาคตการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน  หากพรรคพลังประชารัฐมีปัญหาก็จะได้มีพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือกใหม่ให้นายกฯ ได้พิจารณา และพรรคนี้ถือว่าเป็นพรรคที่มีความชัดเจนในการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และที่สำคัญเป็นการเดินตามแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์

"ผมในฐานะเป็นผู้ก่อตั้งก็ได้ประกาศไว้ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะมีพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ หรือมีพรรคอื่นที่จะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่พรรครวมไทยสร้างชาติก็จะยืนยันที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นี่คือจุดยืนของผม​"

นายเสกสกล​ยืนยันว่า พร้อมทำงานร่วมกับพรรคอื่นๆ ที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ถือเป็นพรรคที่เป็นทางเลือกหนึ่งให้นายกฯ ถ้าคิดว่าพรรคที่อยู่ไม่มีความสุข ตนไม่ต้องการให้นักการเมืองบางคน รุ่นเก่าๆ หรือพรรคเดียวมาบีบหรือกดดันนายกฯ วางแผนเล่นเกมการเมืองกับนายกฯ ตลอดเวลา

"อย่าคิดว่าคนอย่างนายกฯ ไม่มีที่ไปหรือไม่มีที่ยืน ยังมีพรรคการเมืองใหม่อีกหลายพรรคที่พร้อมสนับสนุนนายกฯ  ผมในฐานะที่อยู่เคียงข้างนายกฯ มาตลอดจะไม่ยอมให้นายกฯ โดดเดี่ยวเดียวดายแน่นอน"

เจ้าของฉายาแรมโบ้อีสานกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐที่ตนลาออกมานั้น ปกติก็ไม่ได้ร่วมทำกิจกรรมใดๆ อยู่แล้ว  และเขาไม่เคยเรียกใช้ตนอยู่แล้ว ดังนั้นต้องหาทางในการหาพรรคการเมืองใหม่

"ยึดคติที่ว่า เป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางราชสีห์ ทำพรรคเอง เชิญผู้หลักผู้ใหญ่และคนรุ่นใหม่ เยาวชนทั้งหลาย อดีตนักการเมืองรุ่นเก่า รุ่นใหม่ มาช่วยกันสร้างพรรคให้เป็นประโยชน์ แต่ต้องเป็นคนดี ภาพพจน์ดี ไม่มีสีเทาหรือประวัติด่างพร้อย"

'ตุ๋ย-แป๊ะ' ขับเคลื่อน

เมื่อถามว่า ในพรรคพลังประชารัฐจะมีคนอื่นๆ ออกตามมาอีกหรือไม่ นายเสกสกลยืนยันว่ามีแน่นอน ตอนนี้หลายคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็มั่นใจว่าจะออกมาอีกหลายคนแน่นอน

มีรายงานว่า สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ นอกจาก นายเสกสกลจะเป็นตัวขับเคลื่อนคนสำคัญแล้ว ยังมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คอยให้การสนับสนุน และมีรายงานว่า "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) เข้าร่วมด้วยระยะหนึ่งแล้ว

วันเดียวกัน นายปรพล อดิเรกสาร ได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับการทาบทามจากนายเสกสกลที่ลาออกจากสมาชิก พปชร.ไปก่อนหน้านี้ ให้เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติว่า "เรื่องของพรรคการเมือง เห็นตั้งเป็นร้อยพรรคแล้วมั้ง"

เมื่อถามย้ำว่า มีนายเสกสกลไปร่วมพรรคดังกล่าวด้วย  หลายคนมองว่าพรรคนี้จะเป็นพรรคสํารองของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว พร้อมเดินส่ายหัวบ่นพึมพำขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.)​ มีมติเห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรับจดทะเบียนจัดตั้งพรรคเมื่อวันที่ 31 มี.ค.64 และต่อมาวันที่ 22 ก.ค.64 ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา มีคณะกรรมการบริหารพรรคจํานวน 27 คน โดยมีว่าที่ร้อยโทไกรภพ นครชัยกุล เป็นหัวหน้าพรรค และนางวาสนา คําประเทือง เป็นเลขาธิการพรรค

พรรคเทิดทูนสถาบัน

โดยตราสัญลักษณ์พรรครวมไทยสร้างชาติ ใช้เครื่องหมายหกเหลี่ยม มีแถบสีสามสี ได้แก่ สีทอง ขาว และน้ำเงิน มีตัวอักษรชื่อพรรคเป็นภาษาไทยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ  โดยตัวอักษรอยู่ใต้เครื่องหมายหกเหลี่ยม

ความหมายของตราสัญลักษณ์นี้หมายถึง การหลอมรวมประชาชนชาวไทยเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้มั่นคงยั่งยืน สร้างความสามัคคีของคนไทยทุกคนและทุกภาคส่วนของสังคมไทย ในการร่วมกันพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองและมั่นคง โดยยึดถือหลักความมั่นคงและศรัทธาสูงสุดต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

สีน้ำเงินหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ หลักชัยของประเทศที่ประชาชาติไทยเทิดทูนไว้ในฐานะพระประมุขศูนย์รวมแห่งจิตใจของชาติไทย สีทองหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง  สีขาวหมายถึงศาสนา ประชาชนชาวไทยยึดมั่นศาสนา ส่วน สํานักงานใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งอยู่ ณ บ้านเลขที่ 169/98 อาคารเสริมทรัพย์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400

ที่พรรคพลังประชารัฐ ถ.รัชดาภิเษก นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลังและรักษาการเลขาธิการพรรค พปชร.  ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพรรค ถึงกรณีที่มี ส.ส.ของพรรคจะย้ายไปพรรคอื่นว่า ไม่มี ไม่เห็น มีแต่คนแสดงความจำนงจะมาอยู่กับ พปชร. แต่ยังไม่พูด ยังไม่อยากเปิดเผย  เพราะคราวหน้ายังเหลือเวลาอีกปีกว่า ส่วนคนที่จะมามีทั้งคนใหม่และคนเก่า 

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ระบุว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะมี  ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 คน นายสันติกล่าวว่า หัวหน้าพรรคคงพูดให้เกิดความสบายใจ 

ถามย้ำว่า ขณะนี้มี ส.ส.ออกไปตั้งพรรคใหม่และลาออกจาก พปชร. นายสันติกล่าวสวนว่า “พูดเกินไปหรือเปล่า ยังไม่เห็นใครทยอยลาออก และคนที่ออกส่วนหนึ่งไม่กระทบกระเทือนพรรค ที่บอกว่าไปตั้งพรรคใหม่เป็นเรื่องปกติที่มีสมาชิกเข้าออก แต่ไม่ได้เป็น ส.ส. บางคนอาจจะมีพรรคอื่น  ถือว่าเป็นสิทธิ” 

ซักว่า พร้อมที่จะรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคในการประชุมใหญ่ของพรรค พปชร.เดือน เม.ย.นี้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ผู้ใหญ่คงเห็นว่าเราทำงานได้ และตนเป็นอย่างนี้มาตลอดว่าไม่ยึดติด แต่ถ้าตั้งเข้ามารักษาการก็ทำงานเต็มที่  เพราะเราเป็นสมาชิก เป็น ส.ส. รักพรรคเหนือสิ่งอื่นใด จึงต้องขับเคลื่อนให้พรรคเป็นที่หวัง เป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ จึงได้บอกกับ ส.ส.ทุกคนให้ลงพื้นที่ไปรับฟังความเห็นประชาชนว่าอยากให้ ส.ส.และพรรคพัฒนาอะไร แก้ไขเรื่องไหน อยากสื่อสารอะไรมาถึง ส.ส.เพื่อเพิ่มศักยภาพของลูกหลานให้มีคุณภาพ ประกอบอาชีพและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันกับโลกที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จะทำสิ่งเหล่านี้ในเชิงรุก

ก๊วนธรรมนัสเสี้ยม 3 ป.

