ครม.อนุทินถือฤกษ์วันธงชัย เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนปฏิบัติหน้าที่ "นายกฯ หนู" กราบลาพ่อแม่ไปทำงาน อัญเชิญ “องค์นรสิงห์” สัญลักษณ์ทำเนียบฯ ย้ายกลับตึกไทยฯ เหมือนยุคลุงตู่ ก่อนเข้า "มหาดไทย" มอบนโยบาย ขรก. ลั่น มท.ยุคนี้ไม่มีกลั่นแกล้ง คดีเขากระโดงยึดตาม กม. ลั่นไม่ตามเช็กบิล คกก.ชุดเดชอิศม์ "โสภณ" ยันคดีฮั้ว สว.ไม่มีหาย ปล่อยหน่วยงานรับผิดชอบทำตามหน้าที่ "รมว.ยธ." การันตีไม่ไปแทรกแซงดีเอสไอทำคดี "ธรรมนัส" บอกดีใจได้คัมแบ็ก "ศุภจี” ย้ำพาณิชย์พร้อมลุยภารกิจเร่งด่วน เน้นบริหารจัดการสินค้าเกษตร-ค่าครองชีพ "ไอซ์" ตามบี้ สปส.แจงใช้เงินกองทุนไม่โปร่งใสเกือบพันล้าน
เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ต่างถือฤกษ์วันที่ 26 ก.ย. ซึ่งตรงกับวันอธิบดี วันธงชัย เป็นวันฤกษ์ดีในการเริ่มต้นทำกิจการ เดินทางเข้ากระทรวงต่างๆ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และตรวจห้องทำงาน พร้อมพบปะข้าราชการประจำ
เพจส่วนตัวของนายอนุทิน ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ เป็นภาพนำพวงมาลัยดอกมะลิ กุหลาบสีชมพู มอบให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา และนางทัศนีย์ ชาญวีรกูล มารดา และกราบที่เท้าทั้งสองท่าน พร้อมระบุข้อความว่า "กราบลาพ่อแม่ไปทำงาน"
ต่อมาเวลา 08.19 น. นายอนุทินเดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล ด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ทะเบียน วอ 3333 กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นการเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้าอย่างเป็นทางการวันแรก ทันทีที่มาถึงนายกฯ ได้ขึ้นไปยังห้องทำงาน และได้สักการะพระพุทธรูปที่อยู่ในห้อง
เวลา 08.41 น. นายอนุทินได้ลงจากตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตายาย เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยทันทีที่สักการะเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าขอพรอะไร นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ราบรื่น ก่อนเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่า จะนำเครื่องรางอะไรเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า “อยู่ที่ใจ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพระพุทธรูปที่นายกฯ เตรียมอัญเชิญมาไว้ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ประกอบด้วย หลวงพ่อพระพุทธโสธร พระพุทธชินราช พระพุทธสิริไตรรัฐ ซึ่งเป็นพระที่นายอนุทินสร้างไว้ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยพระพุทธสิริไตรรัฐจะนำมาประดิษฐานไว้บนโต๊ะทำงานของนายกรัฐมนตรีด้วย
ทั้งนี้ วันที่ 26 ก.ย. ตรงกับวันอธิบดี วันธงชัย ซึ่งถือเป็นวันฤกษ์ดีในการเริ่มต้นทำกิจการหรือทำพิธีมงคล เหมาะสำหรับเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความสำเร็จสูงสุด อีกทั้งยังเหมาะสำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง อำนาจ การปกครอง และการบริหาร ทั้งสองวันถือเป็นวันฤกษ์ดีที่ใช้ในการประกอบพิธีมงคลต่างๆ เพื่อเสริมดวงและโชคลาภ
ต่อมาเวลา 12.09 น. เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถตู้เบนซ์ สีดำ ทะเบียน 1 นช 4268 กรุงเทพมหานคร เคลื่อนย้ายองค์นรสิงห์จำลองที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งในอดีตเป็นบ้านนรสิงห์ จากตึกแสงอาทิตย์ที่ติดกับตึกนารีสโมสร เพื่อกลับมาประดิษฐานยังระเบียงชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นจุดเดิมตั้งแต่ปี 2564 ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่ได้มีการเคลื่อนย้ายไปไว้ที่ตึกแสงอาทิตย์ในช่วงรัฐบาลนายเศรษฐาตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.66 และไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายกลับมานับตั้งแต่นั้น
หนูอัญเชิญ 'องค์นรสิงห์' กลับตึกไทยฯ
ภายหลังเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายเสร็จ เวลา 12.47 น. นายอนุทินได้อัญเชิญองค์นรสิงห์จำลอง ออกมาประดิษฐานยังระเบียงตึกไทยคู่ฟ้าด้วยตัวเอง โดยได้ตั้งชิดกับกำแพง และหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศที่ตั้งของบ้านพิษณุโลก พร้อมกับคล้องพวงมาลัย
สำหรับประวัติบ้านนรสิงห์ หรือทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบัน เดิมเป็นสมบัติของต้นตระกูลพึ่งบุญ ณ อยุธยา โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างบ้านพระราชทานแก่พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมหลวงเฟื้อง พึ่งบุญ ณ อยุธยา) ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์สูงสุดเป็นเจ้าพระยารามราฆพ ซึ่งมีหน้าที่บัญชาการกรมมหรสพหน่วยงานซึ่งมี “นรสิงห์” เป็นตราประจำกรม
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงการย้ายรูปปั้นนรสิงห์จำลองกลับมาที่ตึกไทยคู่ฟ้าว่า เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์แนะนำ เพราะองค์นรสิงห์ประดิษฐานไว้ที่ไทยคู่ฟ้าอยู่แล้ว จึงไปเชิญท่านกลับมาในที่ที่เหมาะสมกับท่าน
ถามว่า หลายคนมองว่าการทำเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าจะไม่ใช่แค่ 4 เดือน แต่จะเป็น 4 เดือนบวก 4 ปี นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เกี่ยว อย่าไปคิดมากกัน คนละเรื่องกัน อะไรที่ทำแล้วสบายใจและมีความเป็นสิริมงคลกับประเทศ ประชาชน และตนเอง ทำไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร
นายอนุทินกล่าวถึงการแจงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีการได้มาซึ่งทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินโรงแรมแรนโช ชาญวีร์ และสนามบิน ใน ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า ทุกอย่างได้ดำเนินการชี้แจงในเรื่องของบัญชีทรัพย์สินตามรัฐธรรมนูญต่อ ป.ป.ช. ได้ทำมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว ซึ่งยึดถือหลักเดิมที่ทำ และมั่นใจว่าไม่มีส่วนใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือผิดกฎหมาย
จากนั้นเวลา 14.00 น. หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2568 เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทินที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ ได้มอบชุดของที่ระลึกให้แก่หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่ครบเกษียณอายุราชการ พร้อมถ่ายภาพร่วมกัน
เวลา 14.12 น. น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภริยานายอนุทิน ได้สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้ขอพรอะไรบ้าง น.ส.ธนนนท์กล่าวว่า ได้อธิษฐานขอให้นายกฯ ทำงานได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ ไม่มีอุปสรรค
กระทั่งเวลา 14.50 น. นายอนุทินพร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี, นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และ น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย ได้เข้ากระทรวงมหาดไทยอย่างเป็นทางการวันแรก เพื่อมอบนโยบาย โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยและข้าราชการระดับสูงให้การต้อนรับ
นายอนุทินกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งระบุว่า ตนพักร้อนไป 2 เดือนกว่า ได้ทราบว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายข้าราชการ มีความพยายามใช้อำนาจทางการเมือง เพื่อให้เกิดการกระทำในสิ่งต่างๆ สิ่งที่ได้เกิดขึ้นนั้นเป็นเครื่องเตือนใจว่าการเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าผู้บริหารระดับสูงใครจะมาใครจะไป สิ่งที่พวกท่านทั้งหลายในฐานะที่เป็นข้าราชการฝ่ายประจำควรจะต้องยึดมั่น ตั้งมั่นและยึดถือให้ไม่เสื่อมคลาย คือการมีความซื่อตรงต่อหน้าที่ การรักษาศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการ ความคงเส้นคงวา และรักษาศักดิ์ศรีขององค์กร ซึ่งศักดิ์ศรีเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเราทุกคนปฏิบัติตามภารกิจหน้าที่ ตามกฎหมายกฎระเบียบ โดยดำเนินการทุกอย่างบนประโยชน์ของประเทศ ของรัฐบาล ของกระทรวงมหาดไทย และของประชาชนซึ่งมีราษฎรเป็นที่ตั้ง
มท.1 ลั่นยุคนี้ไม่มีกลั่นแกล้ง
"เราไม่ได้มาพบกันเป็นครั้งแรก หากวันนั้นไม่ได้ออกไป วันนี้คงไม่ได้กลับมา เรามีภารกิจ ที่ห่างเหินกันไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ขอให้ความรักความผูกพัน ไม่ใช่เหมือนเดิม แต่ขอให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ศึกษาวิธีการทำงาน และความเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี รักษาความสัมพันธ์และสายใย ให้ความสำคัญกับความผูกพันที่เรามีต่อกันตลอดเวลา เพื่อที่เราจะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันด้วยความไว้วางใจ ความจริงใจ เพื่อประชาชนสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของพวกเรา" นายอนุทินกล่าว
นายกฯ และ รมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์ถึงหลักการทำงานเกี่ยวกับคดีเขากระโดงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีการวางหลักในเรื่องใดทั้งสิ้น ผิดว่าไปตามผิด ถูกก็ให้ความเป็นธรรมเขา อะไรที่กฎหมายทำได้ก็ควรที่จะเป็นไปตามนั้น แต่จะไม่กลั่นแกล้ง และจะไม่ทำให้มีได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง
ถามว่า จะมีการตรวจสอบคำสั่ง คกก.เขากระโดงที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง อดีต รมช.มหาดไทย แต่งตั้งและมีคำสั่งเพิกถอนที่ดินเขากระโดง โดยใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 วรรค 8 หรือไม่ นายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่ต้องตรวจสอบ เพราะเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วปลัดมหาดไทย รองปลัดฯ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินคนปัจจุบัน ได้ร่วมกันแถลงข่าวอย่างชัดเจนว่า ได้กระทำการข้ามขั้นตอนในหลายประเด็น และ คกก.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว ส่วนใครที่คาใจหรือไม่พอใจในมติของ คกก.มาตรา 61 สามารถใช้สิทธิ์ไปฟ้องตามช่องทางที่กฎหมายกำหนดได้
ซักว่าจะเพิกถอนหรือดึงไพ่โป๊กเกอร์กลับมาขึ้นบัญชีการพนันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า จะพิจารณา ซึ่งอธิบดีกรมการปกครองได้นำร่างเพิกถอนให้ตนเองพิจารณาแล้ว
เมื่อถามถึงการคืนความเป็นธรรมเรื่องการโยกย้าย ขรก.มหาดไทย นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ก่อน ซึ่งการโยกย้ายทุกอย่างต้องมีความเหมาะสมตามสถานภาพและสถานการณ์ ยืนยันมหาดไทยมีอยู่ 3 สี คือ สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีธงชาติ จะสลายไม่ได้ เพราะถ้าสลายแล้วไม่มีธงชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายอนุทินจะเดินทางออกจากกระทรวงมหาดไทยเพื่อไปปฏิบัติภารกิจต่อ ได้นำทีมรัฐมนตรีสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยขณะนั้นมีชาวบ้านมายืนรอนอกรั้วกระทรวงมหาดไทย ก่อนกวักมือเรียกนายกฯ ให้ไปถ่ายภาพด้วย ซึ่งนายกฯ ได้รีบเดินออกไปให้ถ่ายภาพคู่ โดยทันทีที่นายกฯ ออกไป ชาวบ้านรายดังกล่าวได้โผเข้ากอด ก่อนที่นายกฯ จะหามุมถ่ายภาพด้วยตัวเองเพื่อให้เห็นหน้ากระทรวงเป็นแบ็กกราวด์
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้แซวนายกฯ ว่าเดินออกมาให้ถ่ายถึงที่ นายกฯ หัวเราะพร้อมตอบกลับว่า “ทุกคะแนนมีความหมาย”
ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใช้ฤกษ์เวลา 08.50 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยสื่อมวลชนสอบถามว่าพกเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเข้าทำเนียบฯ วันแรกหรือไม่ ทำให้นายภราดรหยิบพระที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมาและบอกว่า เป็นพระของสมเด็จธงชัยที่นายอนุทินมอบให้เมื่อวันคล้ายวันเกิดของตน ต่อมาเวลา 09.18 น. นายสมศักดิ์และนางรวีวรรณ ปริศนานันทกุล บิดาและมารดานายภราดร ได้เดินทางมาที่ตึกบัญชาการ 1 โดยนายสมศักดิ์อัญเชิญพระพุทธสิริไตรรัฐ ปางประทานพรมาด้วย
ส่วน น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือฤกษ์ 09.09 น. เข้าห้องทำงานบนตึกบัญชาการ 1 ก่อนจะถือฤกษ์ 09.45 น. ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล
เขากระโดง-ฮั้ว สว.ยึดตามกม.
เช่นเดียวกับ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล
นายโสภณกล่าวถึงกรณีสังคมจับตาว่ารัฐบาลชุดนี้จะจัดการเรื่องคดีเขากระโดงอย่างไรว่า ทุกฝ่ายก็พูดไปแล้วว่าทำตามกฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เมื่อถามว่าสังคมยังจับตาว่าอดีตฮั้ว สว.จะหายไปหากรัฐบาลภูมิใจไทยเข้ามา นายโสภณกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เขารับผิดชอบแล้วจะหายได้อย่างไร เขาก็ทำตามหน้าที่ ไม่มีใครไปสั่งใครได้
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมภริยา และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เข้าทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.29 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเริ่มจุดธูป 16 ดอก และหันหน้าไปยังตึกไทยคู่ฟ้าซึ่งด้านบนมีศาลท้าวมหาพรหมอยู่ พร้อมสวดบทสวด 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ซึ่งเป็นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตายาย
ถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีกครั้ง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ก็มีความตั้งใจที่จะมาทำงาน และสานต่อในสิ่งที่ตนได้ทำมาโดยตลอด ในระยะเวลาตั้งแต่ปี 2562 จนมาถึงปัจจุบัน ก็ดีใจที่ได้กลับมา
ที่กระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคม เป็นวันแรก ยืนยันกรณีข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า เรื่องนี้จะไม่มีการเอื้อประโยชน์กัน ทุกสิ่งต้องทำตามกฎหมาย และจากการหารือกับผู้ว่าฯ รฟท. ก็จะดำเนินคดีเป็นรายแปลง ไม่ได้ฟ้องรวมทั้งหมด ฟ้องเป็นรายแปลง
ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม พร้อมด้วยบิดา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี เข้ากระทรวงเป็นวันแรก โดย น.ส.ซาบีดาเดินทางไปยังสถานที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ วธ. และมอบหมายปลัด วธ. ประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามสถานที่ต่างๆ โดยรอบบริเวณ วธ.
ที่กระทรวงยุติธรรม เวลา 11.50 น. พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เดินทางเข้ากระทรวงวันแรก เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง โดย พล.ต.ต.รุทธพลกล่าวว่า คดีคงค้างอื่นที่ติดค้างมาจากรัฐบาลชุดเก่าให้ว่ากันไปตามกฎหมาย ดำเนินการโดยยึดหลักนิติธรรม ให้เป็นไปตามกฎหมาย อันไหนที่เขาทำมาแล้วก็ให้ดำเนินการต่อไปได้เลย
ถามว่า คดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ซึ่งดีเอสไอรับผิดชอบอยู่นั้น จะให้เดินหน้าต่อหรือไม่ พล.ต.ต.รุทธพลกล่าวว่า ให้ดีเอสไอดำเนินการต่อเนื่องได้เลย เพราะในเรื่องนี้บางคนก็บอกกลัวว่าตนจะมาแทรกแซง แต่ตนอยากเรียนว่าคดีทั่วไปแม้ลัก วิ่ง ชิง ปล้น มันก็จะมีข้อกฎหมายกับข้อเท็จจริงอยู่ ดังนั้นต่อให้เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ เชียงราย ยะลา อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน ก็มีกฎหมายเดียวกันทั้งหมด ส่วนข้อเท็จจริงทางดีเอสไอดำเนินการมาตั้งนานแล้ว ซึ่งรายละเอียดต่างๆ คงต้องสอบถามทางปลัด ยธ. ว่าความคืบหน้าคดีจะมีมากน้อยแค่ไหน
ที่กระทรวงพาณิชย์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงพาณิชย์เป็นวันแรก โดยมีปลัดกระทรวง พณ.และข้าราชการรอต้อนรับ โดยนางศุภจีกล่าวว่า แม้กระทรวงพาณิชย์มีภารกิจจำนวนมาก แต่ด้วยเวลาที่จำกัด จึงต้องจัดลำดับความสำคัญให้ชัดเจน ผ่านการหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม โดยในช่วง 4 เดือนข้างหน้า จะเร่งมาตรการสำคัญ อาทิ การบริหารจัดการสินค้าเกษตรตามฤดูกาล เช่น ข้าว การดูแลค่าครองชีพ การผลักดันการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ทั้งในระดับ Joint Agreement หรือ Trade Mission ซึ่งมีประเทศเป้าหมายชัดเจนแล้ว
ที่กระทรวงอุตสาหกรรม นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม ใช้ฤกษ์ 09.09 น. เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม ก่อนเริ่มภารกิจอย่างเป็นทางการ
ที่กระทรวงแรงงาน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง เพื่อเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงการถึงประเด็นการสอบสวนการซื้อตึก Skyy9 ของสำนักงานประกันสังคมว่า จะเร่งตรวจสอบเรื่องนี้ และจะอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน และโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวตั้งข้อสังเกตการใช้งบประมาณด้าน IT ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ที่ส่อมีการใช้เงินกองทุนประกันสังคมไม่โปร่งใส มูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาทว่า ตลอด 20 ปี สปส.ไม่เคยเปิดเผยรายงานใดๆ จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และขอเรียกร้องให้ สปส.เปิดเผยรายงานการประชุมทั้งหมดที่เคยประชุมต่อสาธารณะ หากไม่มีความคืบหน้าจะดำเนินการตามมาตรา 157 กับผู้ที่เกี่ยวข้อง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


