22ส.ค.ชี้ชะตาแม้ว ศาลนัดคดีหมิ่นเบื้องสูง ‘มท.อ้วน’ฮึ่มกำราบผวจ.

ศาลอาญานัดพิพากษาคดี "ทักษิณ"     ผิดมาตรา 112 วันที่ 22 ส.ค.นี้ หลัง "แม้ว" สวมสูทเนกไทสีเหลืองขึ้นสืบพยานจำเลยพร้อม "วิษณุ-ธงทอง" ปากสุดท้าย ก่อนเตรียมแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน “วิญญัติ” บอกทักษิณอารมณ์ดี มั่นใจต้องได้รับความเป็นธรรม "คปท." ตามบี้เอาผิด 2 หมอ รพ.ตำรวจ ขวางเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น "โฆษก ตร." ได้ผลชี้จริยธรรมแพทยสภาแล้ว รับปากนำเข้าพิจารณาทันที "ภูมิธรรม" ตามบี้งบท้องถิ่นโครงการกระตุ้น ศก. พบกระจุกตัวบางจังหวัด แฉ "บุรีรัมย์-สุรินทร์" อู้ฟู่เป็นร้อยๆ ล้านบาท บางแห่งถึง 700 ล้านบาท ขยี้ "อนุทิน" เซ็นเอกสารไม่ตรงกับที่ลงในระบบ เตรียมเรียกผู้ว่าฯ-ผบก.ตำรวจทั่ว ปท.ประชุม 17 ก.ค. หวานใส่ "ปลัด มท." ถือเค้กอวยพรวันเกิด "เสี่ยหนู" โต้ไม่มีงบกระจุกไม่กระจาย ขอ ปชช.ตัดสินใครฝ่ายแค้น  "พีระพันธุ์" ขอ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์  เหตุติดภารกิจไปพบตามนัดไม่ได้

ที่ศาลอาญา วันที่ 16 ก.ค.2568 ศาลนัดสืบพยานฝ่ายจำเลย คดีหมายเลขดำที่ อ.1860/2567  ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์  ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558

 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณโดยรอบอาคารศาลอาญาว่า มีบรรดามวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักเพื่อรอส่งกำลังใจให้นายทักษิณ นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองคนสำคัญทยอยเดินทางมาที่ศาลอาญาเพื่อให้กำลังใจ เช่น สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.ศึกษาธิการ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณโดยรอบศาลอาญา

นายสมชายกล่าวว่า มาให้กำลังใจนายทักษิณในฐานะที่เป็นแฟนคลับตัวยงประจำ ไม่ได้เป็นพยานฝ่ายจำเลยของนายทักษิณในคดีนี้ แต่มีทีมทนายความที่เตรียมพยานหลักฐานต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ขึ้นกับดุลพินิจของศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร        

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณได้เดินทางมาถึงศาลอาญาในเวลาประมาณ 09.13 น. โดยเดินทางด้วยรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มายบัค สีดำ-เงิน ทะเบียน ธษ 267 กรุงเทพมหานคร จอดเทียบส่งที่บริเวณประตูด้านข้างอาคารศาลอาญา ซึ่งนายทักษิณสวมชุดสูทผูกเนกไทสีเหลืองเดินทางมาคนเดียว มีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณมาต้อนรับ ก่อนที่จะเดินขึ้นฝั่งประตูข้างอาคารศาลอาญา โดยบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่หวงห้าม และสื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้บันทึกภาพบริเวณดังกล่าว

ทั้งนี้ สำหรับการสืบพยานพิจารณาคดีในวันนี้ จะใช้เวลาตลอดทั้งวัน และเป็นการพิจารณาคดีแบบลับ ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้สืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นในช่วงวันที่ 1-3 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้เป็นนัดสืบพยานจำเลยนัดเเรก

