“ชูศักดิ์” ลั่นไม่มีเปลี่ยนหัวหน้าพรรค “อุ๊งอิ๊ง” คนเดิม “สมชัย” เตือนดูข้อบังคับพรรคให้ดีก่อนตายน้ำตื้น “ม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ” คึกท่ามกลางสายฝน “จตุพร” ดักคอพรรคส้มอย่าหล่อแบบไม่เลือกใคร เพราะจะเข้าทางเพื่อไทยที่รักษาการยาว ซ้ำร้ายปัญหาชายแดนจะเหมือนไฟใต้ “เสรีพิศุทธ์” ซัดได้ชัยเกษมก็ไม่ต่างจากเดิม เพราะทำตามสั่งนายใหญ่แน่นอน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2568 ยังคงมีความต่อเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีมติให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลง โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตว่า น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องหลุดจากการเป็นหัวหน้าพรรคด้วยหรือไม่ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลให้ น.ส.แพทองธารหลุดจากความเป็นรัฐมนตรี แต่ส่วนหัวหน้าพรรคนั้นไม่ได้มีข้อกำหนดอะไรเกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมไว้ และพรรคจะไม่มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ให้ น.ส.แพทองธารเป็นหัวหน้าพรรคเช่นเดิม
เมื่อถามถึงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม นายชูศักดิ์กล่าวว่า ก็พ้นไป เรื่องนี้ได้ตีความไปแล้ว
ส่วนนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนี้ในหัวข้อ “แพทองธาร ชินวัตร” ผิดจริยธรรมร้ายแรงแล้วขาดคุณสมบัติการเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ พร้อมทั้งยกข้อบังคับพรรคเพื่อไทย และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ระบุว่า ข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 48 วรรคท้าย เขียนว่า คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคณะกรรมการบริหารพรรค ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง, พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 15 ระบุว่า ข้อบังคับพรรคการเมือง ต้องมีรายการ ดังนี้ (11) มาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรคและสมาชิก โดยมาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการบริหารพรรคอย่างน้อยต้องเทียบเคียงได้กับมาตรฐานทางจริยธรรมที่ใช้บังคับแก่ สส.
“มาตรฐานทางจริยธรรมที่ใช้กับ สส.ในหมวดที่ 1 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ หากผิดถือว่าร้ายแรง ในข้อ 6 ข้อ 7 และข้อ 8 คือสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าผิด พรรคเพื่อไทยต้องจัดประชุมใหญ่ ภายใน 60 วัน เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ และ กก.บห.ชุดใหม่ นายทะเบียนพรรคการเมืองของ กกต. ต้องทำหนังสือแจ้งแก่พรรคเพื่อไทยให้ดำเนินการด้วย หาก กกต.ไม่ทำหนังสือแจ้ง ก็ถือเป็นความผิด มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฝ่าย กม.ของพรรคอ่านข้อบังคับของพรรคหรือยัง”
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กล่าวว่า ได้ส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ซึ่งเป็นการถอดเทปคำวินิจฉัยคำต่อคำของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เร่งดำเนินการ และในวันที่ 1 ก.ย. ก็จะเดินทางไปยื่นเรื่องที่ ป.ป.ช.อีกครั้งหนึ่ง
“ป.ป.ช.ในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระ และได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ไม่จำต้องแสวงหาข้อเท็จจริงใดเพิ่มอีก เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีรายละเอียดชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องรีบเร่งดำเนินการชี้มูลความผิด และส่งศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยลงโทษตามมาตรา 87 ประกอบมาตรา 81 แห่ง พ.ร.ป. ป.ป.ช.2561 โดยเร็ว จะถือว่าได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว”
ยื่นฟัน ครม.นัดพิเศษ
