"นายกฯ" ผนึกกำลัง "ตำรวจ-ทหาร" ดูแลชายแดนเขมร คุย "ผบ.ตร." ดึง ตชด.-ฝ่ายปกครองช่วยดูแล ปชช. ลั่น! ไม่นับญาติ "ฮุน เซน" ขอพักก่อนความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง เน้นช่องฟื้นสัมพันธ์แบบทางการเท่านั้นเพื่อประโยชน์ชาติ “กองทัพ” ฮึ่มโทษหนักปล่อยข่าวทหารขาดเสบียงอาหาร ขณะที่ "สีหศักดิ์" ยันไทยไม่ปิดประตูเจรจา แต่ขอความจริงใจเพราะเส้นทางสันติภาพเดินฝ่ายเดียวไม่ได้ "ผบ.ทร." คนใหม่ผุดไอเดีย เปลี่ยนอาคารกาสิโนเป็นหอตรวจการณ์ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
เมื่อวันจันทร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาและการเตรียมลงพื้นที่ ว่า พื้นที่ตึงเครียดอยู่ในจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับกัมพูชา ตนได้ประสานฝ่ายกองทัพ และตอนนี้เราจะเสริมทั้งฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครองด้วย และเมื่อคืนวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้พบกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยท่านได้รายงานว่าจะเสริมเรื่องตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปช่วยพี่น้องทหาร นอกจากนี้ตนหารือกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพที่รับผิดชอบอยู่ตรงนั้น โดยจะจัดให้มีการพบกันทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายทหาร เพื่อแบ่งแยกหน้าที่ในการดูแลประชาชน
นายอนุทินกล่าวว่า หากสถานการณ์ตึงเครียดเราก็ต้องเตรียมพร้อม ในเรื่องศูนย์อพยพและศูนย์พักพิง เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าประชาชนของเราปลอดภัย แต่การอพยพออกมาแล้วตนก็ได้ให้เป้าหมายไปว่า สิ่งที่ประชาชนจะรู้สึกแตกต่างจุดเดียวคือไม่ได้นอนที่บ้าน ดังนั้นการใช้ชีวิต คุณภาพชีวิต อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่มและที่นอนจะต้องมีมาตรฐาน รวมถึงในเรื่องอินเทอร์เน็ต กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จะต้องมีรถโมบายเข้าไป เพื่อให้ประชาชนสามารถลดความตึงเครียด และให้ความร่วมมือกับทางการมากที่สุด
เมื่อถามว่า จะมีมาตรการตอบโต้อย่างไรเพราะกัมพูชามีการยั่วยุรายวัน นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้ตนได้ไฟเขียวให้กองทัพมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องการรักษาอธิปไตยอย่างเต็มที่
เมื่อถามอีกว่า ล่าสุดมีข่าวว่าทหารขาดแคลนข้าวสารจนต้องกินมาม่ากับปลากระป๋อง ได้รับรายงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ได้แจ้งท่านไปแล้วว่าหากขาดเหลือสิ่งใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปดูแลกำลังพลให้มีขวัญกำลังใจที่สมบูรณ์พร้อมรบ ก็ขอให้แจ้งมาเราจะสนับสนุนในทุกวิถีทาง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (โฆษก ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดส่งเสบียงไปยังทหารหน้าแนวภูมะเขือมีความล่าช้าว่า ปัจจุบันข้อมูลยังไม่มีความชัดเจน และเป็นไปได้ยาก เราไม่ได้ขาดแคลน เพียงแต่เราไม่รู้ว่าสภาพแวดล้อมขณะนั้นเป็นอย่างไร ทำให้เกิดความล่าช้าในปัจจัยสภาพภูมิประเทศหรือไม่
“เรื่องดังกล่าวหากเป็นความตั้งใจและบกพร่อง โดยมีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งหรือทำอย่างหนึ่งอย่างใด จะโดนโทษทางวินัยทหารค่อนข้างแรง ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงปกติและยังไม่ได้รับแจ้งเหตุใดๆ” พล.ต.วินธัยระบุ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 80 (UNGA 80) ที่นครนิวยอร์ก ของนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายทุกขั้นตอน ทั้งนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ขอความเห็นจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งได้ยืนยันว่าหลังจากคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์แล้ว ถือว่าเข้ารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ตามมาตรา 12 ของรัฐธรรมนูญ และแม้ตามมาตรา 162 จะกำหนดให้คณะรัฐมนตรีต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ก็ได้กำหนดไว้ในมาตรา 162 วรรค 2 ให้ดำเนินการได้หากเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นเร่งด่วนที่กระทบต่อประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นการเดินทางไปครั้งนี้จึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
“และการดำเนินการเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ในอดีตเมื่อปี 2551 คณะรัฐมนตรีก็เคยมีมติรับทราบการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น เดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 63 ที่นครนิวยอร์ก แม้ในขณะนั้นยังไม่ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งสำนักงานกฤษฎีกาในเวลานั้นก็ให้ความเห็นว่าสามารถทำได้ เพราะถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่มีการกำหนดช่วงเวลาแน่นอนไว้แล้ว และการแถลงต่อที่ประชุม UNGA เป็นการสะท้อนท่าทีและจุดยืนของประเทศ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาลโดยตรง” น.ส.ไตรศุลีระบุ
ที่รัฐสภา นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาเขาก็นําเสนอฝ่ายเดียวเพื่อสร้างความได้เปรียบของเขา ทั้งที่คุยกับกัมพูชาแล้วว่าเราพยายามมองไปข้างหน้า หาช่องทางคุยกัน สิ่งที่เราตกลงกันควรจะมีการปฏิบัติและนำเสนอความจริง แต่เมื่อกัมพูชากล่าวถ้อยแถลงกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุยกัน ตนก็จําเป็นที่จะต้องชี้แจงว่าท่าทีของเราเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีการพูดคุยกับกัมพูชาได้หรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เราพร้อมจะคุย แต่การคุยสิ่งที่ตกลงก็ต้องทําตามนั้นเพื่อความจริงใจ ซึ่งเราไม่ได้ปิดประตู แต่อย่างที่บอกว่าทางเลือกมีอยู่ 2 ทาง คือจะไปสู่ความขัดแย้งมากขึ้น นําไปสู่ความสูญเสีย หรือจะคุยกันเพื่อนําไปสู่ความปลอดภัยและสันติภาพ และในฐานะเพื่อนบ้านก็ควรจะคุยกันตามกรอบทวิภาคี ไม่มีความจําเป็นที่จะยกระดับสู่เวทีระหว่างประเทศ แต่หากจะนําไปสู่เวทีระหว่างประเทศก็ทําได้ แต่ไม่ควรบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ในการคลี่คลายสถานการณ์
เมื่อถามว่า 4 เดือนจากนี้ท่าทีของรัฐบาลต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชาจะเป็นอย่างไร นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกัมพูชาด้วย เพราะท่าทีของไทยชัดเจน เราอยากเดินเข้าสู่เส้นทางสันติภาพ แต่เดินฝ่ายเดียวไม่ได้
วันเดียวกัน เวลา 17.00 น. นายอนุทินกล่าวถึงกรณีการหารือกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม และนายสีหศักดิ์ว่า เป็นเรื่องของความมั่นคงไม่สามารถตอบได้ ซึ่งในวันที่ 2 ต.ค.นี้จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะนี้การหารือการประสานหรือติดต่อใดๆ อย่างเป็นทางการกับกัมพูชา มองว่าฝ่ายทหารต้องพูดคุยกับทหาร ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์หรือทางการทูตต้องติดต่อตามช่องทาง
“ขณะที่ความสัมพันธ์ที่เคยมีกันอยู่ตอนนี้ควรพักไว้ก่อน เพราะถือว่าเป็นเรื่องของประเทศแล้ว เพราะฉะนั้นการจะมาพูดกันฉันพี่ฉันน้อง ถือให้เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ต้องเก็บไว้ แต่เรื่องประโยชน์ของประเทศเราคุยกันรู้เรื่อง โดยที่กัมพูชาต้องรับเงื่อนไขทุกอย่างของไทย จึงค่อยมาใช้ความเป็นพี่น้อง แต่ตอนนี้ไม่ได้ ขอย้ำว่าเราจะพูดกันแบบทางการเท่านั้น” นายอนุทินกล่าว
ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทร.ว่า กองทัพเรือยืนยันในการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติตามที่ได้มีการประกาศไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ในพื้นที่ทางทะเล และข้อตกลงที่อยู่บริเวณบนบกที่เรารับผิดชอบประมาณ 250 กิโลเมตร ที่จังหวัดจันทบุรีและตราด แต่ในทางทะเลเช่นเกาะกูด เรายืนยันในการรักษาพื้นที่แนวเส้นอาณาเขตทางทะเลที่เราประกาศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506
พล.ร.อ.ไพโรจน์กล่าวถึงอาคารกาสิโนของกัมพูชา ที่รุกล้ำพื้นที่บ้านท่าเส้น-ทมอดา จ.ตราด จะรื้อถอนหรือไม่ว่า ขอยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือปล่อยให้อยู่ตรงนั้นชั่วนาตาปี แต่จะใช้มาตรการกดดันให้เข้มข้นขึ้น โดยต้องพิจารณาข้อตกลงที่จะพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาจะออกมาอย่างไร เราไม่ได้มองว่าจะเอาไปทำกาสิโน ตนมองที่อาคารอย่างเดียว ซึ่งสามารถนำไปใช้ร่วมกันได้ อาจเป็นอาคารตรวจการณ์ร่วมกันได้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันและได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


