"อนุทิน" ขออภัยประชาชน บกพร่องสื่อสารพูดไทยรุกล้ำกัมพูชา ยันไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมย้ำไม่ยอมให้ประเทศสูญเสียเพิ่ม ชี้เปิดด่านต้องขอ ปชช. ส่วนเชลยศึกขอลี้ภัยต้องประเมินสถานการณ์ก่อน คปท.ให้กำลังใจทหาร-ตร.บ้านหนองจาน จับตาปักหมุดเขตแดน 17 พ.ย.
เมื่อเวลา 21.05 น. วันที่ 1 พ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ว่า ต้องขอบคุณทุกหน่วยงาน ทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ลงพื้นที่ไปติดตามและบริหารสถานการณ์ผ่านไปด้วยดี ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างรัฐต่อรัฐ ยังพอหาทางเจรจากันได้ แต่ถ้าเป็นประชาชนกับประชาชนจะเป็นเรื่องยาก รวมถึงนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ที่ไปแสดงจุดยืนบริเวณพื้นที่
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าเราจะใช้วิธีการทุกอย่าง ทั้งด้านความมั่นคง การเจรจาตามกรอบ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC), คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ที่จะทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นและเกิดสันติสุข สันติภาพในประเทศไทย
ส่วนที่มีการพูดถึงเรื่องรุกล้ำเขตแดนนั้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนจริงๆ ตนโทษตัวเองว่ามีความผิดพลาดและบกพร่องในเรื่องของการสื่อสารต่อประชาชน และจะระมัดระวังไม่ให้เกิดความบกพร่องในการสื่อสารเกิดขึ้นอีกในอนาคต
“ผมต้องขออภัยที่ทำให้หลายท่านเกิดความระแวงสงสัย แต่ขอยืนยันว่าไม่มีทางที่ประเทศไทยเราจะเสียดินแดน เสียอธิปไตย เสียเกียรติภูมิ เสียศักดิ์ศรี และพี่น้องประชาชนทุกคนต้องมีความปลอดภัย จากข้อพิพาทระหว่าง 2 ประเทศ ผมจะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาด" นายกรัฐมนตรีระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กัมพูชาถอนจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ออกจากพื้นที่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เราลงนามกับเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทั้ง 2 ประเทศแสดงเจตนารมณ์ต่อกัน โดยถอดรถถังฝ่ายละ 2 คัน ที่ต่างคนต่างปฏิบัติ และฝ่ายกองทัพของทั้ง 2 ประเทศได้มีการเจรจากันอยู่ตลอดเวลา ในการกำหนดมาตรการและวิธีการที่จะถอนอาวุธ รวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งมีความอันตราย จึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึงปฏิญญาที่เราลงนามกันไว้ ซึ่งมีทั้งโลกเป็นสักขีพยาน
เมื่อถามถึงกรณีตอนนี้กองทัพถูกโจมตี โดยเฉพาะจากคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กรณีจัดซื้อยุทธภัณฑ์เสื้อเกราะ ที่ต้องไปพึ่งมูลนิธิ "กันจอมพลัง ช่วยสู้" นายอนุทินกล่าวว่า งบของกระทรวงกลาโหมในแต่ละปีอยู่ในระดับต้นๆ แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นี่คือพลังของคนไทย รูปแบบของประเทศไทย ที่เรารักษาอธิปไตยมาได้นาน รบกับใครไม่มีทางแพ้ เมื่อมีเหตุการณ์เกิดข้อพิพาทกับใคร คนไทยจะรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว ใครมีอะไรพร้อมที่จะนำมาช่วย และไม่เคยได้ยินว่ากองทัพออกไปขอการบริจาคเพราะไม่มีงบประมาณ
นายกฯ กล่าวถึงความชัดเจนเรื่องการเปิดด่านชายแดน ได้คุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอย่างไรบ้างว่า ไม่ได้คุย และนายกฯ กัมพูชาไม่ได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ขอยืนยันอีกครั้งเรื่องการเปิดด่านว่า ถ้ารัฐบาลจะเปิดด่าน ต้องขอประชาชนก่อน จะได้ไม่ต้องพูดกันอีก และเราจะไม่เปิดด่านจนกว่าจะมั่นใจว่าภัยต่อความมั่นคงลดลงไป จนเราวางใจและควบคุมได้
เมื่อถามถึงเรื่องของเชลยศึกที่จะขอลี้ภัยในประเทศไทย นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในปฏิญญา ซึ่งเราเป็นผู้กำหนด โดยจะประเมินว่า ถ้าฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือ และมีเจตนารมณ์ที่ดี จะพิจารณาโดยไม่มีการกำหนดเรื่องกรอบระยะเวลา และไม่อยากให้ใช้คำว่าเชลยศึก แต่เอาเป็นว่าเป็นผู้ถูกควบคุมตัวไว้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้เอาชีวิตคนมาเป็นตัวประกัน ทั้งนี้ มีกติกาสากลอยู่แล้ว โดยไทยประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ
ด้าน พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม กล่าวถึงการถอนอาวุธว่า ขอให้เชื่อมั่น และไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ของทั้งสองประเทศเป็นผู้สังเกตการณ์ ซึ่งมีความเป็นกลางอยู่แล้ว ส่วนกรณีเชลยศึกกัมพูชา 18 คนขอลี้ภัยไทยนั้น หากกัมพูชาทำตามกติกาที่ได้ตกลงไว้ 4 ข้อ ทาง AOT จะประเมินและดำเนินการตาม
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่ ครม.เห็นชอบและอนุมัติกรอบวงเงิน 315,476 ครัวเรือน จำนวนเงินทั้งสิ้น 1,515.967 ล้านบาท โดยได้โอนเงินช่วยเหลือแล้วทั้งหมด 10 ครั้ง โอนสำเร็จ 294,658 ครัวเรือน 1,316.075 ล้านบาท ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 1,167 ครัวเรือน และจะโอนเงินครั้งต่อไป ครั้งที่ 11 จังหวัดอุบลราชธานี สระแก้ว วันที่ 5 พ.ค.68 จำนวน 744 ครัวเรือน
ที่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงเงียบสงบ หลังเข้าสู่วันที่ 2 ของการปรับกำลังพลและการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากพื้นที่ โดยชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่ต่างแสดงความเห็นว่าไม่ไว้วางใจฝั่งกัมพูชา ทั้งนี้ ผู้นำชุมชนในพื้นที่ชายแดนเผยว่ายังพบลูกระเบิดตกค้าง โดยส่วนใหญ่เป็นระเบิดอาร์พีจี กระจายในพื้นที่การเกษตรของหมู่บ้านรวมแล้วกว่า 100 ลูก
ขณะที่พื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ยังไม่พบความเคลื่อนไหวในการปรับกำลังหรือขนย้ายอาวุธของฝ่ายไทยเช่นกัน โดยชาวบ้านในพื้นที่มีความรู้สึกกังวลและไม่ไว้วางใจประเทศกัมพูชาในทำนองเดียวกัน
วันเดียวกัน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ได้นำมวลชนจากกรุงเทพฯ 200 คน ไปยังบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ตํารวจ และผู้ปฏิบัติงานบริเวณหน้าด่านชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมมอบข้าวสาร อาหารแห้งและเครื่องดื่ม โดยประกาศจุดยืนไม่ยอมเสียสิทธิ์ในที่ดินบ้านหนองจานซึ่งอยู่ในผืนแผ่นดินไทยให้ใครยึดครอง
นายพิชิตกล่าวว่า การลงนามสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชา อาจเป็นดาบสองคม เพราะที่ผ่านมากัมพูชาไม่เคยปฏิบัติตามข้อตกลงใดอย่างจริงจัง วันนี้ยังพบว่ามีการฝังทุ่นระเบิดเพิ่มหรือซ่อนอาวุธอื่นไว้ในพื้นที่ สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับประชาชนชายแดน และยังจะจับตาดูว่าการปักหมุดเขตแดนในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ไทยจะเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่ หากไทยเสียดินแดนแม้เพียงเล็กน้อย กลุ่ม คปท.อาจรวมพลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและปกป้องอธิปไตยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เคาะวันเลือกตั้ง8กพ. กกต.เปิดรับสมัคร27-31ธค. ก๊วนการเมืองไหลรวม‘ภท.’
ปี่กลองสนั่น! กกต.เคาะวันเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69 เปิดรับสมัคร สส. 27-31 ธ.ค.
ขอไฟเขียวงบคนละครึ่ง รับมีหลายนโยบายสะดุด
"บวรศักดิ์" นำทีมหารือ กกต.ขอใช้งบฯ โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2-ครม.
ศิลปินแห่งชาติ แต่งเพลงถวาย พระพันปีหลวง
พระราชวงศ์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พร้อมด้วยองคมนตรี ถวายพระพันปีหลวง
หนูเหน็บทรัมป์ฟังรายงานมั่ว
"อนุทิน" ลั่น! "ทรัมป์-อันวาร์" เป็นบุคคลที่สาม ไม่ได้อยู่หน้างาน
ยึด‘ตาควาย’ได้100%
“นายกฯ” นัดถก สมช. 16 ธ.ค. ย้ำต้องปะทะเพื่อหยุดปะทะ ลั่นพื้นที่ที่เราสถาปนาชัดเจนอยู่แล้วว่าตรงไหนต้องเป็นของเรา
นายกฯหนู กำชับ รมต. อย่าโดดประชุม ครม. พรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะเดินทางออกจากพรรคภูมิใจไทย หลังจบการประชถมสส. ปรากฎว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