ภายหลังจากการสืบพยานเสร็จสิ้นเวลา 12.00 น. ทีมทนายความได้แถลงหมดพยาน และศาลนัดพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 22 ส.ค.2568 เวลา 10.00 น. ส่วนนายทักษิณได้เดินทางกลับทางประตู 7 หน้าศาลแพ่งรัชดาภิเษก โดยระหว่างนั่งรถกลับนายทักษิณโบกมือทักทายสื่อมวลชนและคนเสื้อแดงจากภายในรถยนต์โดยไม่ลดกระจกลงมา ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงโห่ร้องด้วยความดีใจ

นายวิญญัติให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนได้นำพยานจำเลยเข้าสืบรวมทั้งหมด 3 ปาก โดยปากแรกเป็นนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปากที่ 2 นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายทักษิณ ชินวัตร เป็นพยานจำเลยปากสุดท้าย หลังจากการเบิกความตนได้ปรึกษากับทางทีมงานและตัวนายทักษิณแล้ว จึงแถลงหมดพยาน และไม่ประสงค์สืบพยานอีก

22 ส.ค.ชี้ชะตาทักษิณคดี 112

"ผมจึงแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน ศาลพิจารณาแล้วได้นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 22 ส.ค. 2568 เวลา 10.00 น." นายวิญญัติกล่าว

ทนายความประจำตัวนายทักษิณกล่าวว่า เดิมตนได้เตรียมพยานเอาไว้ 14 ปาก แต่เนื่องจากว่าการสืบพยานที่ผ่านมาทั้งการสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเพียงพอและเหมาะสมแล้ว จึงแถลงหมดพยาน ตนคงจะเปิดเผยรายละเอียดในคดีหรือว่ารายละเอียดการสืบพยานไม่ได้ เพราะเป็นการพิจารณาลับ ทำได้เพียงแจ้งความคืบหน้าแก่สื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนเอกสารแถลงปิดคดี ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะนำมาพิจารณาประกอบการเขียนคำพิพากษาหรือไม่

ถามว่า ตอนนี้หลังจากสืบพยานทั้งโจทก์และจำเลยแล้วมีความหนักใจหรือไม่ ทนายความประจำตัวนายทักษิณกล่าวว่า ไม่ตอบว่ามั่นใจหรือไม่ แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ที่ผ่านมามีหลายส่วนที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และมีหลายส่วนที่เป็นพยานบุคคลที่เป็นพยานความเห็นทั้งสิ้น และทีมทนายความได้พยายามหักล้างว่าเป็นพยานที่มีความอคติและอยู่ฝ่ายตรงข้ามของนายทักษิณแทบทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ต้องเรียนตามตรงว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดได้ชัดเจน

ซักว่า เหตุใดจากที่เตรียมพยานไว้ตอนแรกไว้ 14 ปาก แต่กลับเหลือแค่ 3 ปาก นายวิญญัติกล่าว่า ในส่วนนี้เป็นการประเมินคดี และได้ปรึกษาร่วมกับนายทักษิณแล้วว่าสมควรยุติการสืบพยานเท่านี้  สำหรับฝ่ายจำเลยเนื่องจากการพิจารณาคดีของศาลอาญา ศาลจะพิจารณาพยานฝั่งโจทก์เป็นหลักว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดของจำเลยได้มากน้อยเพียงใดหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้ประเมินดูมาโดยตลอด

เมื่อถามว่า นายวิษณุและนายธงทองมาเป็นพยานและให้ความเห็นในด้านใด นายวิญญัติกล่าวว่า ทั้งคู่เป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่นายทักษิณถูกกล่าวหา และช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและด้านภาษา รวมทั้งเคยแปลและรับรู้ถึงการแสดงออกการกระทำของนายทักษิณว่ามีความจงรักภักดีอย่างไรอยู่แล้ว

ถามว่า นายทักษิณจะเดินทางมาที่ศาลอีกครั้งแค่ในวันนัดฟังคำพิพากษาหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า จะต้องมาอีกครั้งในการรายงานตัวตามคำสั่งศาลในช่วงต้นเดือน เนื่องจากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกี่ยวเนื่องจากคดีนี้ จากนั้นจะมาศาลอีกครั้งในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นวันพิพากษา อย่างไรก็ตาม คำสั่งกำหนดนัดรายงานตัวและห้ามออกนอกราชอาณาจักร จะมีผลสิ้นสุดลงหลังจากการฟังคำพิพากษาในศาลชั้นต้น

ถามอีกว่า ท่าทีของนายทักษิณเป็นอย่างไรหลังการสืบพยานเสร็จสิ้น นายวิญญัติกล่าวว่า วันนี้ตัวนายทักษิณอารมณ์ดี และรู้สึกว่าต้องได้รับความเป็นธรรม เมื่อถามว่าหลังจากฟังคำพิพากษาแล้วจะมีการเดินทางออกนอกราชอาณาจักรหรือไม่ นายวิญญัติกล่าวว่า ยังไม่ตอบในส่วนนี้ รอดูคำพิพากษาก่อนว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากนั้นจะมีกำหนดการของการทำงานของนายทักษิณอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 22 ส.ค.2568 จะเป็นวันครบ 2 ปีที่นายทักษิณเดินทางกลับจากต่างประเทศมาเข้าสู่กระบวนการบังคับโทษพอดี

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกองทัพธรรมและศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำมวลชนเดินทางมาติดตามทวงถามต่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่ได้ยื่นหนังสือหนังสือเรียกร้องให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และให้มีคำสั่งไล่ออก พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ หลังมติแพทยสภาสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ สั่งพักใบอนุญาต กรณีการรักษาตัวชั้น14 ของนายทักษิณ และตำรวจทั้ง 2 นายมีโอกาสได้เลื่อนขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามลำดับ ในการแต่งตั้งวาระนายพลปลายปีนี้ 

นายพิชิตกล่าวว่า กลุ่ม คปท.ขอเรียกร้องให้ตำรวจ 2 นายนี้ออกจากราชการไว้ก่อน และไม่สมควรที่จะได้รับตำแหน่งสูงขึ้น ควรที่จะไล่ออก พร้อมเรียกร้องให้ทาง ผบ.ตร.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินคดีเกี่ยวกับอาญาและวินัย โดยเฉพาะมาตรา 157 ที่เป็นความผิดร้ายแรงโดยเร็ว และ ผบ.ตร.ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา

ต่อมา พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมารับหนังสือกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่งได้รับหนังสือมติจากแพทยสภา ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ 2 หน่วยดำเนินการคือ กองวินัย จะมีการประชุมพิจารณามีความเห็นให้ ผบ.ตร.ได้รับทราบและปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนที่สองเป็นงานบริหารสำนักงานกำลังพล โดยสำนักงานกำลังพลจะได้มีความเห็น มีการพิจารณาและก็มีความเห็นเสนอ ผบ.ตร.เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

"ฉะนั้นใน 2 ส่วนนี้จะดำเนินการไม่ชักช้าและเป็นไปตามหลักการทุกอย่าง และขอให้ประชาชนรับทราบว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยึดมั่นในเรื่องของกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่จะต้องปฏิบัติ" พล.ต.ท.อาชยนกล่าว

โฆษก ตร.กล่าวว่า ในเรื่องของการพิจารณาความดีความชอบ มีการเลื่อนตำแหน่ง ต้องขอนำเรียนว่า ในห้วงนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังที่จะเริ่มต้นในการทำกระบวนการแต่งตั้งประจำปี ซึ่งเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรก ขอยืนยันว่าในเรื่องของการพิจารณาของทุกๆ ขั้นตอนจะต้องปฏิบัติไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติปี 2565 และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งปี 2567 รายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องในเรื่องของหนังสือที่มายื่นกับองค์กรต่างๆ ก็จะได้ถูกนำมาพิจารณาใช้ใน 2 ระบบกระบวนการด้วยกัน

บี้งบกระจุกตัวบุรีรัมย์-สุรินทร์

ขณะที่ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ​ กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ถึงกรณีนายทักษิณเคยระบุการเมืองขณะนี้อาจต้องมีการกลืนเลือดหลายปี๊บ​ในอนาคตจะมีโอกาสกลับมาจับมือกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือไม่ว่า เป็นทัศนะของนายทักษิณ ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่การเมืองต้องดูสถานการณ์​ ณ​ ขณะนั้น ถ้าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งยวดของประเทศชาติ พรรคเพื่อไทย (พท.) ก็จำเป็นต้อง​กลืนเลือด

ถามถึงการขอหารือการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทของท้องถิ่น วงเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท ในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 15 ก.ค.เพื่ออะไร นายภูมิธรมกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ตนดำเนินการจัดการแก้ปัญหาในกรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมา 2-3 ปี มีการปรับงบประมาณท้องถิ่นอย่างที่มีการกระจุกตัว และมีปัญหาค่อนข้างมาก ซึ่งตนได้รับการร้องเรียนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยหลายคนมาขอเข้าพบ และได้พูดว่ามีหลายเรื่อง เช่น บาง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.), องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ขออะไรไม่เคยได้เลย บางที่ขอมาได้ 1-3 ล้านบาท แต่ได้ยินมาว่าแถวๆ พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ได้เพิ่มขึ้นจากที่เคยได้เป็นร้อยๆ ล้านบาท บางแห่งได้ถึง 700 ล้านบาท ต้องดูว่าที่ตัดสินใจเช่นนั้นอยู่บนฐานอะไร

นายภูมิธรรมกล่าวว่า มีการพูดคุยในที่ประชุม ครม. โดยรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ 2 คนคือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย และนายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข มีการถามว่าเรื่องเหล่านี้มีปัญหาหรือไม่ เพราะงบเป็นการกระจุกแต่ไม่กระจาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วแต่เราคงดูต่อ แต่ในงบประมาณปี 2569 ซึ่งยังไม่ได้มีการดำเนินการโดยทางสำนักงบประมาณก็บอกว่ามีปัญหาจริง บางส่วนเราจะต้องมีการพิจารณา และอาจจะมีการตัดตอนเพิ่มหรือลด อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องในชั้นกรรมาธิการ ที่จะต้องดำเนินการ

ถามว่า ใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า จริงๆ มีการส่งเรื่อง ซึ่งเกี่ยวข้องกับงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมดกลับมากระทรวงมหาดไทยไปที่สำนักงบประมาณ ซึ่งปรากฏว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เซ็นเอกสารไม่ตรงกับที่คีย์เข้าระบบ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ จึงส่งกลับมายังกระทรวงมหาดไทยให้พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนก็เป็นห่วงว่ากลัวจะไม่ทัน แต่ก็ยังมีเวลาเหลืออยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษของนายภูมิธรรมเพื่อเป็นประธานงาน “วันชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)” ประจำปี 2568 มีนายเดชอิศม์ และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ผู้บริหารกรมการปกครอง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่าย และ ชรบ. จำนวน 4,000 คน เข้าร่วมงาน

จากนั้นได้ประชุมมอบนโยบายขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งก่อนจะประชุมดังกล่าวระหว่างพักรับประทานอาหารกลางวัน  นายภูมิธรรมได้เป็นตัวแทนข้าราชการกระทรวงมหาดไทยถือเค้กและอวยพรวันเกิดแก่นายอรรษิษฐ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดอายุ 54 ย่างเข้าสู่ปีที่ 55

ทั้งนี้ เค้กดังกล่าวได้ปักเทียนทั้งหมด 9 เล่ม ทำให้ผู้สื่อข่าวแซวว่า “จะได้ก้าวหน้า” ทำให้นายภูมิธรรมแซวกลับว่า “ก้าวกว่านี้จะไปไหน จะไปเป็นรัฐมนตรีหรือ”

นายภูมิธรรมกล่าวคำอวยพรนายอรรษิษฐ์ว่า ตั้งแต่ที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย แม้จะไม่นานมาก แต่ปลัดกระทรวงก็ได้ช่วยทำงานและผลักดันนโยบายสำคัญ ก็อยากให้ช่วยและตั้งใจทำงานเพื่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ประชาชน ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีความสุขในการทำงาน และขอให้ท่านช่วยทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ก็หวังว่าจะมีสุขภาพที่ดี สมหวังปรารถนาทุกประการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอรรษิษฐ์จบการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือสิงห์ดำรุ่น 42 ซึ่งเป็นรุ่นน้องของนายภูมิธรรม ที่จบการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  สิงห์ดำรุ่นที่ 25

อ้วนเรียกประชุมผู้ว่าฯ-ผบก.

ต่อมานายภูมิธรรมเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ห้องประชุม 1 โครงการชลประทานศรีสะเกษ ตอนหนึ่งระบุว่า ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ จะมีการนัดประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศ และผู้บังคับบัญชา ผู้การจังหวัด ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องเข้าร่วมประชุมทุกจังหวัด ไม่เข้าไม่ได้ เว้นแต่เรื่องเข้าเฝ้าฯ เจ้านาย หรือป่วยหนักจริงๆ หากไม่เข้าร่วมถือว่าไม่สนองต่อนโยบาย ตนจะย้ายทันที ทำแบบนี้ไม่ได้

"สิ่งที่ผมทำ ไม่ได้เกลียดชังอะไรทั้งนั้น แต่หากไม่ทำประเทศก็จะไม่มีความสงบ ผมเอาจริงตลอด ผมดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ขณะเดียวกันจากที่ผมได้ลงพื้นที่ ผู้การฯ ไม่ทำงานก็มี หรือจะเกษียณในปีนี้ก็เฉยชาไม่มา ร้ายกว่านั้นเป็นผู้อำนวยความสะดวกหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติด ผมอยากเห็นการแก้ไขปัญหานี้ อยากให้ทำควบคู่กันไปเลย คือผู้มีอิทธิพลทั้งหมดแหล่งมั่วสุม เพราะมีบางส่วนบางกลุ่มบางคนเข้าไปมีส่วนร่วมหรือหาผลประโยชน์จากสิ่งต่างๆ" นายภูมิธรรมกล่าว

ส่วนนายเดชอิศม์ กล่าวถึงการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทของท้องถิ่นว่า พบมีการกระจุก บางพื้นที่เป็น อบต.ขนาดเล็ก ได้งบประมาณถึง 60-70 ล้านบาท แต่บางพื้นที่กลับไม่มีการจัดส่งงบประมาณลงไป ตนจึงท้วงติงว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องกระจายอย่างทั่วถึงเหมือนกันทุกพื้นที่

"พื้นที่ที่มีการกระจุกของงบประมาณ อย่างพื้นที่ จ.กระบี่ สตูล และบุรีรัมย์ กระจุกตัวจนดูน่าเกลียด" นายเดชอิศม์ระบุ

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายเดชอิศม์ระบุงบท้องถิ่นกระจุกไปที่พรรค ภท.ว่า ให้เป็นเรื่องของกรมการปกครอง ส่วนท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทยนำเสนอขึ้นมา ซึ่งรัฐมนตรีมีหน้าที่เซ็น เพราะเมื่อท้องถิ่นมีการเสนอขึ้นมาก็จะสรุปไปยังคณะกรรมการพิจารณาในส่วนของกระทรวงการคลัง ไม่เกี่ยวกับเป็นงบประมาณกระจุกหรือกระจาย

ถามถึงกรณีที่ระบุกระจายไปที่ อบจ.ของพรรค ภท. นายอนุทินกล่าวว่า เป็นข้อความที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะเดี๋ยวนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาล สามารถเสนองบโดยตรงไปที่สำนักงบประมาณได้ กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจทำได้แค่องค์การบริหารส่วนตำบลเท่านั้น

