ทำเนียบรอครม.หนู บ้านใหญ่แห่ซบภท.ยึดด้ามขวาน/‘เอม’โผล่พท.

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับ   "ครม.หนู" ถ่ายรูปติดบัตรประจำตัว "ศาล รธน."  ตีตกคำร้องปม “อนุทิน” ใช้อำนาจ รมว.มหาดไทยยึดถนนหลวงเป็นรันเวย์ "ภท." เนื้อหอม "ลูกหมี" ขนทีมพลังชุมพร 50 ชีวิตสมัครสมาชิกพรรค ปัดไม่รู้ "เอกนัฏ" ทิ้ง "รทสช." ตามสมทบหรือไม่ หลังมีภาพร่วมโต๊ะดินเนอร์เสี่ยหนู  สะพัดบ้านใหญ่ "กาญจนะ-โล่สถาพรพิพิธ" จ่อซบเพิ่ม "พิพัฒน์" ยิ้มมีบิ๊กเนมสายใต้เสริมอีก ลั่นเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ต่อ "พีระพันธุ์" ยันทำงานเพื่อชาติ-ปชช. ไม่เคยดีลขอเป็นนายกฯ  "ชัช" พร้อมนั่งเลขาฯ แทนขิง "ชูศักดิ์" ชิงดับกระแส "พท." เตรียมหนุน "เอม-พินทองทา" แคนดิเดตนายกฯ ครั้งหน้า "ปชป." นัดถก กก.บห. 18  ก.ย. เคาะวันเลือก "หัวหน้าพรรค" คาดไม่เกินเดือน ต.ค.รู้

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 17 ก.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่มีการจัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน โดยจัดเตรียมห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี สำหรับถ่ายภาพทำบัตรประจำตัวรัฐมนตรี และจัดห้องสำหรับรัฐมนตรีนั่งพักคอยในตึกสันติไมตรีหลังนอก รวมถึงจัดที่นั่งคอยสำหรับผู้ติดตาม ครม.ที่โถงกลางตึกสันติไมตรีด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ได้ทยอยส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบ้างแล้ว

เวลา 13.25 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางเข้าอาคารรัฐสภา เพื่อร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเป็นวาระการพิจารณาร่างกฎหมายทั่วไป จากนั้นเวลา 14.00 น. นายอนุทินเดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ใช้เวลาอยู่สภาประมาณ 35 นาที

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อ ครม.ไปถึงไหนแล้ว นายกฯ กล่าวว่า  “เสนอแล้วครับ” เมื่อถามย้ำว่าตอนนี้ก็คือรอใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ใช่ครับ” ผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่ารายชื่อ ครม.เรียบร้อยแล้วหรือไม่  นายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "รอ"

พอถามว่า ดูเหมือนพรรค ภท.เนื้อหอม มีกลุ่ม สส.และ สจ.จังหวัดชุมพรแห่มาสมัครเป็นสมาชิกกันมาก นายอนุทินหันมายิ้มแต่ไม่ตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามย้ำว่าจะพูดถึงนายชุมพล จุลใส ที่มาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวเพียงว่า อะไรนะ เมื่อถามอีกว่าวันนี้จะไปไหนต่อ นายอนุทินยิ้มไม่ได้ตอบ ก่อนกล่าวว่า ขอไปทำธุระก่อน จากนั้นได้ขึ้นรถยนต์ออกไปจากสภาทันที

วันเดียวกันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายนิยม นพรัตน์ (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ผู้ร้องกล่าวอ้างข่าวตามที่ปรากฏในสื่อ MGR Online เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2568 ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล (ผู้ถูกร้อง) ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ใช้อำนาจอำนาจหน้าที่ ขออนุญาตใช้ถนนสาธารณะเป็นทางขึ้นลงสำหรับอากาศยานเพื่อกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทเอกชน เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) มาตรา 213 มาตรา 219 และมาตรา 235 และขอให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเสียก่อนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่ง  กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา  213 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

