“นายกฯ หนู” ขนทีมเศรษฐกิจหารือ ส.อ.ท. บอกจะนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ถวายสัปดาห์นี้ ระบุเข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อวางรากฐาน ถือคติคนละพรรคแต่พวกเดียวกัน พร้อมย้ำดรีมทีมจะเป็นเรียลทีมไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก เตรียมเฮ! คนละครึ่งจะทำให้เร็วที่สุด สภาอุตฯ พาเหรดชง 5 เรื่องด่วน “ภาษีสหรัฐ-SME-ค่าไฟฟ้า-ชายแดนไทย กัมพูชา-เงินบาท”
เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2568 ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยร่วมกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ และ รมว.การคลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่ รมว.พาณิชย์, นายธนกร วังบุญคงชนะ ว่าที่ รมว.อุตสาหกรรม, นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่ รมช.การคลัง, นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึงก็ได้แนะนำตัวนายสุชาติ และนายธนกรแก่นางศุภจี พร้อมกล่าวว่าให้ทำความรู้จักกันไว้ เพราะนี่คือรัฐมนตรีของเรา จากนั้นเมื่อถึงห้องประชุม บรรดาผู้ร่วมประชุมได้ปรบมือต้อนรับ ขณะที่นายเกรียงไกรได้มอบกระเช้าแสดงความยินดีที่ได้รับตำแหน่งนายกฯ และอวยพรวันคล้ายวันเกิดเมื่อ 13 ก.ย.
จากนั้นนายกฯ ได้กล่าวเปิดการประชุมว่า จากนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศต้องขับเคลื่อนให้ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไข และจะนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ แต่เราคงไม่ปล่อยเวลาให้เสียประโยชน์ รัฐบาลกับผู้นำทางเศรษฐกิจต้องไปคู่กันเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย ให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงในมิติอื่นๆ เช่นหากเศรษฐกิจดีคุณภาพชีวิตก็จะดี สังคมก็จะมีความสงบสุข
นายอนุทินกล่าวว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราได้ประชุมร่างการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เนื่องจากเวลามีจำกัด ซึ่งแม้ยังไม่ได้ทำงานแต่หลังไมค์แล้วทำทุกอย่าง เพราะสไตล์ของพวกเราคือทำงานเร็ว นโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นนั้นมุ่งเน้นแก้ไขเศรษฐกิจระยะสั้น วางรากฐานเพื่อการต่อยอด ให้มีความมั่นคงต่อไปในระยะยาว ปัญหาเฉพาะหน้าให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะปัญหาของผู้ประกอบการ เพราะไทย-กัมพูชาก็ต้องมีการค้าขายกันอยู่ แต่ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันนี้ เงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ การที่เราจะต้องรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิของประเทศ การเปิดด่านจะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้นนี้ ซึ่งก่อนจะเกิดสิ่งเหล่านั้นก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เราเป็นผู้กำหนด เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
นายอนุทินกล่าวอีกว่า เราต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้น เพราะคู่แข่งข้างนอกเกิดมากขึ้น เช่นเวียดนามและ กัมพูชา ก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย แต่บางครั้งต้องยอมรับว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้รัฐบาลชุดนี้เข้ามาในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาลที่ฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปได้
“ที่ผ่านมาผมอยู่มา 6 ปี เห็นปัญหาเยอะแยะ ที่สำคัญการหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เอาตรงนี้เสนอขึ้นมา เช่นพรรคนี้คุมกระทรวงอุตสาหกรรม แต่นายกฯ เป็นคนละพรรคกันก็ไม่สนับสนุนเต็มที่ เพราะกลัวคะแนนตกไปที่พรรคอื่น ซึ่งขอเรียนว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลของผม เพราะถือคติคนละพรรคแต่พวกเดียวกันสำคัญกว่าพรรคเดียวกันคนละพวก” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า อยู่ภาคเอกชนมาก่อน มีความเชื่อมั่นถ้าเศรษฐกิจดี ประเด็นอื่นก็เป็นเรื่องเล็ก จะบอกว่าคนมีกินมีใช้ หรือมีเกียรติมีศักดิ์ศรีด้วยก็ได้ ตนเองและทีมงานจะเร่งให้เกิดการวางรากฐานให้ได้มากที่สุด ด้วยสไตล์การทำงานยึดภาพรวมเป็นหลัก ไม่ยึดภาพตัวเองเป็นหลัก ขอให้มั่นใจอะไรที่ดีต่อส่วนรวม จะใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะนายกฯ ช่วยผลักดันความคาดหวังของพวกท่านให้เกิดความสำเร็จ
โดยจังหวะที่นายอนุทินกล่าวถึงตอนนี้ทำให้ผู้ร่วมประชุมหัวเราะขึ้นมา
รายงานจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งถึงความคืบหน้าการแต่งตั้ง ครม.อนุทิน 1 ว่า ในส่วนของรายชื่อถือว่า 100% แล้ว อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในสัปดาห์นี้ ซึ่งล่าสุดได้มีความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเมื่อเวลา 09.00 น. ทีมงานของนายอนุทินได้นำเอกสารมาส่งที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพิ่มเติม คาดว่าเป็นเอกสารตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี นอกจากนี้ นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯ ไปเมื่อเวลา 13.30 น. ขณะที่ สลค.ได้แจ้งงดประชุม ครม.ในวันที่ 16 ก.ย.นี้
ยันคนละครึ่งเร็วที่สุด
ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า มาแนะนําตัวเองกับประธาน ส.อ.ท.และสิ่งที่เป็นความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ โดยเรื่องปัญหาและข้อกังวลที่จะให้รัฐบาลเร่งแก้ไข ทั้งเรื่องศักยภาพการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการพัฒนาอุตสาหกรรม การรับมือการค้าที่มีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา การทําให้เกิดความเข้มแข็งของกลุ่มประเทศอาเซียน สามารถทําให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นอุปสรรคต่อภาคอุตสาหกรรมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็มีบ้าง แต่ได้ชี้แจงให้ทราบชัดเจนแล้ว ส่วนเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น นายเอกนิติจะหารือกับ ส.อ.ท.ในรายละเอียด
ถามต่อว่า มีการตรวจสอบกระแสการส่งออกทองคําไปยังต่างประเทศแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า รับทราบแล้ว และให้ส่วนที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบแล้ว ถ้ามีสิ่งอะไรที่ผิดปกติก็จะมีมาตรการตามกฎหมายต่อไป
ถามถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า หลังไมค์ก็มีการเตรียมพร้อม เมื่อเราเข้าไปบริหารราชการแผ่นดินตามเวลาที่กําหนดก็จะดําเนินการ ส่วนที่ประชาชนคาดหวังกับนโยบายคนละครึ่งนั้น ในรายละเอียดจะให้ รมว.การคลังชี้แจงในแผนที่ได้วางเอาไว้ การดําเนินการเมื่อเราเข้ามาบริหารอย่างเต็มตัว ว่าจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อให้นโยบายนี้ดำเนินการได้เร็วที่สุด
เมื่อถามต่อว่า กรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ขอให้นายกฯ ชะลอโครงการแลนด์บริดจ์ออกไปก่อน นายอนุทินกล่าวว่า เดี๋ยวจะเข้าไปฟังทุกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะโครงการนี้จะไปดูในมิติของการลงทุนว่าคุ้มค่าอย่างเดียวหรือไม่ มันไม่พอ แต่ต้องดูไปถึงอนาคต ต้องดูหลายมิติร่วมกัน
ขณะที่นายเกรียงไกรกล่าวหลังการหารือร่วมกับนายอนุทินและทีมงานว่า ได้สะท้อนในหลายเรื่อง โดยส.อ.ท.ได้ชี้ให้เห็นถึงภาพรวมความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทย และแนวทางการขับเคลื่อนตามนโยบาย 4GO ได้แก่ GO Digital & AI (การยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์) GO Innovation (การสร้างผู้ประกอบการจิ๋วแต่แจ๋วด้วยนวัตกรรม) GO Global (การยกระดับห่วงโซ่อุปทานสากลและการขยายสู่ตลาดโลก) และ GO Green (การพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดคาร์บอนฟุตพรินต์) ซึ่งจะเป็นกลไกหลักในการผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก
ส.อ.ท.ชงปัญหา 5 ข้อ
นายเกรียงไกรกล่าวอีกว่า ส.อ.ท.ยังได้นำเสนอแนวทางในการส่งเสริมอุตสาหกรรม 5 เรื่องหลักในระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย 1.การเตรียมความพร้อมรับมือมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐ และสงครามการค้า 2.การส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SME 3.การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการ 4.การรับมือผลกระทบจากปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และ 5.การบริหารจัดการผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท
ด้านนายนาวา จันทนสุรคน รองประธาน ส.อ.ท. ได้ชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับการรับมือมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐและสงครามการค้า ว่าปัจจุบันไทยถูกสหรัฐเริ่มเก็บภาษีอัตราที่ 19% ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 2568 แต่จะเรียกภาษีอยู่ 2 กรณี คือกรณีที่ 1 เรียกเก็บภาษีอัตราที่ 19% ใช้กับสินค้าที่ตกอยู่ในขอบเขตของมาตรการนี้โดยรวม ยกเว้นสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรา 232 เช่นรถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เหล็กและอลูมิเนียม ทองแดงกึ่งสำเร็จรูป เพราะสินค้ากลุ่มนี้มีกรอบกฎเกณฑ์ต่างหาก กรณีที่ 2 เรียกเก็บภาษีอัตราที่ 40% จะบังคับใช้เมื่อสินค้าถูกพิจารณาว่าเกิดจากการสวมสิทธิของประเทศที่สาม หรือมีกรณี transshipment โดยสินค้าในกรณีนี้ต้องผ่านการตรวจสอบและพิสูจน์โดย U.S. Customs and Border Protection (CBP) ก่อน และหากพบว่ามีการสวมสิทธิจริงจะถูกเรียกเก็บอัตรานี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนมูลค่าการผลิตในประเทศ/ภูมิภาค (Regional Value Content: RVC) ที่ชัดเจน ภาครัฐจึงต้องติดตามแนวปฏิบัติของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้ทัน
“ส.อ.ท.เสนอให้ภาครัฐเร่งสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสหรัฐ การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อให้คำปรึกษาเรื่องการคำนวณ RVC ตลอดจนการส่งเสริมผู้ประกอบการในการปรับตัว เพื่อปรับซัพพลายเชนของไทยให้ยืดหยุ่นและทันสมัย ให้ภาครัฐดำเนินมาตรการเชิงรุกด้านการค้าระหว่างประเทศ กำกับดูแลสินค้าให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ”
นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวถึงการส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs ว่า สถานะความเปราะบางของ SME ไทย ณ เดือน มิ.ย. 2568 มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คิดเป็น 243,026 ล้านบาท และยอดหนี้คงค้างรวม (สินเชื่อ SME) คิดเป็น 3,119,525 ล้านบาท ดังนั้น ส.อ.ท.จึงนำเสนอแนวทางส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งทุน ภายใต้มาตรการ Fast Track เพื่อ SME ประกอบด้วย โครงการค้ำประกันสินเชื่อฉุกเฉินที่อนุมัติได้ภายใน 3-7 วัน โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าธรรมเนียมช่วงแรก และเพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันสูงกว่าปกติ เช่น 80-100% เพื่อธนาคารกล้าปล่อยสินเชื่อทันที, สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง SME ด่วนพิเศษ 1% ผ่านกองทุนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยธนาคารรัฐเป็นผู้ดำเนินการ และเปิดช่องทางด่วนสำหรับสินเชื่อวงเงิน 5-10 ล้านบาท SME ที่อยู่ในระบบภาษี โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน และมาตรการ Hair Cut สำหรับการปรับโครงสร้างหนี้เสีย
ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวถึงแนวทางการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการว่า เป็นการสร้างโครงสร้างค่าไฟที่เป็นธรรม สะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริง และเอื้อต่อการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการผลักดันมาตรการสนับสนุนพลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้เน้นย้ำให้ภาครัฐเร่งจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 และเสนอให้ปรับโครงสร้างการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้า เพื่อลดต้นทุนส่วนเกินที่ไม่จำเป็นและส่งเสริมการเปิดเสรีไฟฟ้า รวมทั้งปรับลดวงเงินประกันการใช้ไฟฟ้าเหลือ 0.5 เท่า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีประวัติการชำระตามกำหนด
ชงแพ็กเกจแก้ชายแดน
ขณะที่นายเวทิต โชควัฒนา รองประธาน ส.อ.ท. สะท้อนปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เสนอให้ภาครัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน ระยะสั้นและระยะยาว ทั้งในด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า การแก้ไขปัญหาด่านศุลกากร รวมถึงการเจรจาระดับทวิภาคี เพื่อสร้างความชัดเจนในกฎระเบียบการค้าชายแดน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยระยะเร่งด่วนควรมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ให้ผู้ประกอบการ ผ่านการเสริมช่องทางโลจิสติกส์เดิม การเพิ่มเรือชายฝั่งในการส่งสินค้าเข้าไปในช่องทางที่ไม่ใช่ชายแดนที่มีอาณาเขตติดกัน และการพิจารณาอนุญาตให้ส่งออกและนำเข้าสินค้าที่เป็นวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนที่จะนำไปเข้าสู่กระบวนการผลิตใน Supply Chain ได้ในด่านที่ไม่มีความขัดแย้ง รวมทั้งการเยียวยาผู้ประกอบการที่ต้องขนส่งในช่วงที่ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้ง
สำหรับระยะสั้น เสนอแนะให้พิจารณาซอฟต์โลนแก่ผู้ประกอบการเพื่อรักษาสภาพคล่องของกลุ่ม SME ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา หรือผู้ที่มีหลักฐานการค้าขายต่อเนื่องกับกัมพูชา เพิ่มเติมจากมาตรการที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ออกมา รวมทั้งขอให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาให้สิทธิประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมที่อยู่ใน Supply Chain ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ส่วนมาตรการระยะยาว พิจารณาตามสถานการณ์ด้านความมั่นคง ที่จะให้ทั้งสองประเทศกลับมาทำการค้าร่วมกัน สร้างความเจริญเติบโตร่วมกันให้แก่ภูมิภาค
“การพบปะในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ของการสร้างความร่วมมือเชิงรุกระหว่างภาครัฐและเอกชน โดย ส.อ.ท.พร้อมที่จะสนับสนุนและทำงานเคียงข้างรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อนำพาเศรษฐกิจไทยสู่ความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนในอนาคต” นายเกรียงไกรกล่าว
ด้านนายอนุทินกล่าวว่า เราต้องให้ความสำคัญกับปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของผู้ประกอบการ หรือแม้แต่ปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ถึงแม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่มั่นใจว่าเราจะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ผลักดันให้ประเทศไทยเติบโต และทำให้ทุกฝ่ายเกิดความคล่องตัวมากขึ้น
“ดรีมทีมจะเป็นเรียลทีม ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก เราจะใช้หลักการทำงานเป็นทีมเพื่อพัฒนาประเทศชาติ" นายอนุทินกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง

