อนุทินจ่อลงพื้นที่ชายแดน

"อนุทิน" จ่อลงชายแดนเขมรสัปดาห์หน้า มท.1 อ้าแขนรับดูแล ปชช.แบ่งเบาภาระทหาร ไฟเขียวกองทัพลุยเต็มสูบ ไม่ต้องเหลียวหลัง หากสถานการณ์รุนแรง ขณะที่ "กองทัพบก" จารึกนามวีรชนทหารกล้า 16 นายบนกำแพงอนุสรณ์ฯ “แม่ทัพภาคที่ 2” รับ “กัมพูชา”  ป่วนช่วงรับ-ส่งหน้าที่ ชี้เคลื่อนจรวด BM-21 เป็นสัญญาณบอกเหตุ

เมื่อวันศุกร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้งว่า ตรงนั้นเป็นเขตประกาศกฎอัยการศึกอยู่แล้ว เป็นการตัดสินใจและการรักษาอธิปไตย เป็นอำนาจโดยตรงของผู้ที่ประกาศกฎอัยการศึก คือแม่ทัพภาคที่ 2 เราก็ต้องมั่นใจว่าท่านจะใช้ดุลยพินิจที่ถูกต้อง และยึดมั่นบนหลักของการรักษาอธิปไตยของประเทศไทย

เมื่อถามว่า หากจำเป็นต้องตอบโต้ จะให้เป็นอำนาจของกองทัพใช่หรือไม่ นายอนุทินระบุว่า "แน่นอน ใช่ครับ" พร้อมกล่าวต่อว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่ชายแดนอย่างเต็มที่ ซึ่งตนคาดว่าสัปดาห์หน้าพวกตนก็จะลงไปดูพื้นที่

“และในฐานะที่เป็น มท.1 ก็จะประสานฝ่ายปกครองคอยรับภาระในเรื่องของพี่น้องประชาชนชาวบ้าน ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะโยนไปให้ทหารทั้งหมด ซึ่งทหารจะต้องใช้เวลาในการปกป้องรักษาอธิปไตยให้เต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง หรือยั่วยุต่างๆ เข้ามา ก็เพื่อให้ทหารได้มีเวลาจัดเตรียมกำลัง” นายอนุทินระบุ

นายอนุทินยืนยันว่า สถานการณ์ชายแดนตึงเครียดมาโดยตลอด และเราพร้อมมากกว่า ตนก็เชื่อว่าทหารซึมซับเป็นอย่างดี "แม้หวังสงบจงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ" นี่คือเป็นสิ่งที่ตนมั่นใจว่าเกิดขึ้นบริเวณชายแดนของเรา 

 “ท่านใช้ดุลยพินิจของการทหารได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเหลียวหลัง พวกเราพร้อมที่จะสนับสนุน ให้ไฟเขียวผ่านตลอด” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนเรื่องเอ็มโอยู 43 และเอ็มโอยู 44 ของรัฐบาลว่า  อยู่ในนโยบายเราก็ทำ เพื่อไม่ให้เป็นข้อขัดแย้งเพิ่มขึ้นมาอีก ตอนนี้เราให้ทางสภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อศึกษาอยู่แล้ว ในส่วนของนโยบายรัฐบาลจะมีการเสนอให้มีการทำประชามติเกี่ยวกับเรื่องนี้

วันเดียวกัน กองทัพบกจัดพิธีสดุดีกำลังพลที่เสียชีวิตจากสถานการณ์กรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรำลึกและยกย่องวีรกรรมอันกล้าหาญของทหารผู้เสียสละ ณ กองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน โดยพิธีจัดขึ้น ณ บริเวณหน้ากำแพงอนุสรณ์กองทัพบก ซึ่งเป็นสถานที่สถิตนามวีรชนกองทัพบกที่สละชีพเพื่อชาติปกป้องแผ่นดินไทยในสมรภูมิสู้รบต่างๆ

 เริ่มต้นด้วยพิธีทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แด่ทหารผู้ล่วงลับ จากนั้นมีการจัดกองทหารเกียรติยศแสดงความเคารพ ก่อนที่ผู้เข้าร่วมพิธีจะกล่าวคำสดุดีฯ และผู้บัญชาการทหารบกประดับแผ่นป้ายจารึกรายนามทหารกล้าที่สละชีพเพื่อชาติจากสมรภูมิชายแดนไทย-กัมพูชาลงบนแท่นประทับ โดยมีพลแตรเดี่ยวเป่าเพลงเคารพพร้อมกับการยิงสลุตเพื่อเป็นเกียรติแก่กำลังพลที่เสียชีวิตฯ และการวางพวงมาลา เพื่อแสดงความอาลัยแด่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษนักรบไทย

สำหรับรายนามวีรชนทหารกล้าหาญจากสมรภูมิรบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถูกจารึกไว้ ณ กำแพงอนุสรณ์กองทัพบกในวันนี้ มีทั้งสิ้น 16 นาย

ทางด้าน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวระหว่างบรรยายพิเศษให้กำลังพลของกองทัพบกในช่วงหนึ่งว่า ล่าสุดมีกำลังพลเป็นทหารปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่รักษาอธิปไตยเสียชีวิต 1 นาย ในเบื้องต้นทราบว่าน่าจะมีภาวะหัวใจล้มเหลว

รายงานแจ้งว่า ทหารที่เสียชีวิตคือ ส.อ.พิษณุ ปัญญาบุตร ร.17 พัน.4 เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี สาเหตุสันนิษฐานว่าเกิดจากโรคประจำตัวโรคหัวใจ

พล.ท.บุญสินกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ว่า ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีการถอนกำลัง และยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งกำลังทหารก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว

เมื่อถามกรณีปรากฏภาพเคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าพื้นที่ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ พล.ท.บุญสินระบุว่า เป็นสิ่งบอกเหตุว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต เรื่องความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งยอมรับว่าผิดข้อตกลงอยู่แล้ว ก็ประท้วงไป

“ยอมรับว่าเป็นการก่อกวนในช่วงที่จะมีการรับมอบตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 และตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในกองทัพ แต่เชื่อว่าคงไม่มีผล ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็ทำหน้าที่อำนวยการยุทธ์ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ซึ่งรู้ขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว ในขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบันก็เคยอยู่กับรัฐบาลเดิมอยู่แล้ว พร้อมเชื่อว่าจะไปต่อได้ไม่มีปัญหา ซึ่งรอยต่อต่างๆ ไม่มีผลกระทบต่อไทย และขอฝากประชาชนไม่ให้ดำเนินการดังกล่าว ให้ลดการโพสต์ เพื่อรักษาความลับทางราชการ”  พล.ท.บุญสินระบุ

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีระบุว่าให้ทหารสามารถตัดสินใจได้ทันทีนั้น พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นไปตามนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญก็ต้องเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. โดยเฉพาะเรื่องที่กระทบกับความมั่นคงในภาพรวม เพราะการตัดสินใจฝ่ายเดียวอาจจะสูญเสียบางอย่าง

เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ได้ฝากอะไรไว้หรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ตึงเครียด แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เราก็ร่วมกันแก้ปัญหา นำพาประเทศให้เกิดความเรียบร้อย พร้อมทั้งยืนยันว่า แม้ฝ่ายกัมพูชาจะใช้อาวุธเล็ก ก็ยังไม่สามารถใช้อาวุธใหญ่ได้ จนกว่ากัมพูชาจะนำอาวุธใหญ่ออกมาใช้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นรังแก

พล.ท.บุญสินระบุด้วยว่า ขอยืนยันว่าไม่ยุ่งการเมืองแน่นอน โดยทางผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ท่านก็จะให้มานั่งเป็นที่ปรึกษา และท่านเลขาฯ สถาบันพระปกเกล้าได้เชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษาและผู้อำนวยการหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข สถาบันพระปกเกล้า และที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

ที่ จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าทางการกัมพูชาได้นำคณะ IOT (คณะทำงานประสานงานชายแดน) ลงพื้นที่ใกล้จุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา​ ในรัศมีไม่ไกลจากแนวเขตสแลนบ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่และผู้ติดตามประมาณ 50-60 คน

พบว่าภายหลังคณะ IOT เดินทางออกจากพื้นที่ชายแดนกัมพูชา "กำนันลี" ได้มีการระดมมวลชนเข้าประชิดรั้วลวดหนามบริเวณชายแดนบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว เพื่อแสดงพลังและหวังกดดันเจ้าหน้าที่ไทยเช่นเคย แต่ก็ยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงไทยยังคงกำชับให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์​ได้ทันท่วงที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง