อนุทินโวไม่มีละเว้น เอาจริง!ปราบสแกมเมอร์/เกาหลีจ่อควํ่าบาตรปรินซ์กรุ๊ป

เกาหลีใต้ปัดข่าว 7 นักการเมืองไทยเอี่ยวสแกมเมอร์ นายกฯ สั่ง กต.สอบแล้ว  หากผิดจริงไม่มียกเว้น ป้อง “ธรรมนัส” เป็นสิทธิ  ให้คณะทำงานเป็นทนาย “เบน สมิธ" เผยอยากเชิญ “โรม” มาให้ข้อมูล แต่ต้องมีหลักฐาน ลั่นเรื่องสแกมเมอร์-แก๊งคอลฯ ต้องเป็นวาระแห่งภูมิภาคหรือของโลกด้วย "ชูวิทย์" ยุ "อนุทิน" จัดการสแกมเมอร์ใน ครม. เชื่อ ภท.คะแนนพุ่ง ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้จ่อคว่ำบาตร "ปรินซ์กรุ๊ป" -"ฮุยวันกรุ๊ป" ด้าน "ฮุน มาเนต" พลิ้วไม่เคยตกลงหยุดยิง โฆษก กต.จ่อแจ้งกัมพูชา ไทยจะสร้างรั้วผ่านวง JBC พร้อมถกแก้ไขปัญหาบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว “ปานเทพ” ย้ำประชุม JBC อยู่ภายใต้ MOU 43 เท่ากับยอมรับว่ากัมพูชาไม่ได้ละเมิดไทยจะถูกกดดันให้ถอนทหารจาก 11 จุด

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีบทความของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ลงวันที่ 19 ตุลาคม รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เปิดเผยถึงนักการเมืองไทย 7 คน ที่พัวพันและมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี จะดำเนินการตามความเหมาะสมต่อข่าวปลอมดังกล่าว

ทั้งนี้ ข่าวนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้แฉ 7 นักการเมืองไทยพัวพันแก๊งคอลเซนเตอร์ เริ่มต้นมาจากการโพสต์ของอินฟลูเอนเซอร์ โดยไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มา ก่อนมีการแชร์ต่อๆ กันมา จนกลายเป็นกระแส และสำนักข่าวหลักนำไปเผยแพร่ต่อ

วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน  กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวดังกล่าว โดยนายอนุทินย้อนถามสื่อว่า เรื่องมาจากเพจใช่หรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า ใช่

นายอนุทินกล่าวว่า ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศและทีมงานไปสืบหาข้อเท็จจริงแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลอะไร จะมีรายชื่อหรืออะไรมาเราก็ต้องดำเนินการตรวจสอบ และหากมีหลักฐานการกระทำที่ผิดกฎหมาย เราก็ต้องดำเนินคดีอยู่แล้ว ไม่มีข้อยกเว้น

เมื่อถามถึงกรณีนายอนุทินเคยต่อสายพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายอนุทินกล่าวว่า ท่านไม่ได้พูดเรื่องนี้กับตนเลย ถึงบอกว่าต้องตรวจสอบก่อน เพราะข่าวนี้มาจากเพจออนไลน์ก็ต้องตรวจสอบ ตอนที่ตนหารือกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ท่านก็ไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา แต่หากมีจริง ตนก็จะมีโอกาสพบกับท่านในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศเกาหลีใต้ ในอีก 2 สัปดาห์นี้ ทั้งนี้ได้สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบแล้ว เดี๋ยวเอาไลน์ให้ดูว่าสั่งแล้ว ได้ให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซลติดตามข่าวเรื่องนี้

เมื่อถามถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เสนอให้ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กรณีให้คณะทำงานเป็นทนายความให้กับนายเบน สมิธ นายอนุทินกล่าวว่า ตรงนี้ก็ต้องดูตามสิทธิ การตั้งทนายความ ถ้าตนจะตั้งทนายความมาดูคดีของตน ก็ต้องดูทนายความที่มีความใกล้ชิดกับตน เราก็ต้องเอาคนที่ไว้วางใจและคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งจะปลดหรือไม่ปลด มันอยู่ที่รูปคดี อยู่ที่คำพิพากษา และอยู่ที่การกระทำผิด ถามแต่เรื่องงานสิ อย่ามาถามเรื่องชื่อบุคคลแบบนี้ไม่ได้

เมื่อถามอีกว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลปราบปรามดำเนินการเรื่องสแกมเมอร์เชิงรุก นายกฯ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน ก็มีรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ว่ามีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง 37 ราย และยังมีการขยายผลต่างๆ อีกมากมาย ในวันที่ 20 ต.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 โดยจะมีการมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานว่าจะดำเนินการอย่างไร

สแกมเมอร์วาระของโลก

"ทุกเรื่องอยู่ในนี้หมด สแกมเมอร์ต้องเป็นวาระแห่งภูมิภาคนี้แล้ว หรือวาระของโลกด้วย  ประเทศไทยต้องเป็นส่วนหนึ่ง และให้ความร่วมมือในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างทุกวิถีทางทุกรูปแบบ" นายกฯ กล่าวเมื่อถามว่าเรื่องนี้จะมีการนำเข้าที่ประชุมในวันที่ 20 ต.ค.เลยหรือไม่

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตั้งอยู่ที่อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ นายกฯ กล่าวว่า “เขาตอบแล้วนี่ครับ อย่าถามนำ” ก่อนที่นายกฯ จะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที

ต่อมาช่วงบ่ายนายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า กรณีที่ล่าสุดสถานทูตเกาหลีใต้ออกมายืนยันว่าไม่ได้มีการให้ข่าว 7 นักการเมืองไทยเชื่อมโยงเครือข่ายสแกมเมอร์ว่า เราปราบจริงจังอยู่แล้ว สัปดาห์ที่แล้วก็จับกุมวงเงินหลายหมื่นล้าน  ขอให้ไปถามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพราะได้รายงานตนมาเป็นชุดเลย ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลนี้ไม่มีละเว้น ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือใครก็ตาม

เมื่อถามต่อว่า มั่นใจได้ใช่หรือไม่ว่าไม่มีคนในรัฐบาลนี้เข้าไปเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต่อให้มีหรือไม่มีก็ไม่สำคัญ เท่ากับว่าใครที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

เมื่อถามว่า หากนายรังสิมันต์ โรม นำข้อมูลเรื่องสแกมเมอร์มาให้ นายอนุทินกล่าวว่า ยินดี แต่ต้องมีหลักฐาน เพื่อนำไปขยายผล พูดกันลอยๆ ไม่ได้ ต้องมีหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถนำไปดำเนินคดีต่อได้ ส่วนตัวก็อยากเชิญนายรังสิมันต์มาหารือเป็นการส่วนตัว เพราะเป็นคนที่ให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องที่แม่สอดแล้ว

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่มีแหล่งข่าวหรือถ้อยแถลงใดจากทางการเกาหลีใต้ที่กล่าวเช่นนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบอย่างจริงจัง โดยแถลงต่อรัฐสภาให้เป็น 1 ใน 4 นโยบายเร่งด่วน และจะดำเนินตามกฎหมายกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการอาชญากรรมนี้อย่างเด็ดขาด

ที่สนามฟุตบอลโปโลฟุตบอลพาร์ค เขตปทุมวัน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวถึงกระแสข่าว 7 นักการเมืองไทยเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของกัมพูชาว่า ไม่ต้องมาถามตน แค่ถามประชาชนก็รู้กันหมดแล้ว ซึ่งตนก็เข้าใจว่านายอนุทินต้องดำรงอยู่ทางการเมือง และบางครั้งการเมืองไทยเป็นที่ชุบตัวของบรรดามาเฟีย ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตนได้ให้กับนายรังสิมันต์ โรม ไปแล้ว และได้นำไปใช้ รวมถึง น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ก็ได้นำข้อมูลนี้ไปใช้ ซึ่งทั้ง 2 คนก็กล้าที่จะแสดงออก โดยเฉพาะเรื่องการคลั่งชาติ หรือการกระทำของคนบางคน ที่บางครั้งใช้เครือข่ายไปทำงาน นักการเมืองไม่ได้ออกตัวเอง

"ซึ่งได้แนะนำรัฐบาลไปว่า ให้ใช้โอกาสนี้จัดการเรื่องสแกมเมอร์ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หากจัดการได้คะแนนนายกรัฐมนตรีและภูมิใจไทยจะมา เชื่อว่าสนามเลือกตั้งในกรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทยจะมาแน่"

เมื่อถามว่า พอจะเปิดเผยชื่อย่อได้หรือไม่ว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน นายชูวิทย์กล่าวว่า อย่าให้ตนพูดเลย เพราะเมื่อสักครู่เพิ่งนั่งกับนายกฯ และตนก็ไม่ได้รู้สึกเกร็งอะไร เพราะรู้จักกับนายกฯ มานาน เพียงแต่ให้กำลังใจ

