กร้อนผมแม้วขู่ฟ้องดะ

"น.ช.ทักษิณ" กร้อนผม "ราชทัณฑ์" เปิดห้องวีไอพีรองรับตระกูลชินวัตรเข้าเยี่ยมวันแรก “อุ๊งอิ๊ง- เอม” ควง “คุณหญิงพจมาน“ เข้าเรือนจำกลางคลองเปรมเยี่ยมญาติ “แพทองธาร” ครวญ 17 ปีพ่อแม่ได้เจอหน้ากันผ่านหน้ากระจก บอกคุณพ่อกำลังใจเข้มแข็งกว่า ขณะที่ทนายความลุยฟ้องดะพวกปล่อยเฟกนิวส์ยึดทรัพย์สินในเขมร ด้าน "ภูมิธรรม" จุดพลุคว้าชัยเลือกตั้งซ่อมเชียงราย ฝันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ปลุกกระแสผู้นำจิตวิญญาณนอนคุก แลกคะแนนเสียงสงสารท่วมท้น

เมื่อวันจันทร์ เวลา 08.00 น. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ บรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำและส่วนของศูนย์บริการเยี่ยมญาติ ซึ่งถือเป็นวันแรกที่เปิดให้ญาติมาเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังครบกักโรค 5 วัน และอยู่ภายในแดนแรกรับห้องกักโรคของผู้สูงอายุ โดยผู้สื่อข่าวหลากหลายสำนักได้มาปักหลักติดตามรายงานความเคลื่อนไหว เนื่องจากครอบครัวชินวัตรจะเดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณในเวลา 10.00 น.

พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์  ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า สำหรับการเยี่ยมญาติครั้งแรกของนายทักษิณ เรือนจำได้มีการจัดเตรียมความพร้อมห้องเยี่ยมญาติไว้สำหรับนายทักษิณเรียบร้อยแล้ว โดยจะเป็นห้องแยกออกมาเฉพาะ แต่มีกระจกใสกั้น ใช้โทรศัพท์พูดคุยสื่อสาร และไม่ปะปนกับผู้ต้องขังคนอื่นในห้องเยี่ยมญาติ เพื่อความปลอดภัยระหว่างการเดินทางออกจากแดนด้านในเรือนจำมายังห้องเยี่ยมญาติ อย่างไรก็ดีห้องเยี่ยมญาติสำหรับนายทักษิณไม่ได้มีการจำกัดจำนวนคนเข้าเยี่ยม ครอบครัวและญาติที่มาเยี่ยมสามารถเข้าพบนายทักษิณได้พร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้ภายในห้องเยี่ยมญาติจะมีเจ้าหน้าที่เรือนจำคอยประจำจุด เพื่อให้คำแนะนำและบอกข้อห้ามปฏิบัติตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการเยี่ยมการติดต่อของบุคคลภายนอกกับผู้ต้องขัง  และการเข้าดูแลกิจการหรือติดต่อการงานกับเรือนจำ พ.ศ. 2561

 “นายทักษิณยังคงมีสุขภาพร่างกายและจิตใจอยู่ในระดับดี พร้อมที่จะได้พบครอบครัวเป็นครั้งแรกในวันนี้  โดยล่าสุดนายทักษิณได้มีการตัดผมตามระเบียบแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มให้ช่วยงานอะไร เพราะให้พักผ่อน คลายความเครียดก่อน ส่วนสภาพจิตใจเบื้องต้นของนายทักษิณ เท่าที่สังเกตอาการพบว่าทำใจได้แล้ว มียาโรคประจำตัวทานตลอด คอยอ่านหนังสือและดูทีวีคลายเครียด" พ.ต.ท.เชน ระบุ 

ต่อมาครอบครัวของนายทักษิณได้ทยอยเดินทางมาตามลำดับ นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม เดินทางมาโดยรถตู้ส่วนบุคคล เมื่อทั้งหมดจอดรถที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมและลงจากรถ สื่อมวลชนรายงานว่าทั้งหมดมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่พบความเครียด และยังยิ้มให้สื่อมวลชน

ก่อนที่เจ้าหน้าที่เรือนจำจะได้นำทั้งหมดเข้าบริเวณพื้นที่ด้านในเรือนจำ โดยได้ผ่านประตูหน้าของเรือนจำ ซึ่งเป็นประตูสำหรับเจ้าหน้าที่เรือนจำ และสำหรับบุคคลภายนอกที่มีกิจกรรมจะต้องประสานกับเรือนจำ อย่างเช่นกรณีนำสื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวภายในเรือนจำ เพราะโดยปกติแล้วหากเป็นการเยี่ยมญาติทั่วไป ญาติของผู้ต้องขังทุกคนจะต้องเข้าผ่านประตูเยี่ยมญาติ บริเวณส่วนเยี่ยมญาติผู้ต้องขังซึ่งจะอยู่อาคารด้านข้าง

ลุยฟ้องโยงเขมรยึดทรัพย์

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ   กล่าวภายหลังการเข้าเยี่ยมนายทักษิณว่า เรื่องความปลอดภัยของท่านเป็นเรื่องหลัก ผู้ต้องขังไม่ต้องร้องขอ  ผบ.เรือนจำต้องดูอยู่แล้ว ท่านเป็นอดีตนายกฯ ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยต่อชีวิตของท่าน ไม่ได้มีห้องพิเศษสำหรับท่าน เป็นไปตามระเบียบทุกอย่าง การเยี่ยมก็เป็นไปตามระเบียบ แต่ตนไม่ได้เข้าไปในเรือนนอน ยืนยันว่าให้เยี่ยมแบบไหนก็ไปเยี่ยมแบบนั้น

 “แต่คนที่ไปปล่อยข่าวเรื่องยึดทรัพย์สินที่กัมพูชา ผมจะฟ้องแน่นอน มันเป็นเรื่องเท็จ ผมอยากให้ใจเย็น ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่ฟ้อง มันเป็นเรื่องเท็จ และเป็นเรื่องที่นายทักษิณไม่ได้กังวลอะไร ส่วนเรื่องทรัพย์สินก็เป็นเรื่องของครอบครัวท่าน ผมไม่ก้าวล่วง" นายวิญญัติระบุ

เมื่อถามว่า การยื่นขอคุมขังนอกเรือนจำมีกระบวนการอย่างไรบ้างนั้น นายวิญญัติระบุว่า การขอคุมขังนอกเรือนจำคงยังไม่ถึงเวลา และคิดว่าเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ที่จะเป็นผู้พิจารณา เรายังไม่ทันทำอยู่แล้ว เนื่องจากการคุมขังต้องมีระยะเวลาที่เกิดขึ้นตามมาตรฐานขั้นต่ำก่อน คือต้องมีระยะเวลาที่เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์จึงจะมีการพิจารณาได้

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ออกมาเปิดเผยภาพรวมภายหลังเยี่ยมญาติว่า ตนได้เจอคุณพ่อแล้ว พบว่าคุณพ่อตัดผมสั้นแล้ว โดยวันนี้เป็นการเยี่ยมผ่านกระจก ไม่ได้เจอตัว ไม่ได้สัมผัสคุณพ่อ แต่ก็ได้พูดคุยกัน มีการส่งกำลังใจให้คุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็ได้เล่าว่า  มีผู้คุมเล่าให้ฟังว่ามีประชาชนที่มาให้กำลังใจคุณพ่อ มาทานก๋วยเตี๋ยวแถวนี้ บอกว่าทานพร้อมท่าน ท่านก็ฝากขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามา ก็ได้รับข่าวสารมีผู้มาเล่าให้ฟัง

 “ในเรื่องของความเครียดหรือความวิตกกังวลนั้น  สุขภาพจะมีเรื่องความดัน คงจะมีเรื่องความเครียดบ้าง  โดยมีความดันขึ้นๆ ลงๆ แต่คุณพ่อก็จิตใจเข้มแข็ง เข้มแข็งกว่าเราอีก คุณพ่อก็ให้กำลังใจเรา ส่วนสิ่งที่คุณพ่ออยากฝากบอกถึงคนข้างนอกที่คอยให้กำลังใจ คือสุขภาพแข็งแรงดี อาจมีเรื่องของความดันบ้าง แน่นอนก็มีความเครียดเพราะต้องเข้าไปอยู่ เป็นเรื่องปกติที่จะมีความเครียดอยู่แล้ว ส่วนใหญ่คุณพ่อก็พูดเรื่องขอบคุณกำลังใจมากกว่า ขอบคุณทุกคนที่ส่งผ่านกำลังใจให้ และพวกเราเวลาไปที่ไหนก็มีคนให้กำลังใจ จึงขอขอบคุณมากๆ” น.ส.แพทองธารระบุ 

เลือกซ่อมโหวตโนอื้อ

น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาหลายๆ ปี คุณพ่อคุณแม่ก็ได้เจอกัน แต่เป็นการไม่ได้เจอกันมา 17 ปี รอบนี้ก็มาเจอผ่านกระจก ชีวิตครอบครัวเราก็มีหลายรสชาติ ก็ให้กำลังใจกันไปในทุกเรื่องทุกหัวข้อ ซึ่งการได้เจอกันเมื่อสักครู่นี้ก็ประมาณ 30 นาที ทั้งนี้คุณพ่อยังไม่ได้ขออะไรเป็นพิเศษ แน่นอนว่าตนจะมาเยี่ยมคุณพ่อบ่อยๆ 

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า การมาเยี่ยมนายทักษิณจะเกิดขึ้นสองครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะในวันพุธและวันศุกร์  ส่วนทนายความสามารถเข้าเยี่ยมได้ทุกวัน

ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารระบุถึงกรณีพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.เชียงรายด้วยว่า คุณพ่อบอกว่าดีใจด้วย และตนก็ได้คุยกับทางจังหวัดเชียงรายเรียบร้อยแล้ว  ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจ

วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้สรุปผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 133,960 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 79,288 คน คิดเป็นร้อยละ 59.19 บัตรดี 65,477 ใบ คิดเป็นร้อยละ 82.58 บัตรเสีย 3,072 ใบ คิดเป็นร้อยละ 3.87 และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 10,739 ใบ คิดเป็นร้อยละ 13.54

สำหรับผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุด ได้แก่ นายสง่า พรมเมือง ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ได้รับคะแนนเสียงทั้งสิ้น 45,615 คะแนน ตามมาด้วยนายสุทัศน์ ยาละ  ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคประชาชน ได้รับคะแนนเสียงทั้งสิ้น 19,862 คะแนน ทั้งนี้ กกต.จะพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง ทั้งนี้ กกต.พิจารณาเห็นชอบแผนจัดการเลือกตั้งและมีมติจัดการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 4 กาญจนบุรี แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยกำหนดไว้เป็นวันอาทิตย์ที่ 19 ต.ค. 

ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่เชียงรายเป็นสิ่งที่ยืนยัน ว่าสิ่งที่เคยพูดว่าพรรคเพื่อไทยโดยรวมทั้งหมดไม่ได้กระทบอะไร เพราะฐานเสียงจริงๆ ของพรรคเพื่อไทยยังคงอยู่

แม้วติดคุก พท.คะแนนพุ่ง

 “ผลเลือกตั้งที่ออกมา พรรคเพื่อไทยทิ้งห่างพรรคประชาชน เป็นแฟนคลับเพื่อไทย ไม่ได้ห่างหายไปไหน เขาก็ยังรักและศรัทธาพรรคเพื่อไทย ปัญหาอยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะเดินไปในจุดยืน ในเป้าหมายหรือทิศทางที่สมาชิกพรรคยังเข้าใจยังศรัทธาอยู่หรือไม่ ผมเชื่อว่าสิ่งนี้ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม เราต้องปรับปรุงเพื่อเข้าไปสู่จุดที่เราคิดว่าเราจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่” นายภูมิธรรมระบุ 

เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณยอมเข้าเรือนจำ เรียกศรัทธาแฟนคลับได้มากน้อยแค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่า  เป็นคนละเรื่องกัน ที่จริงนายทักษิณไม่ได้เริ่มต้นจากการยอมติดคุก หรือยอมเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเดินต่อได้ เพราะอย่างไรพรรคเพื่อไทยก็เดินต่อได้อยู่แล้ว ส่วนการที่นายทักษิณตัดสินใจเพราะท่านอายุมากแล้ว และสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของท่าน ทำให้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการ แต่เมื่อผลออกมาแบบนี้ท่านก็ยอมรับ และเป็นการเข้าไปเพื่อให้จบเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเงาที่ติดตัวนายทักษิณมาตลอด

เมื่อถามว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนสงสารจากการที่นายทักษิณยอมติดคุก นายภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งที่ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยถูกตัดสินในครั้งนี้น่าจะเป็นความเห็นอกเห็นใจ และความเห็นอกเห็นใจนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นอะไรก็ขอให้ติดตาม แต่ต้องยอมรับว่านายทักษิณเป็นนายกฯ ที่ดีคนหนึ่งที่ประเทศไทยเคยมี และทำสิ่งต่างๆ ให้กับประเทศไทยซึ่งก็ใช้มาจนถึงทุกวันนี้

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงข่าวกรณีมีการล่ารายชื่อถอดถอนตนเองว่า การวินิจฉัยของผู้ตรวจฯ ไม่เคยรับรองและไม่เคยปรากฏการรับรองการเจ็บป่วยของนายทักษิณแต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่มีผู้มีอำนาจหรือใครเข้ามาแทรกแซง กดดันไม่ให้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด เราทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ ทำตามกระบวนการเหมือนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนอื่นๆ ไม่มีการแทรกแซงกดดัน เราว่าไปตามดุลยภาพและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คำวินิจฉัยที่ออกมาอยู่บนหลักการและเหตุผลที่ไม่ได้เอนเอียงไปทางใด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สำหรับกรณีมีผู้ร่วมลงชื่อถอดถอนตนเองนั้น ตนรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ไม่ก้าวล่วง และพร้อมที่จะรับการตรวจสอบในรูปแบบต่างๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.