ภท.ให้ ปชช.ตัดสินใครฝ่ายแค้น

ซักว่า ดูแล้วใครเป็นฝ่ายแค้นกันแน่ นายอนุทินยิ้มก่อนระบุว่า ให้ประชาชนตัดสิน และต้องไปดูว่างบไปอยู่กระทรวงไหนเยอะที่สุด ควรไปถามตรงนั้น เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่ที่มหาดไทยโดนจองกฐินเยอะ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เหนื่อย เพราะออกมาแล้ว ไม่เหนื่อย ไม่เกี่ยวกัน ตนไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว

ถามว่า ส่วนหลังจากนี้เหมือนจะมีการเช็กบิลมาเรื่อยๆ นายอนุทินถามกลับว่า เช็กบิลแปลว่า “พวกผมทำอะไรผิดเหรอ  มันไม่ใช่ พวกเราไม่เคยทำอะไรผิด"

นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์​ และเลขาธิการพรรค ภท. กล่าวถึงกรณีมีการสั่งให้ตรวจสอบที่ดินเขากระโดงว่า ยินดีให้ตรวจสอบตามกระบวนการกฎหมายทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ตนมั่นใจมากๆ ว่าความจริงจะกระจ่าง และสุดท้ายจะปกป้องผู้ที่ได้รับข้อกล่าวหานี้ เนื่องจากตนมั่นใจในเชิงข้อเท็จจริงว่าเป็นสิทธิ์และเป็นที่ของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ที่ของการรถไฟฯ ความจริงจะกระจ่างในอนาคตอันใกล้

นายไชยชนกกล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน 3 สส.ของพรรค ภท. ที่มีมติโหวตสวนทางกับมติพรรคว่า ทั้ง 3 คนที่มีการโหวตนั่งรวมตัวกัน 3 คนห่างจากจุดของพรรคนั่งในสภา  เบื้องต้นจากคำชี้แจงของทั้ง 3 คนที่ระบุว่าโหวตผิด ส่วนตนไม่เชื่อ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรม โดยทางพรรคก็มีกระบวนการตรวจสอบโดยละเอียด เพราะครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่างูเห่า โดยมอบหมายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นผู้ตรวจสอบ

"ขอบคุณที่ทำให้พวกผมได้เห็นว่าใครในพรรค ภท. ที่อาจจะมองเห็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเงินสำคัญกว่าชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สำหรับผมแล้วเรื่องนี้สำคัญที่สุด และในขณะนี้ทั้ง 3 คนทางพรรคไม่ให้ทำกิจกรรมร่วมกับพรรค ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับนายเอกราช ช่างเหลา” นายไชยชนกกล่าว

ถามว่า จะตรวจเส้นทางเงินหรือไม่ เลขาฯ พรรค พท.กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการตรวจสอบ แต่ยอมรับว่าได้มีการพูดคุย 1 ใน 3 คนเบื้องต้นไปแล้ว โดยอยากให้คณะกรรมการเป็นคนตรวจสอบ ซึ่งไม่อยากให้เกิดการรั่วไหล สำหรับเส้นทางการเงินก็เชื่อว่าประชาชนได้ตื่นรู้ตื่นตัวและติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด หวังว่าทุกพรรคจะให้เกียรติความสนใจและตั้งใจกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เพราะสุดท้ายไม่เห็นสิ่งนี้ก็จะเป็นภัยกับท่านเอง

วันเดียวกัน มีรายงานความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.มีมติให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงในกรณีถุงยังชีพวันที่ 16 ก.ค.นั้น นายพีระพันธุ์ไม่ได้เดินทางไปตามกำหนด

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชี้แจงว่า นายพีระพันธุ์มีภารกิจสำคัญ จึงได้มีหนังสือแจ้ง ป.ป.ช.แล้ว โดยขอให้ป.ป.ช.ส่งข้อกล่าวหามาทางไปรษณีย์ตามระเบียบ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายที่สามารถทำได้

"นายพีระพันธุ์ยืนยันพร้อมจะชี้แจงข้อกล่าวหาทุกประการ เพราะไม่ได้กระทำการใดตามที่ถูกกล่าวหา" น.ส.ศศิกานต์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม