โลกบีบไทยขยับอาชญากรรมออนไลน์ "อนุทิน" นั่งไม่ติด ง้างดาบ ปปง.ตัดรากเงินดำ ยอมรับมีความกดดัน หวั่นสังคม-นานาชาติคว่ำบาตร ถูกตราหน้ารัฐบาลหนูไร้ผลงาน พร้อมไฟเขียวหนุนเอไอปราบ สแกมเมอร์ ขณะที่บิ๊ก ปปง.ฟุ้งหนักล้างบัญชีม้าเกือบล้าน “พท.” ได้ทีขุดผลงานยุคอิ๊งค์ขยี้นายกฯ ต้องรับผิดชอบปล่อย รมต.มีตำหนิ ขณะที่ "อัจฉริยะ" หอบหลักฐานใหม่ยื่นดีเอสไอ อ้างมีเส้นเงินมัดข้าราชการเทาอื้อ
เมื่อวันจันทร์ ที่ห้องประชุม 1201 ชั้น 12 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่คณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง. โดยมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธาน ปปง.เข้าร่วม
นายฉัตรชัยกล่าวรายงานว่า ในรอบปีที่ผ่านมา ปปง. ดําเนินการยึดทรัพย์ 2.9 หมื่นล้านบาท และดําเนินคดีอาญา 160 คดี ในส่วนที่เกี่ยวกับบัญชีที่มีความเสี่ยงสูงหรือบัญชีม้าได้ดําเนินการไปแล้วกว่า 8 แสนบัญชี ทําให้มีวงเงินที่ได้จากการกระทําความผิดค้างอยู่ในบัญชีกว่า 3 พันล้านบาท ในส่วนนี้จะนําไปสู่กระบวนการคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนต่อไป
นายฉัตรชัยกล่าวว่า นอกจากนี้สิ่งที่อยากจะขอสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการทํางานของ ปปง. เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายไทย ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะ 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุน ทางการเงินแก่การก่อการและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทําลายล้างสูง ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับเป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายไทย ขณะเดียวกันเราก็ต้องปฏิบัติตามกฎสากลที่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งต้องมีการประเมินการปฏิบัติ และส่งผลต่อการแซงก์ชันกรณีที่เราไม่ปฏิบัติตาม
นายฉัตรชัยกล่าวว่า อีกประเด็นสําคัญที่อยากได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขณะนี้การดําเนินการตรวจติดตามระบบยังไม่เท่าทันกับมิจฉาชีพ และเมื่อมีระบบเงินตราที่เปลี่ยนแปลงไป หรือวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น การรายงานทางธุรกรรมหลายประเภทควรต้องมีระบบเอไอและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เพราะ ปปง.ต้องเป็นหน่วยงานกลางที่เป็นฐานข้อมูลรองรับธุรกรรมทุกประเภท
ด้านนายอนุทินกล่าวช่วงต้นการประชุมว่า ช่วงนี้ภารกิจงานของ ปปง.เป็นที่สนใจของประชาชนและสังคมมากเป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้ไม่มีอะไรดังไปกว่าสแกมเมอร์ เรื่องอาชญากรรมทางการเงิน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งในธุรกรรมต่างๆ ของมิจฉาชีพและธุรกิจประเภทนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้กับภารกิจงานของ ปปง. เพราะทุกอย่างต้องฟอกเงิน เงินที่ไม่สะอาดเป็นเงินที่ไม่ใช่เทาแต่เป็นเงินดำ แต่ฟอกยังไงก็ยังเป็นดำ
“เพราะฉะนั้นผมในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงาน ปปง. ก็ต้องยอมรับว่ามีความกดดัน และได้รับความกดดันจากประชาชนและสังคม ตลอดจนประชาคมนานาชาติสูงมาก ในเรื่องของการเกิดปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสแกมเมอร์เหล่านี้ ยิ่งถ้าเราดำเนินการไม่เฉียบขาดไม่เต็มที่ มันไม่ใช่เฉพาะว่าเราจะถูกตราหน้าว่าเราไม่มีผลงาน แต่สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นคือการแซงก์ชัน (มาตรการลงโทษคว่ำบาตร) และถูกกีดกันจากนานาชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก” นายอนุทินระบุ
ทั้งนี้ นายอนุทินระบุภายหลังการประชุมด้วยว่า ปปง.ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนอะไรบ้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในยุคที่เรื่องของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์เป็นเรื่องที่ถูกบรรจุเป็นวาระแห่งชาติ ก็จะต้องดำเนินการให้การสนับสนุน ปปง.ที่จะทำการตรวจสอบยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ และดำเนินคดีผู้กระทำความผิด ก็มีการหารือกัน
กระทบเชื่อมั่นนานาชาติ
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะภายในประเทศ ถ้าเราไม่มีการสร้างความมั่นใจในเรื่องการปราบปรามผู้กระทำความผิด โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการฟอกเงิน ก็จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนานาชาติต่อประเทศไทย ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย และจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศ ซึ่งมีอยู่ทางเดียว ปปง.ต้องดำเนินงานอย่างเต็มที่ไม่ให้มีเงินดำหรือเงินเทาเข้ามาอยู่ในระบบการเงินของประเทศไทย” นายอนุทินระบุ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 คณะแล้ว มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เรื่องรายละเอียดให้ถามเลขาธิการ ปปง.
เมื่อถามอีกว่า ข้อมูลที่ฝ่ายค้านพยายามเชื่อมโยงสแกมเมอร์ โดยอยากให้นายกฯ จัดการ จะดูแลอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ไม่ต้องจัดการ เรามี ปปง.จัดการ เรามีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัดการ ถ้าตรงไหนมีพฤติกรรมเรื่องฟอกเงิน มีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการและมี ปปง.จัดการ เป็นหน้าที่ที่เขาต้องเร่งดำเนินการอยู่แล้ว และตอนนี้ได้หารือในที่ประชุม ประธานปปง.ซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยได้นำเสนอว่า จะเร่งทำบันทึกความร่วมมือเพราะเป็นวาระแห่งชาติ เอา 4 หน่วยงานหลัก คือ 1.ปปง. 2.กระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด 3.ตำรวจ และ 4.ดีเอสไอ มาทำข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน เพื่อปราบปรามเรื่องการฟอกเงิน การใช้ระบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เรื่องสแกมเมอร์ก็จะลงไปในระดับปฏิบัติ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย
เมื่อถามว่า มีรายงานหรือไม่ว่าสแกมเมอร์เหล่านี้มาปักหลักในไทยเพิ่มมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ตนพูดแล้วว่าอย่าไปสนใจฝั่งตรงข้ามที่อยู่นอกบ้านมากนักเลย ยังบอกเลขาธิการ ปปง.อยู่เลยว่าเดี๋ยวพาไปเดิน ถ้าไปเดินอยู่แถวไหน รับรองเห็นรังสีอำมหิตแน่นอน เราจะรู้ได้ทันทีว่ามันต้องมีอะไรที่มันไม่ถูกต้อง ให้ไปดำเนินการตรงนั้น ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานทั้งหลายเขากล้าหมด ตนก็ได้แต่บอกว่าต้องเร่งดำเนินการ เพราะเป็นที่สนใจของประชาชน และเราถูกกดดันจากประชาคมโลกด้วย ตนไปประชุมอาเซียนและประชุมเอเปกกลับมา ก็มีเรื่องเหล่านี้เป็นวาระสำคัญ
เมื่อถามต่อว่า ที่ ปปง.ขอเรื่องเอไอมาช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรม รัฐบาลจะซัพพอร์ตอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ก็ให้นำเสนอขึ้นมา เรื่องที่เป็นเรื่องเร่งด่วนเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ถ้านำเสนอขึ้นมาต้องใช้งบกลางก็ต้องใช้
พท.ได้ทีไล่บี้ 'หนู'
ด้านนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยละเลยการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พรรคการเมืองอื่นไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีความรับผิดชอบสูงสุดและเป็นผู้แต่งตั้งรัฐมนตรีมาทำหน้าที่ ซึ่งล่าสุดรัฐมนตรีหนึ่งรายต้องลาออกเพราะกรณีเกี่ยวข้องกับพิษสแกมเมอร์
“เราทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่ ไม่มีการจงใจละเว้นใครให้พ้นจากคำถาม แต่สิ่งที่น่าสังเกตกว่าคือ พรรคที่เคยโหวตมอบอำนาจให้คุณอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี และถึงขั้นชื่นชมว่านายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ นั่นต่างหากที่ควรถามว่า เป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมของฝ่ายค้านหรือไม่” นายศึกษิษฏ์กล่าว
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่า ในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ทั้งในยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้พยายามแก้ไขปัญหาขบวนการสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ถึงขั้นดำเนินมาตรการตัดน้ำตัดไฟในพื้นที่ต้องสงสัย แต่กลับติดขัดจากการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทยที่ล่าช้า ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในเวลานั้น ปัจจุบันก็เป็นนายกรัฐมนตรี และยังถูกตั้งคำถามเรื่องความล่าช้า และการหันรีหันขวางในการจัดการปัญหานี้อยู่เช่นเดิม
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม เปิดเผยว่า จากการดำเนินการของคณะทำงานวอร์รูมพรรคกล้าธรรม เห็นว่า นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ได้อภิปรายและให้สัมภาษณ์เชื่อมโยงชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับขบวนการสแกมเมอร์-ทุนสีเทาข้ามชาติ พรรคกล้าธรรมขอยืนยันว่าเป็นข้อมูลเท็จ และเป็นความพยายามสร้างกระแสทางการเมืองด้วยเจตนาใส่ร้าย
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ข้อกล่าวหาไม่ใช่คำพิพากษา เมื่อข้อกล่าวหามาก่อนข้อเท็จจริง ใครจะปกป้องความเป็นธรรม พรรคกล้าธรรมยืนหยัดในความจริง ไม่ยอมให้การเมืองสกปรกทำลายคนบริสุทธิ์อีกต่อไป เราจะเดินหน้าพิสูจน์ความจริงในทุกเวที ทำงานเพื่อประชาชนด้วยความสุจริต โปร่งใส และไม่หวั่นไหวต่อแรงโจมตีทางการเมือง
'อัจฉริยะ' ยื่นหลักฐานใหม่
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหลักฐานแก่ดีเอสไอให้เอาผิด สส.อักษรชื่อ ช.ช้าง พัวพันเครือข่ายเว็บพนันและเครือข่ายค้ายาเสพติด ยืนยันหลักฐานที่ยื่นวันนี้เป็นหลักฐานใหม่ มีเส้นเงินถึงข้าราชการหลายหน่วยงาน โดยนำเอกสารหลักฐานและแผนผังความเชื่อมโยงของเครือข่ายเว็บการพนัน และเครือข่ายค้ายาเสพติดมาประกอบการแถลงข่าวและยื่นเรื่องต่อดีเอสไอ
โดยนายอัจฉริยะยืนยันว่า สำหรับหลักฐานที่นำมาส่งให้ดีเอสไอตรวจสอบและดำเนินคดีวันนี้เป็นหลักฐานใหม่ พร้อมระบุอีกว่า สส.คนที่กล่าวอ้างพยายามติดต่อขอยื่นข้อเสนอให้ตัวเอง แต่ตนไม่รับข้อเสนอดังกล่าว
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะอ้างว่านายชนนพัฒนฐ์ นาคสั้ว สส. สงขลา เข้าไปมีส่วนพัวพันและรับผลประโยชน์ รวมถึงรายชื่อข้าราชการตำรวจหลายหน่วยงาน และหน่วยงานอื่นๆเป็นเงินหลายล้านบาทต่อเดือน โดยเฉพาะตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. ซึ่งเป็นหน่วยงานปราบปรามเกี่ยวกับเว็บการพนัน แต่กลับเข้ามามีรายชื่อในการรับผลประโยชน์ โดยพบเงินหมุนเวียนในเครือข่ายทั้ง 2 เครือข่ายกว่า 2,500 ล้านบาท
นายอัจฉริยะกล่าวอ้างอีกว่า การทำคดีของตำรวจ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ "ศปอส.ตร." คือหน่วยงานรัฐบาลที่มีบทบาทในการดําเนินการระดมกวาดล้าง อาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมทั่วไป ทั้งการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ กลับสืบสวนทำคดีไม่สามารถเอาผิด สส.ดังกล่าวได้ หลังสำนักงานอัยการภาค 9 สั่งไม่ฟ้อง ทั้งที่มีทั้งเส้นทางการเงิน และบัญชีส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวข้องชัดเจน โดยตั้งข้อสงสัยว่าจะมีขบวนการช่วยเหลือทางคดีแก่ สส.คนดังกล่าว อีกทั้งเว็บการพนันของเครือข่ายดังกล่าวก็ยังมีการเปิดให้เล่นอยู่ในปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่นายอัจฉริยะนำหลักฐานมายื่นต่อดีเอสไอ เนื่องจากเงินหมุนเวียนในของทั้ง 2 เครือข่ายมีจำนวนมากถึง 2,500 ล้านบาท ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์ การพิจารณาเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยมี พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับหนังสือ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


