โพลชี้คนไทยอยากให้ "นายกฯ หนู" เร่งแก้ปากท้อง หนุนยุบสภาใน 4 เดือน ผู้ประกอบการฐานรากเชียร์ฟื้น "คนละครึ่ง" กระตุ้นเศรษฐกิจ "สส.ปชน." ฝากรัฐบาลใหม่ทำได้ทันที สวัสดิการประชาชน 3 เรื่อง "ทสท." กระทุ้งแก้ รธน. ไม่แตะหมวด 1-2
เมื่อวันที่ 7 กันยายน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความคาดหวังต่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 32” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,191 คน ระหว่างวันที่ 2-5 ก.ย.2568 สรุปผลได้ ดังนี้ ภารกิจเร่งด่วนที่อยากให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ดำเนินการมากที่สุด คือ การแก้ปัญหาค่าครองชีพและปากท้อง ร้อยละ 68.26 รองลงมาร้อยละ 49.03 แก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชา, ร้อยละ 44.58 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน, ร้อยละ 33.59 ปราบปรามคอร์รัปชัน และร้อยละ 33.08 แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะสามารถแก้ปัญหาของประเทศได้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 56.09 ระบุเชื่อมั่นปานกลาง ขณะที่ร้อยละ 76.66 เห็นด้วยหากรัฐบาลใหม่ประกาศยุบสภาภายใน 4 เดือนเพื่อเลือกตั้งใหม่ สำหรับสิ่งที่อยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่มากที่สุด คือ ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ร้อยละ 53.81 รองลงมาร้อยละ 44.09 ลดค่าครองชีพ สร้างงาน แก้ความยากจน, ร้อยละ 37.01 บริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน, ร้อยละ 35.70 ทำตามสัญญายึดประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลัก และร้อยละ 22.05 แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเด็ดขาด
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ไม่ว่านายกฯ คนใหม่จะเป็นใคร ประชาชนยังคงกังวลกับปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ และปากท้อง จนมีเสียงเรียกร้องให้คืนอำนาจผ่านการยุบสภาในเวลาอันสั้น สะท้อนภาวะ “วิกฤตความศรัทธาต่อวาจาของนักการเมือง” การทำหน้าที่ของนายกฯ ใหม่จึงเต็มไปด้วยความท้าทายทั้งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ บริหารงานอย่างโปร่งใส และทำตามสัญญาที่ให้ไว้เพื่อกอบกู้ความไว้วางใจจากประชาชน
ผศ.เบญจพร พึงไชย อาจารย์หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า ผลสำรวจสะท้อนถึงปัญหาปากท้องซึ่งยังเป็นปัญหาที่ประชาชนต้องการให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ คนใหม่เข้ามาแก้ไขมากที่สุด นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นว่านายกฯ จะสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้อยู่ในระดับปานกลาง เป็นสัญญาณว่าประชาชนให้โอกาสนายกฯ ในการนำพาประเทศ เท่ากับว่าจากนี้นายกฯ จะต้องเร่งสร้างผลงานเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นจากประชาชน ดังนั้น สิ่งที่นายกฯ และคณะรัฐบาลควรดำเนินการคือ การวางยุทธศาสตร์ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
นิด้าโพลหนุนยุบสภา
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “ยุบสภาในสี่เดือนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ระหว่างวันที่ 4-5 ก.ย.2568 จากประชาชนทั่วประเทศ รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 59.24 ระบุว่าควรยุบสภาโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอสี่เดือน รองลงมา ร้อยละ 27.17 เห็นด้วยกับการยุบสภาภายในสี่เดือน, ร้อยละ 9.54 ไม่ควรยุบสภา แต่ควรรอให้สภาชุดนี้หมดวาระในปี 2570
ด้านความต้องการของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ร้อยละ 37.56 ระบุว่าต้องการมาก รองลงมา ร้อยละ 28.17 ไม่ต้องการเลย, ร้อยละ 21.76 ค่อนข้างต้องการ ทั้งนี้ เมื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าต้องการมากและค่อนข้างต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (จำนวน 777 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องการ ร้อยละ 74.39 ระบุว่าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา รองลงมา ร้อยละ 24.71 ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และร้อยละ 0.90 ไม่ตอบ
ทางด้าน นายนพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน เปิดเผยผลสำรวจเชิงพรรณนา “เสียงของกลุ่มเปราะบางทางธุรกิจต่อรัฐบาลใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล” ว่า การสำรวจนี้มุ่งทำความเข้าใจ “ประสบการณ์จริง” ของผู้ประกอบการขนาดเล็ก รายย่อย ไม่เป็นทางการ และกิจการครัวเรือน พบว่าปัญหาเชิงโครงสร้างที่ถาโถมผู้ประกอบการมีลำดับความถี่ชัดเจน เริ่มจาก “สภาพขาดเงินทุนหมุนเวียน” สูงสุดที่ร้อยละ 69.2 ตามด้วย “หนี้สะสมสูง” ร้อยละ 63.5 “ยอดขายลด ลูกค้าเงียบเหงา" ร้อยละ 58.8 ปัญหาต้นทุนสูงหลายรายการ ถึงร้อยละ 56.9
ส่วนทัศนะต่อผู้นำรัฐบาลใหม่ ความไว้วางใจเชิงประสิทธิผล พบว่า สัดส่วน “สนับสนุนค่อนข้างมากถึงมากที่สุด” อยู่ที่ร้อยละ 65.8 สะท้อนความคาดหวังเชิงประสิทธิผลต่อการจัดการปัญหาปากท้องและบริหารสถานการณ์ ทั้งนี้เสียงของผู้ตอบสะท้อนทิศทางนโยบายที่คมชัด เริ่มจาก “กระตุ้นกำลังซื้อด้วยโครงการคนละครึ่ง เน้นร้านค้าย่อย-ร้านชุมชน” ด้านมาตรการช่วยบริหารหนี้ เช่น “พักชำระเงินต้นหนี้ธุรกิจรายย่อย” ได้รับการตอบรับร้อยละ 68.4 ขณะที่ “ลดค่าสาธารณูปโภค (น้ำ-ไฟ-โทรฯ-เชื้อเพลิง)” อยู่ที่ร้อยละ 62.1 และ “การพัฒนาทักษะการตลาดออนไลน์” อยู่ที่ร้อยละ 39.8 ชุดนโยบายดังกล่าวมีแก่นเดียวกันคือ “ลดความฝืดของเงินสดและต้นทุน พร้อมเพิ่มช่องทางขาย” ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการเชื่อว่า “ทำได้จริงและเห็นผลในระยะสั้น”
ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพลกล่าวว่า เมื่อจัดอันดับ “พรรคการเมืองที่มีกำลังแก้เศรษฐกิจ” โดยพบว่า ฝั่งพรรคใหญ่ พรรคภูมิใจไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค) นำโด่งที่ร้อยละ 38.9 สะท้อนความเชื่อมั่นเชิงนโยบายเร่งด่วน ตามด้วย “พรรคประชาชน (นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค)” ร้อยละ 28.1 และ “พรรคเพื่อไทย (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค)” ร้อยละ 19.3
วันเดียวกัน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายอนุทินว่า ขอฝากอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ไม่ควรถูกละเลย คือการให้โอกาสประชาชนไทยได้อ้าปากลืมตาผ่านการสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า แม้รัฐบาลใหม่นี้จะมีเวลาจำกัด แต่ยังมีหลายเรื่องที่รัฐบาลชุดก่อนเคยรับปากกับประชาชน แต่ขาดความจริงใจและความจริงจังในการผลักดัน ทั้งที่ข้อเสนอสวัสดิการหลายอย่างได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการร่วมและผ่านมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2567 แต่กลับถูกปล่อยให้ค้างเติ่ง ประชาชนที่เฝ้ารอความหวังจึงยังไม่ได้รับสิทธิตามที่ควรได้รับ
ข้อเสนอสำคัญเหล่านี้ ได้แก่ การปรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดให้เป็นแบบถ้วนหน้า การเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได และการปรับเบี้ยผู้พิการเป็นแบบถ้วนหน้า ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมายใหม่ หากรัฐบาลใหม่มีเจตนารมณ์ชัดเจน เพียงนำกลับมาเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และออกมติ ครม.รองรับ สามารถเดินหน้าต่อได้ทันที
สวัสดิการ ปชช.ทำทันที
นายณัฐชากล่าวว่า การทำให้ข้อเสนอสวัสดิการทั้ง 3 เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมเพียง 38,548 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินอุดหนุนเด็กถ้วนหน้าขาดอยู่ 7,401 ล้านบาท, เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขาดอยู่ 28,013 ล้านบาท และเบี้ยผู้พิการขาดอยู่ 3,134 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้ไม่ถึง 4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณประเทศกว่า 3.78 ล้านล้านบาท ถือเป็นเม็ดเงินที่รัฐบาลสามารถจัดหาได้ทันที
"สวัสดิการประชาชน ถือเป็นภารกิจเร่งด่วน เพราะเป็นการลงทุนกับชีวิตมนุษย์อย่างแท้จริง นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญของรัฐบาลใหม่ ที่จะไม่เพียงทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชน แต่ยังสามารถทิ้งผลงานที่จับต้องได้ให้กับสังคม เป็นผลงานที่ประชาชนจดจำได้จริงว่า แม้มีเวลาจำกัด แต่รัฐบาลนี้เลือกที่จะทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการยกระดับคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน” สส.พรรคประชาชนระบุ
ขณะที่ พรรคไทยสร้างไทย แถลงการณ์ข้อเสนอต่อนายอนุทินว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลและรัฐสภาต้องเร่งดำเนินการ คือปัญหาความมั่นคงชายแดน และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน แต่ประเทศจะเดินแบบเดิมหรือแย่กว่าเดิมหากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อลดกับดักต่างๆ และเสริมสร้างบทบาทตลอดจนการดูแลการทำมาหากินของภาคประชาชน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดย สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นั้น ควรดำเนินการหลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นตามที่ได้ตกลงกันในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
สำหรับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าต้องไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 เพื่อธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักและความมั่นคงของชาติ ประเด็นที่ควรแก้ไขหลักๆ ก็คือ 1.ที่มาของนายกฯ ซึ่งควรมาจาก สส. 2.การแก้ปัญหา สส.งูเห่า เพราะเป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรม และทำลายการสร้างพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันการเมือง 3.การวางหลักในเรื่องนโยบายแห่งรัฐ สิทธิ เสรีภาพของประชาชน และการขจัดกฎหมายที่กดทับและเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชน 4.บทบาทของภาคประชาชนในตรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระ
น.ส.ชญาน์นันท์ ติยะตระการชัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการด้านการคลัง วุฒิสภา เปิดข้อเสนอแนะนโยบายด้านเศรษฐกิจให้รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทินว่า สิ่งที่รัฐบาลใหม่ควรทำก็คือ พิจารณาการกู้เพื่อชดเชยงบขาดดุล 860,000 ล้านบาท ตามแผนเดิมยังจำเป็นอยู่หรือไม่ และรัฐบาลควรรีบรัดเข็มขัด ด้วยนโยบาย “ลด-เลิก-ชะลอ” เช่น ทบทวนโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ของกระทรวงวัฒนธรรม ที่เสนองบประมาณ จำนวน 4.8 พันล้านบาท และมีอีก 28 หน่วยงาน เสนอของบเข้ามา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท

