“อนุทิน” ปาฐกถาพิเศษ ฟุ้งไทยกลับเข้าสู่เรดาร์โลก หลังใช้โอกาสพบผู้นำหลายประเทศ สร้างแรงขับเคลื่อนพิเศษ พร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจแล้ว “เอกนิติ” มั่นใจ "Quick Big Win" ในเสาหลักกระตุ้นเศรษฐกิจเข็น GDP ไตรมาส 4 ขึ้นจากหล่ม เร่งปลดล็อกลงทุน ยันยังไม่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% ภายในปี 68-69 ชี้รอจังหวะเศรษฐกิจไทยฟื้น พร้อมเตรียมมาตรการสำรองหากเศรษฐกิจซบเซา
ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ วันที่ 20 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Change for the Future” ตอนหนึ่งว่า ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตนแทบจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย เพราะต้องเดินทางไปร่วมประชุมทั้งอาเซียนและเอเปก และเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมาในโอกาสที่หัวหน้ารัฐบาลเดินทางไปก็ได้ประโยชน์ให้กับประเทศไทยมากมาย ซึ่งคำว่าปรับเปลี่ยนและไปต่อเกิดขึ้นทุกวัน เราอยู่เฉยไม่ได้ เพราะหากมัวเฉยฟันเฟืองต่างๆ ถ้าติดขัดไปหมด แต่หากมีการปรับเปลี่ยนและเดินไปเรื่อยๆ ทุกวันจะทำให้เราไม่มีวันหยุดนิ่ง และไปในจังหวะสถานการณ์ต่างๆ ของโลกที่ไม่ได้อยู่นิ่งเหมือนกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า วันนี้โจทย์ทั้งหลายที่ตนได้ไปพบกับผู้นำหลายประเทศ ในเวลาที่เดินทางไปประชุมตนก็จะขอปรับเวลาที่มีช่องว่างไปพบกับหลายคนด้วย ซึ่งตนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องปรับนิสัยด้วย ไม่รอให้ใครมาพบแม้จะเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเล็กกว่า ตนก็จะขอเวลาเพื่อไปพบและพูดคุย เพื่อสานต่อในเรื่องที่พูดคุยตกลงค้างคาไว้เพื่อเดินหน้าสองฝ่าย พร้อมกล่าวถึงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน มีคนแนะนำว่าท่านเป็นคนเก่งเรื่องการต่างประเทศ ตนได้ทำงานร่วมกันในต่างประเทศ 2-3 ครั้ง ท่านเห็นว่าเราไปต่างประเทศได้พบกับผู้นำหลายประเทศมาก รวมถึงภาคเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เห็นว่าเกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อย
"สิ่งที่ท่านสีหศักดิ์ได้พูดกับผมคือ ดีใจที่ได้ทำงานด้วยกัน รู้สึกว่าประเทศไทยได้กลับมาในจอเรดาร์ ซึ่งเมื่อผมได้ฟังคำนี้รู้สึกเหมือนถูกทุบไปกลางหน้าอก เพราะขนาดท่านทูตสีหศักดิ์ยังพูดคำนี้มา เพราะที่ผ่านมารู้สึกหายไปจริงๆ เพราะไม่มีใครเข้ามาสนใจ ทุกอย่างเป็นไปตามมารยาทกลไกปกติ แต่เมื่อพวกเราเข้ามาเหมือนเป็นการสร้างแรงขับเคลื่อนพิเศษ ซึ่งรัฐมนตรีสีหศักดิ์ยังรู้สึกแปลกใจที่ต้องรู้สึกสนิทสนมนั้น เพราะผมเป็นคนไม่ชอบกลับบ้าน สถานทูตในประเทศไทยใครเชิญผมไปงานวันชาติ ไม่ว่าประเทศเล็กมหาอำนาจ ใครเชิญผมไปหมด อย่างน้อยไปดูวิดีโอว่าประเทศเขามีอะไร และจะได้กินอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ ฟรีไปหนึ่งมื้อ ได้พบกับข้าราชการไทย นักธุรกิจทูตประเทศอื่นๆ ทำให้ความร่วมมือเกิดขึ้น" นายอนุทินกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยกำลังใช้กรอบต่างๆ ในการดำเนินก้าวต่อ ตามที่กรอบของโลกทั้งโลกกำหนดขึ้นมา เราไม่ได้ตกขบวน ทั้งเรื่องความร่วมมือเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD เพื่อให้รู้ว่าเรามีธรรมาภิบาล เรื่อง BCG การอนุมัติให้มีไฟฟ้าที่เป็นโซลาร์เพิ่มมากขึ้น
"วันนี้เศรษฐกิจของเรากำลังเดินไปข้างหน้า รัฐบาลนี้มีเวลาแค่ 4 เดือน ก็ต้องรู้ว่าตรงไหนที่สามารถเปลี่ยนได้ และมีมติได้ภายใน 4 เดือนก็ต้องทำ เราต้องเป็นคนหัวแข็ง ต้องยืดหยุ่น อะไรที่คิดแล้วเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ต้องทำไป ด้านเศรษฐกิจของไทยก็ต้องเดินหน้า ซึ่งตอนนี้มีความพร้อมแล้ว ทั้งด้านทรัพยากรพร้อม กฎระเบียบก็พร้อม และหากอยากให้พร้อมก็เลือกตนกลับมา" นายอนุทินกล่าว
วันเดียวกัน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เป็นประธานในการเปิดงานมหกรรมการเงินกรุงเทพส่งท้ายปี ครั้งที่ 8 หรือ Money Expo 2025 Bangkok Year-End พร้อมปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ Thailand 2026 "ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ" ตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจไทยชะลอลงเรื่อยๆ ล่าสุด ไตรมาส 3 เศรษฐกิจเริ่มชะลอเหลือแค่ 1.2% ส่วนไตรมาส 4 ถ้าไม่ทำอะไรเลย อาจเหลือ 0.3% ถึงขั้นติดหล่ม จึงต้องเปลี่ยนวิธีคิด ซึ่งมีหลายเซกเตอร์ที่ต้องใช้พลังประเทศในการช่วยเหลือ และบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาของไทยไม่มีความคึกคัก ทุกอย่างอ่อนตัว แต่วันนี้ดัชนีผู้บริโภคกลับมาดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้เปลี่ยนมุมคิด ให้มีการกระตุ้นในระยะสั้นและเติบโตในระยะยาว และต้องกระจายตัว และให้เกิดการใช้ดิจิทัลมากขึ้น เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส ที่ต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว
นายเอกนิติระบุว่า รัฐบาลได้ดำเนินแผนการฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ในเสาหลักที่ 1 ได้ครบแล้ว ทั้งการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่งพลัส โครงการเที่ยวดีมีคืน ปัญหาหนี้ครัวเรือน จับมือกับธนาคารแห่งประเทศ และสมาคมธนาคารไทย เพื่อดึงหนี้คนตัวเล็กหรือหนี้รายย่อยที่มียอดหนี้ไม่เกิน 1 แสนบาท ให้มาอยู่ในการบริหารของบริษัทบริหารสินทรัพย์ โดยรับซื้อหนี้มาจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนได้ ภายใต้โครงการ "ปิดหนี้ไว ไปต่อได้" สำหรับมาตรการช่วยเหลือ SMEs รัฐบาลกำลังจัดทำเป็นแพ็กเกจเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ SMEs โดยจะทำโครงการพี่ช่วยน้อง เป็นการแก้สั้น แต่ได้ผลในระยะยาว โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการ Quick Big Win ที่สำเร็จไปบางเรื่องนั้น น่าจะช่วยดึงเศรษฐกิจที่กำลังติดหล่มให้ดีขึ้นมาได้ในช่วงไทยไตรมาส 4
"ประเทศไทยมีเสน่ห์ คนอยากมาลงทุนมาก แต่ติดล็อกกฎระเบียนต่างๆ ซึ่งรัฐบาลจะทำโครงการ "Fast Pass" เพื่อปลดล็อกการลงทุนใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้จริง โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจสัปดาห์หน้า เมื่อปลดล็อกแล้ว จะส่งผลให้มีการลงทุนใหม่ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ในกว่า 60 โครงการ ซึ่งจะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น ในอุตสาหกรรมอีวี ออร์โตเมชัน เมดิคัล ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น" นายเอกนิติระบุ
ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มมาอยู่ระดับ 10% นั้น รมว.การคลังกล่าวว่า อยู่ในแผนเพิ่มศักยภาพทางการคลัง ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ต่างชาติ ยอมรับว่าขณะนี้ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยยังไม่พร้อม จะยังไม่ขึ้นภาษีในปี 2568-2569 ซึ่งตามกรอบเวลา จะขึ้นภาษีเป็น 8.5% ภายในปี 2571 และเป็น 10% ภายในปี 2573
นายเอกนิติกล่าวว่า ในแผนการคลัง มีทั้งการปฏิรูปภาษี แผนลดรายจ่าย การใช้เงินกองทุนรวมผ่านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเน้นการลงทุน และมีแผนเพื่อรักษาวินัยทางการคลัง โดยรัฐบาลมีแผนให้การขาดดุลงบประมาณลดเหลือไม่เกิน 3% ภายในปี 2572 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยขาดดุลงบประมาณที่ 4.4% ทั้งนี้ก็ต้องดูที่ความพร้อม แต่อยู่ในแผนแน่นอนแล้วเราก็ต้องมีการคิดคำนวณด้วยว่า ถ้าเกิดวันนั้นเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวกลับมาพอที่จะสามารถขึ้นได้ เราก็ต้องมีมาตรการอื่นมาชดเชย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรายได้ในประเทศอื่น หรือลดรายจ่าย ซึ่งอันนี้ถูกเขียนอยู่ในแผนการคลังระยะปานกลาง
ด้านนายอนุทินกล่าวว่า ตามกฎหมายต้องเก็บ Vat 10% แต่ไทยใช้ข้อยกเว้นมาโดยตลอด จากสภาพสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งตัวเลขที่ออกมาล่าสุดก็เป็นการนำเสนอแผนระยะยาว ก็ต้องมีการนำเสนอด้วยอิงกฎหมายไว้ก่อน แต่ในความเป็นจริงช่วงนี้ไม่ต้องกังวล หากตนยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดทิศทาง บริหารประเทศอยู่ vat ไม่ได้ขึ้นแน่นอน ต้องอยู่ที่เดิมก่อน เพราะไทยอยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นฟู กำลังปรับสภาพประเทศให้มีศักยภาพในการดำรงอยู่ในเวทีโลก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


