
“อนุทิน” ยันกัมพูชาเริ่มปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ มีแนวโน้มไปในทางที่ดี “วินธัย” แจงปมของบริจาคทหารชายแดน ยันส่วนกลางมีบันทึกข้อมูลการส่งมอบอย่างเคร่งครัด ส่วนในพื้นที่ทำรายละเอียดส่งมาภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย ยันอุปกรณ์ที่มีอยู่เพียงพอ แต่ปฏิเสธผู้มีจิตศรัทธาไม่ได้ เพราะเป็นน้ำใจในช่วงวิกฤต ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ยังคงเฝ้าระวังใกล้ชิด หลังแรงงานต่างชาติหลบหนีจากพื้นที่โครงการ KK-Park ข้ามมายังฝั่งไทยกว่า 1,500 คน
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษเอเปก ครั้งที่ 32 ที่เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี ว่าในส่วนของกรณีไทย-กัมพูชา ประเทศไทยได้ทำในสิ่งที่ต้องทำหมดแล้ว ซึ่งกัมพูชาก็ได้เริ่มปฏิบัติในสิ่งที่สรุปและตกลงกันไว้ ในเงื่อนไขข้อตกลงที่เราลงนาม อาจจะมีเริ่มใหม่ขลุกขลักกันอยู่บ้าง แต่แนวโน้มเป็นไปในทางที่ดี มีการพูดคุยกันระหว่างผู้ที่รับผิดชอบคือกองทัพ ที่รับผิดชอบในการดำเนินการตามข้อตกลง และได้มีการรายงานมาตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว ที่ต้องการให้ผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่อย่างไรในระหว่างดำเนินการตามข้อตกลงสันติภาพ นายกฯ ตอบว่า ส่วนที่รับผิดชอบได้ไปดำเนินการทำความเข้าใจและดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อย ซึ่งการบริหารสถานการณ์ในพื้นที่อ้างสิทธิ์อยู่ในข้อ 4 ของข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา ที่จะต้องมีการตั้งคณะทำงานหาข้อสรุปร่วมกัน โดยตนได้พูดคุยกับกองทัพ ซึ่งจะเป็นผู้ที่ดำเนินการเจรจาร่วมกับนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี และเรามีเป้าหมายที่จะหาความชัดเจนในพื้นที่อ้างสิทธิ์กัน ซึ่งต้องมีการพูดคุย
วันเดียวกันนี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการการทหาร โดยระบุว่า กองทัพบกมุ่งมั่นแน่วแน่ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศและดูแลประชาชน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการรักษาอธิปไตยของชาติ การป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย การทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายบรรลุผลสำเร็จ รวมถึงการสร้างความมั่นใจว่ากำลังพลทุกนายจะสามารถปฏิบัติภารกิจในสนามรบได้อย่างปลอดภัย และทำให้ประชาชนที่เฝ้าดูกองทัพรู้สึกมั่นใจ
ในส่วนของคำว่า “กองทัพไม่ขาดแคลน” ที่มีการกล่าวถึงนั้น หมายถึงสิ่งอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นในการปฏิบัติทางทหารเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่ากองทัพจะปฏิเสธความมีน้ำใจจากประชาชนหรือภาคส่วนต่างๆ กองทัพยังคงยินดีและขอบคุณในทุกรูปแบบของการสนับสนุน ทั้งสิ่งของอุปโภคบริโภคและสิ่งของเพื่อการดำเนินชีวิตที่อยู่นอกเหนือระบบราชการ ซึ่งล้วนมีคุณค่าทางจิตใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นของใช้ที่จำเป็น แต่ยังสะท้อนถึงน้ำใจ ความห่วงใย และกำลังใจที่พี่น้องคนไทยมอบให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่
"ที่ผ่านมามีบางกรณีที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากมีการนำคำพูดบางส่วนไปเผยแพร่โดยไม่ครบถ้วน ตัวอย่างเช่นกรณีที่ผมเคยกล่าวว่า “บางอย่างรับมาอาจไม่ได้ใช้” ซึ่งไม่ได้หมายถึงสิ่งของทั่วไปที่ได้รับจากผู้มีจิตศรัทธา แต่หมายถึงกรณีเฉพาะที่พบว่าผู้ให้ความอนุเคราะห์บางท่านนำแผ่นเหล็กที่มีทั่วไปในท้องตลาดมาดัดแปลงเป็นแผ่นเกราะกันกระสุนเพื่อมอบให้ทหารแนวหน้า ในกรณีเช่นนี้จึงได้ให้ข้อสังเกตว่า แผ่นเกราะลักษณะดังกล่าวอาจไม่สามารถนำไปใช้งานจริงได้ด้วยเหตุผลทางเทคนิค แต่ถึงอย่างไรก็ตาม กองทัพไม่เคยปฏิเสธน้ำใจจากผู้มีจิตศรัทธา เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดคือความตั้งใจและกำลังใจที่คนไทยมอบให้กันในยามที่ชายแดนของประเทศกำลังเผชิญวิกฤต"
กองทัพบกขอแสดงความซาบซึ้งและขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแสดงออกถึงน้ำใจในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ แม้ว่ากองทัพจะมีการจัดเตรียมความพร้อมและสิ่งอุปกรณ์ไว้อย่างเพียงพอตามระบบราชการ แต่การที่ประชาชนยังคงเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม ทั้งในรูปของสิ่งของอุปโภคบริโภคหรือสิ่งอำนวยความสะดวกเฉพาะหน้า ถือเป็นพลังใจอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยเสริมขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนาย
สำหรับข้อกังวลจากสังคมที่ต้องการให้มีการตรวจสอบและจัดทำรายการสิ่งของที่ได้รับมอบอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ส่วนตัว กองทัพเห็นด้วยและได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในส่วนกลางได้มีการบันทึกหลักฐานการรับมอบสิ่งของไว้อย่างละเอียด พร้อมจัดให้มีพิธีรับมอบและแสดงความขอบคุณต่อผู้มีจิตศรัทธาทุกรายอย่างเหมาะสม ส่วนในระดับภูมิภาคและระดับหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย จะมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำส่งให้ส่วนกลางทราบต่อไป ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่ได้รับในนามหน่วยหรือนามส่วนตัว ล้วนเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจและได้รับการขอบคุณจากกองทัพทั้งสิ้น
สำหรับกรณีที่อาจมีผู้ไม่หวังดีพยายามฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากสถานการณ์ กองทัพเชื่อมั่นว่าคนไทยส่วนใหญ่มีเจตนาดี และสังคมเองก็กำลังจับตามองอยู่ จึงไม่มีใครกล้ากระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีใครยอมรับได้หากเกิดเหตุเช่นนั้นขึ้น
“สิ่งสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้คือการรักษาความเข้าใจอันดีและความสามัคคีของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ควรตีความหมายหรือเข้าใจผิดไปจากเจตนาที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน สิ่งที่มีค่ามากที่สุดไม่ใช่สิ่งของหรือจำนวนการบริจาค แต่คือความห่วงใยและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่พวกเราทุกคนยังคงมีให้กันเสมอ” โฆษกกองทัพบกกล่าว
ขณะที่ กองทัพบก โดยกองกำลังนเรศวร ยังคงติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อย่างใกล้ชิด หลังปรากฏสถานการณ์ที่ทหารเมียนมาเข้าควบคุมพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ KK-Park บ้านเองจีเมี่ยง อำเภอเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ส่งผลให้กลุ่มทุน พนักงานที่มีความเชื่อมโยงกับการพนัน และชาวต่างชาติภายในโครงการเกิดความหวาดกลัว และทยอยหลบหนีเข้ามายังฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2568
โดยขณะนี้ หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ยังคงลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งประสานและได้ทำหนังสือประท้วงผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) เพื่อขอให้ฝ่ายเมียนมาดำเนินการอย่างระมัดระวังในการทำลายอาคารสิ่งปลูกสร้างภายในโครงการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศแล้ว
ล่าสุด ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก รายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น. ว่ามีบุคคลต่างชาติ/ต่างด้าวและชาวไทยข้ามมายังฝั่งไทยจากพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน KK-Park รวม 1,595 คน แบ่งเป็นชาย 1,330 คน และหญิง 265 คน ได้แก่ ชาวอินเดีย 465 คน (ชาย 440 หญิง 25) รองลงมาคือ ฟิลิปปินส์ 220 คน (ชาย 122 หญิง 98), จีน 185 คน (ชาย 180 หญิง 5), เวียดนาม 151 คน (ชาย 129 หญิง 22) และเอธิโอเปีย 130 คน (ชาย 118 หญิง 12) นอกจากนี้ ยังมีบุคคลจากประเทศอื่นๆ อีกกว่า 20 สัญชาติ เช่น เคนยา ปากีสถาน เนปาล ยูเครน อินโดนีเซีย ลาว แอฟริกาใต้ กานา ไนจีเรีย ศรีลังกา รวันดา เมียนมา และไทย
มีรายละเอียดบุคคลต่างชาติ/ต่างด้าว และคนไทยผ่านการคัดกรอง/ดำเนินคดี ดังนี้ พื้นที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 จำนวน 860 คน พื้นที่สถานีตำรวจภูธรแม่สอด 712 คน โดยมีบุคคลต่างชาติ/ต่างด้าวถูกดำเนินคดี 680 คน ชำระค่าปรับ/ผลักดัน 439 คน, ไม่เสียค่าปรับ/เข้าเรือนจำ 241 คน และคนไทยเปรียบเทียบปรับ 32 คน เข้าสู่กระบวนการตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) 23 คน โดยเข้าสู่กระบวนการ NRM 18 คน, เข้าสถานคุ้มครองจังหวัดพิษณุโลก 1 คน และสถานคุ้มครองจังหวัดเชียงราย 4 คน
ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก ยืนยันว่าทุกคนได้รับการคัดกรองตามขั้นตอนทั้งด้านความมั่นคงและสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยของประเทศและประชาชนในพื้นที่ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หน่วยเฉพาะกิจราชมนู และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตากอย่างใกล้ชิด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อนุทิน’ เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง ข้าราชการการเมือง 1 ราย
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๔๕/๒๕๖๘ เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการการเมือง
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