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า ได้ส่งหนังสือทางอีเอ็มเอสให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ วันที่ 30 ส.ค.2568 ว่าเข้าข่ายมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่ และขอให้รีบดำเนินการมีมติส่งเรื่องให้ศาลฎีกา และ/หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาต่อไปตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 235
“ครม.ได้ประชุมและเห็นว่าสามารถยุบสภาได้ โดยกล่าวอ้างขยายความจาก พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 10 วรรคสี่ แต่ไม่พิจารณาวรรคห้า จึงเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นำมาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป จนกว่า ครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ การกระทำดังกล่าวของ ครม. จึงอาจเข้าข่ายมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1)” นายเรืองไกรกล่าว
วันเดียวกัน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นัดรวมพลแสดงพลังต่อต้านระบอบชินวัตร โดยในเวลา 11.00 น. มวลชนจากจังหวัดต่างๆ ได้เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่ทั้งบนผิวถนนและบนสกายวอล์ก
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า เป้าหมายของการชุมนุมเป็นการสื่อสารไปยังพรรคการเมืองต่างๆ ที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล วิกฤตของประเทศ 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน มาจนถึง น.ส.แพทองธาร ถูกศาลวินิจฉัยด้วยเรื่องจริยธรรม จากการถูกครอบงำสั่งการโดยนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งวิกฤตการเมืองทุกครั้งเกิดจากนายทักษิณเข้ามามีบทบาทมากเกินควร จึงอยากสื่อสารไปยังพรรคเพื่อไทยว่า ไม่ควรเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะมันจะไม่เกิดผลดีต่อประเทศและไม่พ้นวิกฤตอยู่ดี
ทั้งนี้ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินได้เรียกร้อง 6 ข้อคือ 1.นายกฯ คนใหม่ต้องไม่มาจากพรรคเพื่อไทยเด็ดขาด 2.หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะต้อง หมวด 1 และหมวด 2 3.ต้องยกเลิก MOU 43, 44 4.ต้องยกเลิกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ที่ขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปี 5.ต้องยกเลิกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่อนุญาตให้มีกาสิโน และ 6.ต้องยกเลิกร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลใหม่เดินซ้ำรอยเดิม และสร้างความเสียหายให้ประเทศในระยะยาว
ในเวลา 14.45 น. นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปราศรัยบนเวทีว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เราจะไม่มาชุมนุมอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ อีกต่อไป แต่การชุมนุมครั้งต่อไปจะอยู่หน้าทำเนียบฯ แน่นอน เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธารหลุดจากตำแหน่งนายกฯ แผ่นดินสูงขึ้นนิดนึง แต่วันที่ 9 ก.ย. เชื่อว่านายทักษิณกลับเข้าคุกแน่นอน แผ่นดินประเทศไทยจะสูงขึ้นอย่างมาก หากไม่กลับเข้าคุกก็ไม่มีแผ่นดินอยู่ต้องออกประเทศไปแน่นอน
ต่อมาในเวลา 15.00 น. ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่เวทีปราศรัยยังดำเนินการต่อไป โดยมีมวลชนยืนตากฝนฟังการปราศรัยไม่หลบหนีไปไหน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมวันนี้ว่า เป็นการแสดงจุดยืนไม่เอาแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เพราะเป็นการสืบทอดปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา และความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาของชาติ ถ้าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ ต่อไป สงครามไทย-กัมพูชาจะไม่มีวันจบ สถานการณ์จะถูกลากเหมือนกับสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เตือนอย่าเอาหล่อ
“สิ่งที่น่าวิตกอย่างหนึ่งคือ พรรคประชาชนนัดประชุมบ่ายโมงวันพรุ่งนี้ มีอยู่สองทาง ไม่ว่าจะโหวตให้นายชัยเกษม นิติสิริ ก็จะเจอคณะรวมพลังแผ่นดินฯ โหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่คณะรวมพลังแผ่นดินฯ ได้ประกาศเอาไว้ ส่วนข้อที่ 3 คือไม่โหวตใครเลย เป็นสิ่งที่น่ากังวล แปลว่าเป็นการสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เท่ากับให้พรรคเพื่อไทยรักษาการในตำแหน่งนายกฯ ต่อไป วันนี้กองทัพและประชาชนอยู่ในสภาพที่อึดอัด เพียงแต่วันนี้ไม่มีใครเลือกเส้นทางให้เกิดการรัฐประหาร เพราะฉะนั้นจึงพูดดักเอาไว้ก่อน ว่าพรุ่งนี้พรรคประชาชนอย่าเล่นบทหล่อไม่เลือกใคร เพราะไม่เลือกใครคือเลือกพรรคเพื่อไทยให้รักษาการตำแหน่งนายกฯ ต่อไป” นายจตุพรย้ำ
นายจตุพรย้ำว่า จุดยืนของคณะรวมพลังแผ่นดินฯ ไม่เอาการรัฐประหารเด็ดขาด ให้แก้ไขทุกอย่างตามรัฐธรรมนูญประเทศนี้จะไม่มีทางตัน ยกเว้นแต่ละฝ่ายจะเหลือเกินเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว สำหรับการมาของนายกฯ ขณะนี้มาได้แค่ 2 ทางเท่านั้น คือไม่มาจากรัฐสภาก็มาจากการรัฐประหาร เมื่อเราไม่เอารัฐประหารก็มาจากสภาไม่มีทางอื่น โดยเชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้นายกฯ คนใหม่แน่ แต่ถ้าได้คนจากพรรคเพื่อไทยนั้น วันเสาร์ที่ 6 ก.ย. จะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งที่อนุสาวรีย์ชัยฯ แน่นอน
ต่อมาในช่วงเย็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขึ้นปราศรัย โดยช่วงหนึ่งกล่าวถึงนายชัยเกษมว่า เป็นเพื่อนกันมาก่อน รู้จักกันมากว่า 30 ปี ซึ่งนายชัยเกษมระบุว่าถ้ามาเป็นนายกฯ แล้วจะไม่อยู่ใต้อาณัติใครหรือไม่ให้ใครสั่งการ แต่ที่ผ่านมานายชัยเกษมไม่รับใช้การเมืองหรืออย่างไร ขนาดเป็นคนรู้จักกันเขายังเหยียบย่ำขนาดนี้ ถ้าเป็นประชาชนจะโดนอะไรบ้าง ถ้าหากนายชัยเกษมได้เป็นนายกฯ ก็ต้องรับใช้นายทักษิณแน่นอน เพราะที่ผ่านมาก็รับใช้ผู้มีอำนาจมาตลอด
นายพิชิตกล่าวปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า อุปสรรคของประเทศในตอนนี้อยู่ที่พรรคเพื่อไทย อยู่ที่นายทักษิณ หากพูดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ต้องตีความเป็นคนอื่น เพราะทุกคนเป็นลิ่วล้อทั้งนั้น ผ่านมาแล้ว 20 ปีก็ยังเป็นเหมือนเดิม แล้วเราจะยอมให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่ออีกหรือไม่ เพราะในเมื่อวิกฤตประเทศเกิดจากพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศผ่านนายทักษิณ
“ข้อต่อรองของแต่ละพรรคฟังแล้วงงมาก พรรคประชาชนบอกว่าถ้าจะร่วมรัฐบาลก็ต้องนิรโทษกรรม ม.112 ไปด้วย และต้องแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ปัญหาประเทศไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญ วันนี้พรรคการเมืองกำลังโยนบาปให้กับรัฐธรรมนูญ ปัญหาที่รบกันอยู่ระหว่างไทย-กัมพูชาเกิดขึ้นระหว่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ มันเกิดขึ้นเพราะคุณผิดจริยธรรม และมีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิของประเทศ”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จีทูจีขายข้าว นำร่องสินค้า เกษตรกรรม
“ศุภจี” ลั่นดัน 7 นโยบายควิกวินใน 4 เดือน เล็งคลอดกว่า 70 กิจกรรม
ปัด‘บิ๊กเล็ก’สั่งหยุดยิง เชลยศึกอยากอยู่ไทย!
ที่ปรึกษา รมว.กห.ยัน “บิ๊กเล็ก” ไม่ได้สั่งแม่ทัพกุ้งหยุดยิง ส่วน “บิ๊กดุลย์” บอกไม่จำเป็นต้องเก็บ 18 เชลยศึก
ตีปี๊บปราบสแกมเมอร์ ลุยยึดทรัพย์‘ซี้ฮุนเซน’
"นายกฯ อนุทิน" นำ ตร.โชว์ปราบสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ ตำรวจไซเบอร์ปูพรมตรวจค้น 36 จุด
ปชช.ถวายบังคมพระบรมศพ
วันแรกเปิดเข้าถวายบังคมพระบรมศพ “สมเด็จพระพันปีหลวง”
ไม่ผิดเรื่องร้ายแรง! ‘ไหม’การันตีรัฐบาลอนุทิน/มาร์คทำคะแนนนิยมปชป.ฟื้น
"นิด้าโพล" เช็กกระแสคนภาคเหนือ หนุน "เท้ง" นั่งนายกฯ นำห่าง "อนุทิน" ด้าน "ศิริกัญญา" ใจชื้นหลังคะแนนนิยม "ณัฐพงษ์" นำ อุบ "แคนดิเดตนายกฯ"
‘ไทย-เขมร’ตกลงทำกำแพง8กม.
เปิดหนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ไทย-กัมพูชาเห็นพ้องสร้างรั้วชายแดนฝั่งจันทบุรี-ตราด ระยะทางกว่า 8 กม. หลักเขต 52-59 ด้าน "ทูตประศาสน์" เตรียมลงพื้นที่ งบก่อสร้างพร้อมแล้ว