ภท.ยันเดินหน้า 'แลนด์บริดจ์'

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า พื้นที่ที่ถูกกล่าวหาอยู่ในเขตขององค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2559 นายอนุทินได้ไปขออนุญาตกับกรมการบินพลเรือน เพื่อขอทำสนามบินส่วนบุคคลบนที่ดิน 2 แปลง มีถนนสาธารณะพาดขวาง กว้าง 3.5 เมตร ต่อมา อบต.ขนงพระอนุญาตให้ดำเนินการ พร้อมให้เหตุผลว่าบริเวณดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ช่วยส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวการลงทุนเพิ่มมากขึ้น การดำเนินการต้องไม่อุปสรรคต่อประชาชน และเปิดเพื่อเป็นประโยชน์ อีกทั้งขณะมีการให้บริการกับอากาศยาน จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่เมื่อเสร็จภารกิจก็เปิดให้ประชาชนได้ใช้งานร่วมกันตามปกติ ไม่เสื่อมสภาพของถนน

 “เข้าใจได้ว่าประเด็นดังกล่าวนายกรัฐมนตรีถูกจับจ้องจากฝั่งการเมือง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2559 ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งใน รมว.มหาดไทย  หากจะบอกว่าเป็นรัฐมนตรีใช้อำนาจ ถือว่าไม่ใช่  แต่เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ทั้งเรื่องการสัญจร การขอใช้ประโยชน์จากที่สาธารณะ รวมถึงมิติของการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่" นายสิริพงศ์กล่าว

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระ ทญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ขอหารือในฐานะฝ่ายค้าน ถึงโครงการแลนด์บริดจ์ โดยฝากไปยังนายอนุทินให้เดินหน้าโครงการนี้ต่อ

 “ดิฉันหวังว่านายกฯ อนุทินที่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายค้านอย่างท่วมท้น เมื่อประกาศเดินหน้า เสียงที่เคยคัดค้านดังก้องอาจจะเงียบกริบ  เสียงตะโกนเต็มปากในวันนั้น แต่วันนี้อาจจะไม่มีแม้เสียงกระซิบ นี่คือจังหวะที่ดี เดินไปข้างหน้าให้โครงการนี้สำเร็จ เพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติและประชาชนไทยทุกคน” ทญ.ศรีญาดากล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รองนายกฯ  และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ว่า เรามีนโยบายที่จะพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องที่สำคัญที่สุดอย่างกรณีโครงการแลนด์บริดจ์ว่าจะเกิดหรือไม่ ซึ่งนายอนุทินให้สัมภาษณ์แล้วเราจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป

นายพิพัฒน์กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์เริ่มต้นจากสมัยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ที่จะมีการสร้างระบบราง ถนน และระบบท่อของ 2 ฝั่งในทะเลอันดามันและอ่าวไทย  ซึ่งก็จะเป็นการสร้างอาชีพให้กับคนไทยเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชุมพรและระนอง ที่จะสามารถจ้างงานเพิ่มขึ้นได้มากมาย จึงถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยตนได้หารือเป็นการส่วนตัวกับนายชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร ว่าเราจะมาสานความสำเร็จ และเป็นการพัฒนาจังหวัดของเรา พวกเราต้องช่วยกันคิด และจัดทำอย่างไรให้โครงการนี้ราบรื่นไปได้ จึงเป็นที่มาที่ทำให้เรามาอยู่ด้วยกัน

"ผมได้รับหน้าที่ให้พูดคุยกับเพื่อนๆ พื้นที่ภาคใต้ว่ามีอุดมการณ์มาทำงานร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคใต้ เพราะที่ผ่านมาเราเสียโอกาสเยอะมาก เพราะพวกเราไม่ได้มีการรวมตัวกัน ซึ่งหากมีการรวมตัวและช่วยกันในเรื่องยุทธศาสตร์ ก็มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาภาคใต้ได้มากกว่านี้" นายพิพัฒน์กล่าว

ถามว่า ระยะเวลา 4 เดือนจะสามารถจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้ทันหรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า เท่าที่ทราบการสำรวจหรือการทำ EIA น่าจะทำไปได้ไกลแล้ว หากเราไม่คิดที่จะริเริ่มอะไร 4 เดือนก็จะผ่านไปแบบเปล่าประโยชน์ ฉะนั้นขออย่าไปสนใจว่าเป็น 4 เดือนหรือกี่วัน เมื่อเราเข้ามาสิ่งที่ต้องทำ และทำได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าครั้งต่อไปพรรค ภท.ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เราจะมาสานต่อนโยบาย

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เวลา 09.00 น. นายชุมพล จุลใส อดีต สส.จังหวัดชุมพร พร้อมนายสุพล จุลใส สส.ชุมพร และนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พานายนพพร อุสิทธิ์ หรือนายกโต้ง นายก อบจ.ชุมพร และทีม อบจ.ชุมพร ใส่เสื้อแจ็กเกตที่เขียนด้านหลังว่า “พลังชุมพร” เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ภท. โดยนายอนุทินมอบหมายให้นายพิพัฒน์ ในฐานะแกนนำพรรค ภท. รอต้อนรับ

อนุทินเนื้อหอมสายใต้แห่ซบ

นายชุมพลกล่าวว่า มีความมั่นใจว่าพรรค ภท.สามารถนำพาประเทศไปได้ และทำทุกอย่างให้ประเทศมั่นคง ซึ่งจุดยืนของตนคือการทำเพื่อประเทศไทย ไม่ได้หวังประโยชน์ส่วนตัว แต่อยากให้ประเทศได้ไปข้างหน้า ซึ่ง สส.พรรค รทสช.ที่มาวันนี้มาเพื่อให้กำลังใจก่อน แต่ทีมพลังชุมพรนั้นมากันร่วมกว่า 50 ชีวิต และเวลาเราจะไปไหนก็ไปกันยกทีม

"ผมไม่ได้มีปัญหากับใคร เป็นเรื่องภายในพรรค ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่วันนี้พาทีมงานมาให้กำลังใจนายกฯ และพรรค ภท." นายชุมพลกล่าว

ส่วนนายพิพัฒน์ ปฏิเสธตอบถึงความมั่นใจจะได้ สส.ภาคใต้เพิ่มในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่คนใต้ในแต่ละจังหวัดจะตัดสินใจ จะให้การสนับสนุนพรรคหรือไม่ แต่สิ่งต่างๆรวมถึงผลงานที่ได้ทำมาเป็นการสะท้อนให้เห็นแล้วว่าพรรค ภท.พูดแล้วทำ นี่คือคาแรกเตอร์ของพรรคที่เมื่อไหร่เราที่รับปากและเราพูดเราก็จะทำ

ถามว่า หลังจากนี้จะมีบิ๊กเนมทางการเมืองเข้าพรรค ภท.หรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากพรรคให้คุยกับเพื่อนนักการเมืองใน 14 จังหวัดภาคใต้ ถึงอุดมการณ์ที่จะเข้ามาร่วมทำงาน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งก็จะมีเพื่อนนักการเมืองเข้ามาร่วมอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี  นครศรีธรรมราช และสงขลา ส่วนพื้นที่ภาคใต้จะได้ สส.จำนวนเท่าไหร่ ตนคงตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนภาคใต้ตัดสินใจจะตอบสนองพรรคภูมิใจไทยเท่าไหร่

นายชุมพลให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรค รทสช.ว่า พรรคไม่ได้แตก เป็นความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ซึ่งทราบจากเพื่อนมาจากการโหวตเลือกนายกฯ โดยส่วนหนึ่งต้องการเลือกนายอนุทิน แต่อีกส่วนต้องการงดออกเสียง จึงได้ส่งสัญญาณไปยังเพื่อนๆ กันว่าเราต้องตัดสินใจทางการเมือง ว่าเราต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง เราไม่มีตรงกลางทางการเมือง ซึ่งถ้ารู้จักตนดี ในส่วนของชุมพรตนก็พยายามพูดคุยว่าเราต้องตัดสินใจว่าเลือกแบบไหน แต่เรื่องความขัดแย้งอื่นไม่มี

ถามถึงนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. จะลาออกด้วยหรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า ได้มีการคุยกับนายเอกนัฏ ก็รับว่าไปต่อกันยาก แต่ไม่ได้ขัดแย้งกัน ไม่มีเรื่องขัดแย้งกัน แต่รายละเอียดต้องไปถามเจ้าตัวเองดีกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา นายเอกนัฏพร้อมด้วยนายชุมพลและนายกโต้ง พร้อมด้วย สส.ชุมพร เขต 1 และเขต 3 นำสมาชิก อบจ.ชุมพร และทีมงานพลังชุมพร เข้าพบปะพูดคุยและรับประทานอาหารร่วมกันกับนายอนุทินที่ร้าน T House ถนนพระราม 6 บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

มีรายงานว่า นายเอกนัฏได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค รทสช.อย่างเป็นทางการแล้ว เช่นเดียวกับนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ยื่นหนังสือลาออกจากโฆษกพรรคเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงนายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ก็ลาออกจากรองหัวหน้าพรรคด้วย

ผู้สื่อข่าวจังหวัดชุมพรรายงานว่า กลุ่มพลังชุมพรได้เตรียมวางตัวผู้สมัคร สส.ชุมพรไว้ โดยเขต 1 และเขต 3 ยังเป็นผู้สมัคร สส.คนเดิมคือ  นายวิชัย สุดสวาสดิ์ และนายสุพล จุลใส (ลูกช้าง) ส่วนเขต 2 มีการเปลี่ยนเป็นผู้สมัครหน้าใหม่คือ นายกิตติศักดิ์ พรหมรัตน์ เลขานุการนายก อบจ.ชุมพร มือขวาคนสนิทลูกหมี ที่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ภท.เรียบร้อย

นอกจากนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ก็เตรียมจะเปิดตัวบ้านใหญ่กาญจนะ ที่นำโดย​นายชุมพล กาญจนะ​ และนางโสภา กาญจนะ​ นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี​ เข้ามาสังกัดพรรค ภท.อีก รวมถึงเตรียมทาบทาม​นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ​ หรือโกหนอ ที่ดูแล​ สส.ตรัง 2 คนคือ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์  และนายกาญจน์ ตั้งปอง​ ​สส.ตรัง เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมศึกเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย หลังนายเฉลิมชัย​ ศรีอ่อน​ ลาออกจากหัวหน้าพรรค ปชป. ส่วนนายทวี​ สุระบาล​ สส.ตรัง พรรคพลังประชารัฐ ก็น่าจะย้ายมาพรรคภูมิใจไทยด้วย​

เช่นเดียวกับกลุ่มของนายนิพนธ์ บุญญามณี​ ที่มีลูกชายคือ​ นายสรรเพชญ​ บุญ​ญา​มณี​ เป็น สส.สงขลา​ และนายสมยศ​ พลายด้วง​ สส.สงขลา​ พรรคประชาธิปัตย์​ ก็จะย้ายมาร่วมพรรคภูมิใจ​ไทยด้วย​เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างไรก็ตาม​ พรรค ภท.จะส่งผู้สมัครครบทุกเขตในพื้นที่ภาคใต้ และตั้งเป้าจะได้​ สส. 30 คนขึ้นไป

'พีระพันธุ์' สู้ต่อดันชัชเลขาฯ

ที่พรรค รทสช. นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. และนายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของเลขาธิการพรรคที่จะมาแทนนายเอกนัฏ ขณะนี้ในส่วนของสมาชิกที่อยู่ในกลุ่มของนายพีระพันธุ์กำลังดูอยู่ว่าจะมีใครอยู่บ้าง และส่วนตัวไม่คิดถอยหลังกลับไปพรรคปชป.อีก

 ด้านนายชัชวาลล์ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ตอนหนึ่งถึงการเป็นเลขาฯ พรรค รทสช.ว่า แล้วแต่หัวหน้าพรรค แต่ก็ยอมรับว่านายวิทยาก็ได้มาพูดบอกให้ตนเป็น ตนจึงได้บอกไปว่านายวิทยาก็เป็นเลย  เพราะถึงอย่างไรตนก็ช่วยอยู่แล้ว แต่นายวิทยาไม่ยอมรับตำแหน่งนี้ ซึ่งตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะยังไม่รู้ว่าเขาจะให้ตนเป็นหรือไม่

"ถ้าหัวหน้าให้เป็น ผมก็เป็นได้ สำหรับผมก็เต็มที่ เพราะสิ่งที่นายพีระพันธุ์ได้ทำมา ไม่ว่าจะลดราคาน้ำมัน ลดค่าไฟฟ้า ผมอยากให้สำเร็จเพราะประชาชนได้ประโยชน์" นายชัชวาลล์กล่าว

ขณะที่ นายพีระพันธุ์ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอความเห็นทางการเมือง โดยนำชื่อของตนเข้าไปเกี่ยวโยงกับการเลือกนายกรัฐมนตรี จนสร้างความสับสนในสังคมนั้น ตนขอยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีการหยิบยกชื่อของตนเข้าสู่การเจรจาใดๆ  ซึ่งสามารถยืนยันได้จากการหารือร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค

 “ที่ผ่านมาผมมุ่งทำงานเพื่อประชาชนเป็นหลัก ไม่เคยหวังที่จะได้ตำแหน่งอะไร และไม่เคยอยู่ในสมการใดๆ เกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีเลย” นายพีระพันธุ์กล่าว

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ตั้งแต่ช่วงเช้ามีแกนนำเดินทางเข้าปฏิบัติงานที่พรรคตามปกติ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เดินทางเข้าที่ทำการพรรคในเวลาประมาณ 10.45 น. เพื่อประชุมคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย วางกรอบจัดทำนโยบายสำหรับเตรียมความพร้อมในการหาเสียงเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้ ซึ่งขณะเข้าพรรค น.ส.แพทองธารได้เลี่ยงเจอสื่อมวลชน เข้าด้านหลังอาคารที่ทำการพรรค และขึ้นไปห้องทำงานทันที โดยวันนี้ใช้รถตู้เบนซ์สีบรอนซ์ ป้ายทะเบียน ขจ 995 กรุงเทพมหานคร

เช่นเดียวกับแกนนำคนอื่นๆ ทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เดินทางมาพร้อมกับนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมว.คมนาคม และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช

เวลา 14.00 น. น.ส.พินทองทา ชินวัตร  คุณากรวงศ์ พี่สาว ก็ได้เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเช่นกัน จากนั้นในเวลา 16.00 น. น.ส.แพทองธารและ น.ส.พินทองทาได้เดินทางออกจากที่ทำการพรรคในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยมีรายงานว่าในวันที่ 18 ก.ย. ครอบครัวชินวัตรจะเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรือนจำกลางคลองเปรมในช่วงเช้า

พท.ปัดวาง 'เอม' แคนดิเดต

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท. ยืนยันการยื่นร้อง MOA พรรค ภท.กับพรรคประชาชนว่า พรรค พท.ไม่ได้ไปมอบหมายให้ใครมาทํา MOA เพียงแต่สมาชิกบางส่วนคงรู้จักมักคุ้นกันหรือติดต่อมาลองทํากันดู แต่ท้ายที่สุดสิทธิ์ขาดยังอยู่ที่พรรคว่าจะทบทวนอย่างไร จะทําอะไรหรือไม่ ไม่ใช่เอาเรื่องนี้มาให้ สส.เซ็นเลย

"ผมบอกได้ว่าเมื่อรับไปแล้วก็ให้ฝ่ายกฎหมายมาดูว่าใช้ได้หรือไม่ แต่ที่เราเห็นตรงกันคือ เราคิดว่าอยากจะรอให้มีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีก่อน แล้วตอนนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร" นายชูศักดิ์กล่าว

ถามถึงการอภิปรายวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า เรามีคณะทํางานแล้ว แต่ต้องดูว่าคําแถลงจะเป็นอย่างไร หรือมีความเป็นไปได้อย่างไร ตนเข้าใจว่าคําแถลงนโยบายครั้งนี้คงไม่ยาว เพราะคุณจะอยู่แค่ 4 เดือน คงไม่ถึงขนาดอ่านเป็น 2-3 ชั่วโมง ต้องดูก่อน ยืนยันว่ามีการเตรียมการอภิปรายไว้เรียบร้อยแล้ว

ซักถึงกรณีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณให้กําลังใจแกนนําพรรค นายชูศักดิ์กล่าวว่า เรามีการประชุมกันทุกวัน เพื่อดูว่าจะเดินหน้าอย่างไร ยุทธศาสตร์เป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่เพียงเมื่อวานนี้อย่างเดียว แต่เรามีการพูดคุยกันมานานแล้ว

เมื่อถามถึงกระแสข่าว น.ส.พินทองทาจะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ครั้งหน้าหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น

ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มการเมืองย้ายเข้าไปยังพรรค ภท.เพิ่มเติม ส่งผลทำให้เสียง สส.เพิ่มจนอาจขัดต่อข้อตกลงทางการเมืองระหว่างพรรค ปชน.กับพรรค ภท.ว่า ใน MOA มีเนื้อหาที่ปรากฏต่อสาธารณะแล้ว ขอย้ำอีกรอบว่าหากมีการกระทำอะไรที่ขัดต่อ MOA จะดำเนินการตามที่หัวหน้าพรรค ปชน.ได้ประกาศไว้ หากมีกรณีที่มีการเบี้ยวสัญญาตามที่ข้อตกลงที่ระบุว่า ห้ามกระทำการใดที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

 “สัญญาเขียนชัดว่า ถ้ามีความพยายามจะแปลงจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นเสียงข้างมาก  พรรคจะดำเนินการใช้กลไกของรัฐสภา รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อล้มรัฐบาลเสียงข้างน้อย หากไม่รักษาสัญญา ซึ่งหากใครติดตามอย่างใกล้ชิดก็จะรู้ เพราะหากรอให้เกิดเหตุแล้วจะไม่ทันการณ์" นายพริษฐ์กล่าว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายธนิตพล ไชยนันทน์ ผอ.พรรค ปชป. กล่าวถึงการคัดเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า รักษาการ กก.บห.พรรค จะมีการประชุมวันที่ 18 ก.ย.นี้ เพื่อพิจารณากำหนดวันจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ใน 2 ช่วงคือ วันที่ 11-12 ต.ค. กับวันที่ 18-19 ต.ค. หรือจะพิจารณาในวันอื่นๆ ภายใน 60 วัน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนด

"พรรคได้มีการปรับปรุงข้อบังคับใหม่ เพื่อเปิดกว้างให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถมีช่องทางเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยไม่ติดขัดด้วยเงื่อนไขเดิมๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นสมาชิก ทำให้พรรคมีความพร้อมที่จะเลือกผู้นำที่มีศักยภาพสูงสุด เพื่อขับเคลื่อนพรรคต่อไป" ผอ.พรรค ปชป.ระบุ

วันเดียวกัน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกพรรค ปชป. ได้เดินทางมายื่นหนังสือลาออกจากพรรค ปชป.ด้วย.