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประวิตรประกาศว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำให้ได้ ส.ส.เข้ามาถึง 150 เสียงว่า  ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเกิน 150 เสียง ส่วนกรณีกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคยืนยันว่าคุมได้ โดยระบุว่าทั้ง  21 เสียงจะเป็นเสียงของรัฐบาล และไม่มีเงื่อนไขอะไร

 ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากพรรค พปชร.แจ้งว่า  ในที่ประชุมพรรคที่มี พล.อ.ประวิตรเป็นประธาน ซึ่งมีแกนนำพรรคและ ส.ส.เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำเรื่องความรักความสามัคคีภายในพรรคเป็นพิเศษ  ว่าขอให้รักกัน สามัคคีกัน และขอให้มั่นใจว่าจะสู้ต่อไป พรรคไม่ได้ขาลงอย่างที่มีการพูดๆ กัน เรายังจะทำพรรคต่อไป รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม ขอให้อยู่ด้วยกันไปตลอด แม้จะมีคนแยกออกไปตั้งพรรคก็ตาม เดี๋ยวเลือกตั้งใหม่ค่อยว่ากัน

 “ให้รักกันนะ สมัยหน้าผมเชื่อมั่นว่าเราจะได้ 150 ไอ้คนจะไปก็ไป ใครไม่ได้ไปไหนก็อยู่ด้วยกัน คนที่เข้ามาก็เยอะแยะ นักข่าวไม่เอาไปพูด พูดแต่คนไป คนที่เข้ามาผมไม่ได้เล่าให้ฟัง คนขอเข้ามาเยอะแยะ”  

พล.อ.ประวิตรยังได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า นายชาติชาย  พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน จะมาดูเรื่องนโยบายด้านเศรษฐกิจในครั้งหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการประชุมครั้งนี้เป็นไปด้วยดี พล.อ.ประวิตรค่อนข้างอารมณ์ดี ขณะที่ ส.ส.ต่างจับกลุ่มคุยกันอย่างครึกครื้นเป็นกันเอง ต่างจากก่อนหน้าที่พรรค พปชร.จะมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัสและ ส.ส.รวม 21  คน ที่พอหลังประชุมเสร็จแต่ละกลุ่มจะแยกย้ายกันทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคเศรษฐกิจไทย ที่นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา​ ซึ่งได้นัดหมายกลุ่ม ส.ส.ที่ถูกขับพ้นออกจากพรรคพลังประชารัฐไปหารือกันที่ จ.ภูเก็ตเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการขับเคลื่อนงานการเมืองของพรรคหลังจากนี้

ทั้งนี้ การหารือของพรรคเศรษฐกิจไทยมีข้อสรุปสำคัญ ในเรื่องข้อเสนอต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อแลกกับการสนับสนุนรัฐบาล โดยเห็นตรงกันว่าบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่ง มท.1 คือ พล.อ.ประวิตร  ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมีศักยภาพ สามารถตอบสนอง ส.ส.ในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี และเป็นการขยายฐานทางการเมืองรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โมเดลที่จะให้ พล.อ.ประวิตรควบ รมว.มหาดไทยแทน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดานั้น เคยมีการพูดถึงมาแล้วตั้งแต่ช่วงที่ ร.อ.ธรรมนัสยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ โดยในครั้งนั้น ส.ส.ในสาย ร.อ.ธรรมนัสต่างสนับสนุนและต้องการให้ ร.อ.ธรรมนัสดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทยด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัสโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "ตามที่มีข่าวจากสำนักข่าวบางสำนัก เผยแพร่ข่าวว่าผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ได้มีการประชุมกันที่ภูเก็ตและได้มีมติว่า ทางพรรคจะร่วมรัฐบาลโดยขอต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ

ผมและกลุ่มพี่น้อง ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ขอยืนยันจุดยืนเดิม คือขอทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง  ดำรงไว้ซึ่งเสาหลักของบ้านของเมือง นั่นคือ ชาติ ศาสน์  กษัตริย์ ครับ"

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าว เมื่อถามถึงการที่กระทรวงมหาดไทยกำลังเนื้อหอมเพราะกลุ่มการเมืองต้องการต่อรองเอาเป็นจำนวนมาก

เมื่อถามย้ำว่า การปรับ ครม.ขณะนี้จะช่วยแก้ปัญหาวิกฤตพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงนี้ได้หรือไม่ โดย พล.อ.อนุพงษ์ได้แต่เหลือบตามองหน้ากลุ่มผู้สื่อข่าวที่ดักรอสัมภาษณ์เท่านั้น แต่ไม่ได้กล่าวอะไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง