นายกฯ ปลื้ม “คนละครึ่งพลัส” ลงพื้นที่ ปชช.ตอบรับมีความสุข กระตุ้นระบบ ศก.คึกคัก สั่งรวมกลุ่มคนพลาดเฟสแรกเข้าเฟส 2 "เอกนิติ” เตรียมแจ้ง "ก.พาณิชย์" ตรวจสอบร้านค้าฉวยโอกาสเพิ่ม VAT 7% "ปลัดคลัง" ฟุ้งฟู้ดเดลิเวอรีร่วมจอยโครงการ 4 ราย โดดร่วมแล้ว 4 หมื่นร้านค้า ครม.เศรษฐกิจไฟเขียวตั้ง AMC แก้หนี้ NPL รับซื้อหนี้เสียไม่เกิน 1 แสนบาท ระยะแรก 2.36 ล้านบัญชี
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2568 โดยนายกฯ กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า สัปดาห์ที่แล้วต้องขอบคุณนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ที่เริ่มดำเนินนโยบายคนละครึ่งพลัส ทำให้เกิดความรู้สึกมีกำลังใจที่ดีกับประชาชน เราลงไปพื้นที่ไหนก็ได้รับเสียงว่าเขามีความสุข และเขามีความเต็มใจดีใจที่ได้ใช้เงินคนละครึ่งพลัส ตนรู้สึกว่าเป็นการสร้างความคึกคักขึ้นมาในระบบเศรษฐกิจ ดูจากตัวเลขแล้วมีการใช้กันมากพอสมควร รวมกับของภาครัฐที่ผสมเข้าไปหนึ่งเท่า ทำให้ระบบหมุนเวียนของเม็ดเงินกระจายไปทั่วประเทศ
“หลังจากที่ได้พบกับหลายท่าน มีเรื่องที่ต้องเห็นใจและแก้ไข ซึ่งไม่ใช่ความผิดของเขา คือเขาเข้าไม่ได้เข้าไม่ถึง ซึ่งต้องนำกลับมาเป็นหลักในการดำเนินการของเรา และคนที่มีความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร เข้าใจเรื่องเทเลแบงกิง (ธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์) เขาจะเข้าถึงก่อน แต่ยังมีประชาชนอีกหลายคนที่เป็นกลุ่มชายขอบหรือกลุ่มเปราะบาง เขายังไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง ซึ่งต้องให้ความช่วยเหลือ ถ้าเป็นผมคงใจเสียเหมือนกันที่เข้าไม่ได้ ดังนั้นเราต้องรวมกลุ่มที่พลาดในครั้งแรกกลับมาในเฟส 2 โดยเฟส 2 จะเน้นในการนำกลุ่มเหล่านี้กลับเข้ามา ให้ได้รับการดูแลจากรัฐบาลให้มากที่สุด และต้องฝากกระทรวงมหาดไทย ที่มี รมช.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัด ลงไปถึงระดับนายอำเภอ ช่วยกันให้คำแนะนำประชาชนให้เขาสามารถใช้สิทธิ์นี้ได้เข้าถึงและอย่างทั่วถึง” นายอนุทินระบุ
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีโครงการคนละครึ่งพลัส ที่ร้านค้าบางแห่งคิดค่าดำเนินการภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% กับลูกค้าว่า เรื่องนี้จะต้องมีการแจ้งไปยังกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ออกมาเตือนแล้ว อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ต้องการที่จะช่วยชาวบ้าน
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า พฤติกรรมดังกล่าวไม่ควรทำ เพราะการอ้างบวกภาษีเช่นนี้ไม่ต่างจากการขอขึ้นราคาสินค้า พร้อมกับย้ำว่าผู้ค้าไม่ควรจะบวกราคาสินค้าหรือขอคิดค่าบริการพิเศษใดๆ เนื่องจากรัฐบาลได้เข้าช่วยเหลือทำให้ผู้ค้าขายดีขึ้นกว่าเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ค้าก็ต้องช่วยประชาชนและผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
“กระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบราคาสินค้าที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้น หากพบว่ามีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ทางการจะดำเนินการเข้าตรวจสอบทันที” นายลวรณกล่าว
สำหรับมาตรการลงโทษนั้น ปลัดกระทรวงการคลังระบุว่า หากยังไม่ถึงขั้นเข้าข่ายการทุจริตอาจจะใช้วิธีการเตือนก่อน พร้อมกันนี้ได้ขอร้องให้ประชาชนผู้บริโภคช่วยกันแจ้งเบาะแสหากพบพฤติกรรมดังกล่าว
ในส่วนของแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีที่จะเข้าร่วมในโครงการคนละครึ่งพลัสนั้น ได้มีการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วในวันนี้ (3 พ.ย. 2568) ซึ่งมีรายงานว่ามีผู้ให้บริการรวม 4 รายเข้ามาร่วมโครงการ ได้แก่ Line Man, GrabFood, Robinhood และ ShopeeFood โดยการเริ่มใช้สิทธิ์ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2568
ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 3 พ.ย. 2568 เวลา 12.00 น. พบว่ามีร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมฟู้ดเดลิเวอรีทั้งสิ้น 40,722 ร้านค้า แบ่งเป็น Line Man จำนวน 22,831 ร้านค้า, GrabFood จำนวน 15,544 ร้านค้า, Robinhood จำนวน 590 ร้านค้า และ ShopeeFood จำนวน 1,757 ร้านค้า
ภายหลังการประชุม ครม.เศรษฐกิจ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าว
โดยนายเอกนิติกล่าวว่า ครม.เศรษฐกิจในวันนี้เห็นชอบโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือการตั้ง “AMC” ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยกำหนดให้ “การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชน” เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่จะต้องมีการแก้ไขโดยเร็ว เนื่องจากรัฐบาลพบว่าปัจจุบันมีลูกหนี้รายย่อยบางส่วนกำลังประสบปัญหา
"กระทรวงการคลังได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และภาคสถาบันการเงิน จัดทำโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของ AMC ขึ้น โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การเร่งปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans: NPLs) เพื่อผ่อนภาระให้ลูกหนี้ ช่วยให้ลูกหนี้สามารถปิดจบหนี้ หลุดพ้นจากสถานะการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้โดยเร็ว และมีประวัติการชำระหนี้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอนาคต ซึ่งจะเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรม และจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมเติบโตได้ในระยะยาวต่อไป"
นายเอกนิติกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชนในครั้งนี้ มุ่งแก้ไขปัญหาให้ลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายที่มีภาระหนี้ NPLs ซึ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 กับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย โดยมีจำนวนเป้าหมายที่ต้องการแก้ไขประมาณ 3.4 ล้านราย หรือ 4.76 ล้านบัญชี เป็นภาระหนี้จำนวนประมาณ 122,000 ล้านบาท
โดยในระยะแรกเป็นการดำเนินการแก้หนี้ NPL ผ่านกลไกการซื้อหนี้โดย AMC โดยเร็ว ซึ่งจะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 11 พ.ย. และ ธปท.จะมีการทำ MOU กับธนาคารเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งการดำเนินการในระยะนี้คาดว่ามีบัญชีลูกหนี้ที่เข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้นประมาณ 2.36 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้ประมาณ 62,400 ล้านบาท โดยเป็นการแก้ปัญหาลูกหนี้ที่อยู่กับธนาคารพาณิชย์ ลูกหนี้ของบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ และลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่จะได้รับการช่วยเหลือผ่านกลไกการขายและโอนหนี้ให้ AMC ที่ได้รับมอบหมาย ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) หรือบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) และกำหนดให้ AMC นำหนี้ดังกล่าวมาปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการเสนอเงื่อนไขการผ่อนชำระ ที่ผ่อนปรนและเหมาะกับความสามารถของคนกลุ่มนี้มากขึ้น เช่น การลดดอกเบี้ย, ไม่คิดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียม, การจ่ายชำระเพียงบางส่วนเพื่อปิดบัญชี เป็นต้น
ด้านนายลวรณกล่าวว่า ลูกหนี้ที่โอนเข้ามาใน AMC นี้จะได้รับรหัสพิเศษ (รหัส 16) ในเครดิตบูโร ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องรอถึง 3 ปีเพื่อขอสินเชื่อใหม่ หากลูกหนี้สามารถผ่อนชำระหนี้ใหม่ที่ลดภาระแล้วได้ตามวินัย อาจจะเป็น 1, 3 หรือ 6 เดือน สถาบันการเงินสามารถพิจารณาปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทันที นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือใหม่ที่จะใช้ "อารีย์ สกอร์" ที่กระทรวงการคลังจัดทำขึ้น เพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อใหม่แก่ลูกหนี้ที่เคยเป็น NPL แต่มีวินัย โดยสินเชื่อใหม่ที่ให้แก่ลูกหนี้ที่กลับมามีวินัย จะเน้นสินเชื่อที่ไปเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน หรือเพื่อไปประกอบธุรกิจเพื่อทำให้สามารถพ้นจากการเป็นหนี้เสียได้อย่างยั่งยืน
ขณะที่นายวิทัยระบุว่า ในอนาคตเราไม่สามารถจะบอกว่าจะทำโครงการในลักษณะนี้ เพราะถ้าจะทำในอนาคตจะเป็นการส่งสัญญาณว่าจะทำให้เสียวินัย เพราะฉะนั้นเราก็จะทำครั้งเดียว
ด้านนายผยงกล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างจริงจัง และร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของลูกหนี้อย่างเป็นระบบ เพราะถ้าไม่มองให้ลูกหนี้อยู่ตรงศูนย์กลางก็จะมองไม่รอบด้าน และจะทำให้มาตรการช่วยเหลือที่ออกมาไม่ตรงจุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


