
รัฐบาลตีปี๊บอ้างภาคเอกชน ขอบคุณรัฐเจรจาภาษี 19% สู้กับคู่แข่งได้ แต่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติจี้ขอให้ยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐ และไม่มีแผนที่จะเจรจาในครั้งต่อไป ขณะที่รวมไทยสร้างชาติขึงขัง เปิดภาษี 0% แบบไร้ทิศทาง ยุทธศาสตร์จะกลายเป็นสึนามิเศรษฐกิจซัดซ้ำประชาชน
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภาคเอกชนไทยจากหลากหลาย ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ต่างส่งเสียงชื่นชมและขอบคุณรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทีมไทยแลนด์ ภายหลังที่ไทยบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับสหรัฐอเมริกา ปรับลดอัตราจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) จาก 36% เหลือเพียง 19% โดยเห็นพ้องว่าเป็นระดับที่เหมาะสมและสามารถแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกได้
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า ผู้นำภาคเอกชนชั้นนำต่างยืนยันตรงกันว่าความสำเร็จในการเจรจาครั้งนี้ สะท้อนถึงศักยภาพของรัฐบาลไทยในการทำงานเชิงรุก มีการวางแผนอย่างดีมาตั้งแต่ต้นปี มีเอกภาพ และรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชนอย่างรอบด้าน รัฐบาลขอขอบคุณทุกเสียงสนับสนุนจากภาคเอกชน ซึ่งยืนยันว่าความพยายามของรัฐบาลในการรักษาฐานส่งออกและขยายโอกาสทางการค้า กำลังส่งผลเป็นรูปธรรม โดยรัฐบาลพร้อมเดินหน้าเจรจารายละเอียดร่วมกับสหรัฐต่อไป เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และ สส.บัญชีรายชื่อ แสดงความห่วงใยกรณีไทยเตรียมยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็น 0% ในหลายรายการ พร้อมเตือนว่าอาจสร้างผลกระทบรุนแรงต่อภาคเกษตรกรรมไทย โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และผู้เลี้ยงสุกร
นายธนกรระบุว่า แม้สหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยเป็น 19% ซึ่งยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับเวียดนามที่ถูกเก็บ 20% แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือ เงื่อนไขการตอบโต้ที่ไทยจะเปิดภาษีนำเข้าจากสหรัฐเป็น 0% มากกว่า 10,000 รายการ ซึ่งในนั้นมีสินค้าการเกษตรสำคัญที่อาจกระทบภาคเกษตรของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งไทยต้องการใช้ปีละราว 10 ล้านตัน แต่ผลิตได้เพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือมักนำเข้าจากเพื่อนบ้านอย่างลาวและเมียนมา หากเปิดให้นำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 0% โดยไม่มีกรอบหรือโควตาชัดเจน อาจทำให้ราคาข้าวโพดในประเทศตกต่ำจนเกษตรกรไทยกว่า 420,000 รายเดือดร้อนหนัก
นายธนกรกล่าวอีกว่า ในประเด็นเนื้อหมู ไทยมีผู้เลี้ยงสุกรมากกว่า 100,000 ราย ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเนื้อหมูราคาต่ำจากสหรัฐ หากไม่มีมาตรการคุ้มครองและกำหนดปริมาณนำเข้าอย่างเข้มงวด อย่าลืมว่าเกษตรกรไทยมีต้นทุนสูงกว่าสหรัฐอย่างชัดเจน ถ้าเปิดนำเข้าเสรีแบบไม่ระวัง มันจะไม่ใช่แค่ผลกระทบรายบุคคล แต่มันจะลุกลามเป็นวิกฤตในภาคเกษตร กระทบทั้งห่วงโซ่ผลิตอาหารและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงเสนอให้รัฐบาลวางกรอบการเปิดนำเข้าให้ชัดเจนด้วยระบบโควตา พร้อมจัดทำแนวปฏิบัติที่รัดกุมและเร่งรัดการเยียวยากลุ่มผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นระบบ โดยใช้งบกลางปี 2569 และงบฉุกเฉินอย่างเหมาะสม ไม่ให้สถานการณ์บานปลาย
“ผมขอเตือนว่า ถ้าเราเปิดภาษี 0% แบบไร้ทิศทาง ยุทธศาสตร์ และมาตรการป้องกันผลกระทบอย่างรอบคอบ มันจะกลายเป็นสึนามิเศรษฐกิจซัดซ้ำประชาชนและภาคเกษตรกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวดีจากโควิด-เงินเฟ้อ เราไม่ควรยอมให้วิกฤตนี้ลุกลามไปมากกว่านี้” นายธนกรกล่าว
ขณะที่ นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม สมาคมได้ทำหนังสือถึงนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอให้ยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐ และไม่มีแผนที่จะเจรจาในครั้งต่อไป หลังจากสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยไปสหรัฐที่ 19% และหนึ่งในข้อเสนอของการเจรจาคืออาจมีการเปิดตลาดสินค้าสุกรให้กับสหรัฐ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ
ปัจจุบันภาคปศุสัตว์ให้ความร่วมมืออย่างดีกับการรองรับวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ผลิตในประเทศ ในระดับราคาที่เกษตรกรไม่ขาดทุน เช่น การให้ความร่วมมือรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกตรกรในราคาที่ไม่ต่ำกว่า 9 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีความชื้นไม่เกิน 14.5% แม้ระดับราคาดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนการผลิตภาคปศุสัตว์และสุกรสูงขึ้น ในขณะเดียวกันราคาผลผลิตสินค้าปศุสัตว์และสุกรให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในด้านการจำกัดราคาในช่วงที่เกินต้นทุน โดยเกษตรกรจะมีการบริหารจัดการกันเองในช่วงที่ราคาขายต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งมีลักษณะนี้มาตลอด
ปัจจุบันปริมาณการผลิตสุกรและความต้องการบริโภคในประเทศ อยู่ในระดับที่มีส่วนเกินผลผลิตอยู่ในระดับหนึ่ง และยังคงต้องดูแลบริหารจัดการซัพพลายส่วนเกิน เพื่อรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพให้ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยสามารถประกอบอาชีพต่อได้ กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร 12 รายใหญ่ จึงได้ร่วมลงนามทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่จะไม่เพิ่มปริมาณการผลิตสุกรให้สอดคล้องกับการบริโภคภายในประเทศ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568
ทั้งนี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ ใคร่ขอความชัดเจนจากท่านในประเด็นการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐ เพื่อสามารถให้คำตอบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศได้ โดย 1.ขอให้ยืนยันว่าไม่มีการตกลงเปิดตลาดสินค้าเนื้อสุกรจากสหรัฐในช่วงของการเจรจาดังกล่าว 2.ไม่มีการรับปากใดๆ ที่จะพิจารณาในครั้งต่อๆ ไป กับการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐ เพราะจากการให้สัมภาษณ์ท่านใช้คำตอบว่า ถ้ามีการเปิดก็จะมีแนวทางในการพิจารณา 3 ประการ คือ 1.จำกัดปริมาณไม่เกิน 1% ของการบริโภคในประเทศ 2.กำหนดมาตรการ เช่น ตรวจรับรองต้นทาง 3.พิจารณาความต้องการของตลาดในประเทศ จึงขอคำยืนยัน เนื่องจากสุกรเป็นสินค้าอ่อนไหว ที่การผลิตในประเทศไทยมีต้นทุนสูงกว่าการผลิตทั่วโลก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