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการอย่างจริงจังต่อกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเครือข่ายการพนันออนไลน์ ซึ่งยังคงสร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง รัฐบาลต้องเร่งแสดงผลงานจับจริงปราบจริง ไม่ใช่เพียงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาให้เป็นข่าวหวังคะแนนนิยม แต่กลับเงียบหายไร้ผลงาน พรรคเพื่อไทยติดตามความคืบหน้าการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง พบว่ายังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเราจะติดตามการทำงานของรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

เกาหลีจ่อคว่ำบาตรปรินซ์กรุ๊ป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยอ้างอิงจาก “โคเรียไทม์ส” ว่าหน่วยข่าวกรองทางการเงินเกาหลีใต้ (เอฟไอยู) ภายใต้คณะกรรมาธิการบริการการเงิน  กำลังพิจารณาและเตรียมกำหนดให้บุคคลและธุรกิจ ซึ่งต้องสงสัยพัวพันกับขบวนการอาชญากรรมในกัมพูชา เป็น “นิติบุคคลที่มีข้อจำกัด” ซึ่งจะส่งผลให้มีการอายัดทรัพย์สินและบล็อกธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล  โดยคาดว่าจะมีการประกาศการตัดสินใจอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลเกาหลีใต้เกิดขึ้นหลังหน่วยงานสอบสวนของกระทรวงการคลังสหรัฐและรัฐบาลสหราชอาณาจักร ประกาศมาตรการคว่ำบาตรปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป  บริษัทลงทุนข้ามชาติซึ่งมีฐานอยู่ในกัมพูชา และกิจการทั้งหมดในเครือ ซึ่งรวมถึงปรินซ์แบงก์ และขึ้นบัญชีดำพร้อมทั้งตามล่าตัวนายเฉิน จื้อ นักธุรกิจซึ่งถือสัญชาติจีน สหราชอาณาจักร และกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นเจ้าของกิจการ

ยิ่งไปกว่านั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้กำลังสืบสวนรายงานว่า ปรินซ์ กรุ๊ป  เคยเปิดสำนักงานในย่านกังนัมของกรุงโซล โดยชื่อ “คิงเมน เรียลเอสเตต กรุ๊ป” ซึ่งต้องสงสัยเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการล่อลวงชาวเกาหลีใต้เข้าสู่ขบวนการสแกมเมอร์

ทางด้าน ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา  โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เห็นความเห็นบางส่วนบนโซเชียลมีเดียกล่าวถึงว่า วันที่ 28 กรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา และข้อตกลงสันติภาพที่กําลังจะมาถึงต้องสูญเสียที่ดินของกัมพูชา อยากจะบอกเพื่อนร่วมชาติสั้นๆ ว่า ข้อตกลงการหยุดยิง ทั้งหมดเกี่ยวกับข้อกําหนดและขั้นตอนในการป้องกันการยิงซ้ำ ข้อตกลงสันติภาพ คือการเตรียมเงื่อนไขและขั้นตอนในการสร้างและรับรองสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิผล เพื่อนําไปสู่การยุติข้อพิพาทและฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและประเทศ แม้ว่าทั้งสองข้อตกลงจะไม่แก้ไขปัญหาที่ดินหรือชายแดน

"แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งควรตกลงที่จะสละสิทธิ์ทางกฎหมายในการควบคุมอาณาเขตภายในอํานาจอธิปไตยของตน งานก่อสร้างเสาชายแดนแผ่นดินใหญ่อยู่ภายใต้การกํากับดูแลของคณะกรรมการชายแดนอเนกประสงค์กัมพูชา-ไทย (JBC) และได้รับการแก้ไขอย่างสันติให้สอดคล้องกับสนธิสัญญา การประชุม และข้อตกลงที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศ กัมพูชา และประเทศไทย"

สรุปอยากจะบอกเพื่อนร่วมชาติว่า กัมพูชาไม่ได้เห็นด้วยกับข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงข้อตกลงหยุดยิง (28 กรกฎาคม 2025) และข้อตกลงสันติภาพซึ่งจะทําให้ยึดอธิปไตยและอาณาเขตทางกฎหมายของกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาไม่เคยลืมหรือละทิ้งหน้าที่ตามกฎหมายและสิทธิในการปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของกัมพูชา

ด้านนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฮุน มาเนต ไม่ต้องการลงนามสันติภาพและเจรจาหยุดยิงว่า ยังไม่ทราบข่าวเรื่องนี้ เพราะขณะนี้ข้อตกลงดังกล่าวก็ยังเดินหน้า ประเทศไทยมีจุดยืน 4 ข้อ ส่วนเรื่องการประชุม JBC ถือเป็นคนละเรื่องไม่ส่งผล เพราะเป็นเรื่องของการปักเขตแดน ซึ่งขณะนี้ดำเนินการมาได้เกินครึ่งแล้ว ก็ยังคงเดินหน้าเจรจา แต่ต้องใช้เวลา ส่วนการประชุม GBC ก็ยังคงเดือนหน้า เช่นเดียวกันกับการเจรจาของระหว่างกระทรวงการต่างประเทศระหว่างสองประเทศ

ถก JBC สร้างรั้ว-รุกล้ำอธิปไตย

เมื่อถามถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังยืดเยื้อมาถึงขณะนี้ นายกฯ กล่าวว่า มีความคืบหน้าหลายอย่าง การที่เราไม่ถูกคุกคามยั่วยุ และยิงข้ามฝั่งมา เกือบสองเดือนแล้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในความคืบหน้าอย่างหนึ่ง ซึ่งเราก็ได้แสดงให้เขาเห็นว่า ประเทศไทยรับไม่ได้ และพร้อมจะโต้ตอบอย่างเต็มที่ และแสดงเห็นว่าเขารับทราบข้อมูลข่าวสารจากฝั่งเรา จะเอาความสนุก ความสะใจอย่างเดียวไม่ได้ สิ่งที่ยังยืนยันได้คือตอนนี้จะไม่ยอมให้เขามาละเมิดอธิปไตยและทำร้ายคนของเราอีกต่อไป

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC สมัยพิเศษ ในวันที่ 21-22 ตุลาคม 68 ที่จังหวัดจันทบุรี ฝ่ายไทยจำเป็นต้องร่วมประชุมหรือไม่ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา (10 ก.ย.68) ไทยจะนำประเด็นอะไรไปหารือว่า การประชุมเจบีซีครั้งนี้มีความพิเศษ แม้ว่าการประชุมเจบีซีจะเป็นกลไกปกติ ซึ่งความพิเศษคือ ประเด็นที่ไทยจะนำไปเป็นข้อพิจารณามีประเด็นเดียว คือการแก้ไขปัญหาประชาชนกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทย กรณีบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ส่วนประเด็นที่จะนำไปแจ้งให้ทราบคือ ไทยจะสร้างรั้ว และจะสร้างจุดที่เป็นเส้นตรงระหว่างหลักเขตแดน 2 เขตแดน สองฝ่ายเห็นตรงกันสุดเขตอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ในหลักการไทยจะไม่รับคุยเรื่องอื่นแล้ว จะไปพูดคุยใน 2 เรื่องหลัก คือเรื่องพิจารณาและเรื่องแจ้งเพื่อทราบ ซึ่งการประชุมเจบีซีถือเป็นกลไกปกติ แต่ครั้งนี้มีนัยของความเร่งด่วน เพราะจะมีการประชุมจีบีซีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเป็นผู้ร่วมลงนามการประชุม เพื่อจะรับทราบ 4 เงื่อนไขคือ การถอนอาวุธหนัก, การเก็บกู้ทุ่นระเบิด, การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการจัดการพื้นที่ชายแดน ดังนั้นเพื่อให้การประชุมจีบีซีที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20-21 ตุลาคมนี้ไปต่อได้ จึงต้องเกิดการประชุมจีบีซีสมัยพิเศษขึ้น เพื่อให้เกิดความคืบหน้าในการบรรลุหาข้อยุติ

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันเผยแพร่เรื่องสำคัญ พร้อมเตือนว่า เหลือเวลาเพียง 2 วัน ก่อนที่ประเทศไทยจะสูญเสียสิทธิในการยกเลิก MOU 2543 ซึ่งกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดร้ายแรง การประชุม JBC ย่อมเจรจาภายใต้ MOU 2543 เสมือนหนึ่งว่า กัมพูชาไม่ได้มีการละเมิดร้ายแรงอะไรตาม MOU 2543 จะส่งผลทำให้มูลฐานของสิทธิในการยกเลิกสนธิสัญญา ตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยการทำสนธิสัญญา ค.ศ.1969 ของประเทศไทยสิ้นผลไป จะส่งผลทำให้ไทยจะมาอ้างการยกเลิก MOU 2543 เพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดร้ายแรงไม่ได้อีก

ประเทศไทยย่อมจะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่ให้เสี่ยงถอนทหารทั้ง 11 จุด ที่ประเทศไทยยึดคืนมาได้ ซึ่งรวมถึงภูมะเขือ ยังมีความเสี่ยงที่ต้องถอนหรือรื้อสิ่งปลูกสร้างซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐไทย เช่น ฐานธงชาติไทยที่ภูมะเขือ รวมถึงรั้วชั่วคราวหรือกำแพงถาวร ที่จะจัดทำต่อไปโดยการสนับสนุนของกองทุนหทัยทิพย์ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

 “และหากไทยไม่ยินยอม สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่านั้น เมื่อสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติอาจให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศออกให้คำปรึกษา เหมือนกรณีให้อิสราเอลทุบกำแพงทั้งหมด เพราะอิสราเอลสร้างกำแพงกั้นปาเลสไตน์ในดินแดนปาเลสไตน์ โดยที่อิสราเอลไม่ได้เป็นประเทศที่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศด้วยซ้ำ" นายปานเทพกล่าว

ขณะที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อกรณีที่นางอังคณา นีละไพจิตร ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ที่ถูกโจมตีด้วยถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง รวมถึงการใช้ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ ภายหลังจากที่เธอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอเรียกร้องให้ยุติการคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และหยุดการข่มขู่ รวมถึงการสร้างความเกลียดชังต่ออังคณา นีละไพจิตร และครอบครัว

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “คนไทย ยังอดทนอยู่หรือเปล่า?” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ  1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความพอใจและความกังวลของประชาชนจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

 เมื่อถามถึงความอดทนของประชาชนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาในขณะนี้   โดยภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 40.53 ระบุว่ายังมีความอดทนอยู่พอประมาณ รองลงมา ร้อยละ 24.43 ระบุว่าหมดความอดทนแล้ว, ร้อยละ 19.69 ระบุว่าเริ่มไม่ค่อยมีความอดทนแล้ว, ร้อยละ 14.74 ระบุว่า ยังมีความอดทนสูงอยู่ และร้อยละ 0.61 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ 

เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ พบว่า ร้อยละ 35.19 ระบุว่ากดดันทางเศรษฐกิจ เช่น การปิดด่านต่อไปอย่างจริงจัง งดการนำเข้าส่งออกในทุกกรณี รองลงมา ร้อยละ 33.97 ระบุว่าทำอย่างไรก็ได้แต่ต้องไม่เสียดินแดนและไม่เสียเปรียบให้กัมพูชา,  ร้อยละ 24.81 ระบุว่าเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายอย่างจริงจัง, ร้อยละ 22.06 ระบุว่ารัฐบาลต้องเปิดไฟเขียวอย่างเต็มที่ให้กองทัพแก้ไขปัญหา, ร้อยละ 21.68 ระบุว่ารัฐบาลต้องเยียวยา ดูแลประชาชน ภาคธุรกิจ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่, ร้อยละ 20.99 ระบุว่ารบจนกว่าจะได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จหรือได้เปรียบกัมพูชา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

'เดอะ จูเนียร์ กอล์ฟ ซีรี่ส์' เซ็นสัญญาร่วมทัวร์เยาวชนเกาหลี ในปี2569

"โปรบูม" ปราชญ์ รัตนกุล ผู้บริหาร เดอะ จูเนียร์ กอล์ฟ ซีรี่ส์ บรรลุข้อตกลงร่วมกับ มร.คิม จุน กิล ผู้อำนวยการ บียอร์น โมเมนตัม โกลบอล กอล์ฟ จากเกาหลีใต้ ในการเซ็นสัญญาร่วมกับเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ และต่อยอดในการเปิดตัว "เดอะ จูเนียร์ กอล์ฟ ซีรี่ส์ โคเรีย" อย่างเป็นทางการเพื่อชยายตลาดสู่ต่างประเทศเป็นครั้งแรกของ เดอะ เจจีเอส ในการก้าวสู่ระดับนานาชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นอันยาวนานในการพัฒนากอล์ฟเยาวชนให้ก้าวไปสู่การพัฒนาระดับภูมิภาคเอเชีย

'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'

ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้